อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

อย่ากล่าว "อัสสะลามุอาลัลลอฮี" ขณะนั่งตะชะฮุด



ก่อนที่ตะชะฮุดในขณะละหมาด จะถูกบัญญัติเป็นข้อบังคับขึ้นนั้น จะมีการกล่าว “อัสสะลามุอาลัลลอฮิ” (ความสันติจงมีแด่อัลลอฮฺ) ก่อนคำว่า “อิบาดิฮี”  ต่อมาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ห้ามไม่ให้กล่าวคำนี้ เพราะท่านกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ “อัสสะลาม” แต่ท่านให้กล่าว “อัตตาฮียาตุลิลลาฮิ” (บรรดาการคารวะทั้งหลายล้วนเพื่ออัลลอฮฺ”

รายงานจากท่านอิบนุอับบาส (ร่อฎียัลลออุอันฮุ) เล่าว่า
“ก่อนที่ตะชะฮุดจะถูกตราเป็นบทบัญญัติแก่พวกเรา พวกเราเคยกล่าวว่า อัสลามูอาลัลลอฮิก็อบลาอิบาดิฮิ, อัสลามูอาลาญิบรีล, อัสลามูอาลามีกากาอีล”ความว่า “ความสันติจงมีแด่อัลลอฮฺ ก่อนคำว่า “อิบาดิฮี” ความสันติจงมีแต่ยิบรีล ความสันติจงมีแด่มีกาอีล” 
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) จึงได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงอย่ากล่าวว่า “อัสลามูอาลัลลอฮิ” แต่จงกล่าวว่า “อัตตาฮียาตุลิลลาฮิ” (บันทึกโดยอิมามอิบนุกุดามะฮฺ)

สำหรับตะชะฮุดที่ถูกต้องที่สุดที่มีรายงานมา คือตะชะฮุดที่รายงานจากท่านอิบนุมัสอู๊ด (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) ซึ่งเป็นตะชะฮุดที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้สอนท่านอินนิมัสอู๊ดด้วยตัวของท่านเอง

รายงานจากท่านอิบนิมัสอู๊ด นุมัสอู๊ด (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า
“เราเคยเมื่อเรานั่งกับท่านร่อสูลุลลอฮฺ  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ในขณะละหมาด พวกเรากล่าวว่า :อัสสะลามุอาลัลลอฮิ ก็อบละอิบาดิฮี และกล่าวสลามต่อผู้นั้นผู้นี้ แล้วท่านรสูล ก็ได้กล่าวว่า : พวกเจ้าจงอย่ากล่าว “อัสสะลามุอาลัลลอฮฺ” เพราะแท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ “อัสสะลาม” แต่เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าได้นั่งแล้วก็จงกล่าว

“التَّحِيَّاتُ للهِ وَالصَّلَوَاتُ وَالطَّيِّبَاتُ، السَّلاَمُ عَلَيْكَ أَيُّهَا النَّبِيُّ وَرَحْـمَةُ اللهِ وَبَرَكَاتُـهُ، السَّلاَمُ عَلَيْنَا وَعَلَى عِبَادِ اللهِ الصَّالِـحِينَ،

อ่านว่า ( อัตตะหิยฺยาตุลิลลาฮฺ, วัศฺศอละวาตุวัฏฺฏ็อยยิบาตฺ, อัสลามุอะลัยกะ อัยฺยุฮันนะบิยฺยุ วะเราะฮฺมะตุล ลอฮิวะบะรอกาตุฮฺ, อัสลามุอะลัยนา วะอะลาอีบาดิลลาฮิศฺศอลิหีน)

ความหมาย “มวลการเคารพสดุดี การวิงวอนและความดีงามต่างๆเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ขอความศานติ ความเมตตาและความจำเริญทั้งหลายของอัลลอฮ์จงประสบแด่ท่านโอ้ผู้เป็นนบี ขอความศานติ จงประสบแด่พวกเราและแด่ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ผู้ทรงคุณธรรม"

เมื่อพวกเจ้ากล่าวดังนั่นแล้ว ก็จะได้แก่บ่าวที่มีคุณธรรมทุกคนที่มีอยู่ในฟากฟ้า และแผ่นดิน หรืออยู่ระหว่างฟากฟ้าและแผ่นดิน (และให้กล่าวต่อไปอีกว่า)

"  أَشْهَدُ أَنْ لاَ إلَـهَ إلاَّ اللهُ، وَأَشْهَدُ أَنَّ مُـحَـمَّداً عَبْدُهُ وَرَسُولُـهُ "

อ่านว่า (อัชฮะดุอัลฺลาอิลาฮะอิลฺลัลลอฮฺ, วะอัชฮะดุอันนะมุหัมมะดัน อับดุฮูวะรอซูลุฮฺี )

ความหมาย "ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮฺ และขอปฏิญาณว่ามุฮัมหมัดนั้นเป็นบ่าว และศาสนทูตของพระองค์ ”

ต่อจากนั้นก็ให้เลือกคำขอพรที่ชอบได้ตามความปรารถนา แล้วก็ขอตามที่เลือกเอา” 
(บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)

อิมามมุสลิม ได้กล่าวว่า
 “บรรดานักวิชาการมีมติเห็นพ้องเกี่ยวกับ “ตะชะฮุด” ที่รายงานโดยอิบนุมัสอู๊ด เพราะว่า“ตะชะฮุด” ที่รายงานโดยอิบนุมัสอู๊ด บรรดาสาวกของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ไม่มีความขัดแย้งกันเลย ส่วนรายงานโดยผู้อื่น บรรดาสาวกต่างมีความเห็นขัดแย้งกัน”


والله أعلم بالصواب



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น