อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

ข่าวเกี่ยวกับไฟนรกจากท่านญิบรออีล(อลัยฮิสสลาม)




รายงานจากท่านอุมารอิบนุคอตตอบ(ร.ฮ)เล่าว่า
วันหนึ่งญิบรีลได้มาหาท่านรอซูล ซ.ล ในขณะเวลาที่ไม่ธรรมดาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆมาและท่านรอซูลก็ยืนต้อนรับ พร้อมทั้งกล่าวว่า

عن ابن عمررضى الله عنهماقال جاءجبريل الى النبي صل الله عليه وسلم فى حين غيرحينه الدى

... ท่านรอซูล กล่าวว่า โอ้ญิบรีล ทำไมร่างกายของท่านเปลี่ยนสีไม่เหมือนดังเมื่อก่อนล่ะ? ญิบรีล กล่าวว่า อัลลอฮได้รับสั่งกับข้าให้มาหาท่านและบอกข่าวเกี่ยวกับไฟนรก
รอซูล กล่าวว่า งั้นจงบอกข้ามาเถิดถึงสถานการณ์ในนรกนั้นเป็นอย่างไร ญิบรีลกล่าวว่า อัลลอฮนั้นได้สั่งให้จุดไฟนรก หนึ่งพันปีจนทำให้ไฟนั้นมีความร้อนแรงจนเป็นสีขาว และรับสั่งให้เติมเชื้อไฟอีกหนึ่งพันปีจนทำให้ความร้อนเปลี่ยนเป็นสีแดง และสั่งให้เติมเชื้อไฟอีกหนึ่งพันปีจนไฟนั้นมีความร้อนเปลี่ยนเป็นสีดำ

ดำจนมืดและร้อนจนไม่สามารถแสดงรัศมีได้อีก

ด้วยความบริสุทธิของพระองค์ ถ้าหากว่านรกนั้นรั่วใหลลงบนโลกมนุษย์ขนาดเท่ารูเข็มแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนั้นจะถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นเพราะความร้อนของมัน
ด้วยความบริสุทธฺและตั้งมั่นบนความถูกต้องของพระองค์ เมื่อใหร่ที่ผู้เฝ้านรกคนนึงหลุดเข้ามาบนโลกมนุษย์แล้ว จะทำให้มนุษย์นั้นสิ้นชีวิตกันทั้งหมด เพราะความน่าเกลียดน่ากลัวและกลิ่นเหม็นของเขาและด้วยอัลลอฮที่ส่งท่านมาซึ่งตั้งมั่นอยู่บนความถูกต้อง ถ้าหากว่าโซ่ข้อใดข้อหนึ่งในนรก หล่นลงมาบนภูเขาลูกใดลูกนึงบนโลกแล้วภูเขานั้นจะหลอมละลายจนทะลุก้นโลก

ท่านรอซูลกล่าวว่าหัวใจข้าเกือบสลายและสิ้นชีวาเมื่อได้รับฟังเรื่องเล่าของท่านท่านรอซุลมองไปที่ญิบรีลที่กำลังร้องให้โศกเศร้าจนทำให้ท่านนั้นร้องให้ตามไปด้วย พร้อมทั้งถามว่า ทำไมท่านถึงโศกเศร้าในเมื่อท่านก็ขึ้นชื่อว่าคือหนึ่งในผู้ใกล้ชิดพระองค์?
ญิบรีลกล่าวว่า

จะไม่ให้ข้าโศกเศร้าได้งัย ในเมื่อไม่มีใครทราบถึงความต้องการของอัลลอฮและข้าไม่ทราบว่าข้าจะโดนทดสอบเหมือนอิบลิสในเมื่อครั้งก่อน เพราะอิบลิสก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิดพระองค์(เมื่อครั้งที่ยังไม่ถูกลงโทษ) และข้ากลัวว่าจะเป็นเหมือนดังฮารุตและมารุตที่เคยโดนทดสอบจากอัลลอฮ เช่นเดียวกัน

ญิบรีลและท่านรอซูลก็ยังคงร้องให้ด้วยความวิตกกังวลจนกระทั่งวาฮยูของอัลลอฮลงมามีใจความว่า
“โอ้ญิบรีลและรอซูลข้านั้นได้รับรองเจ้าทั้งสองคนให้ห่างใกลจากการทรยศต่อข้าแล้ว”
หลังจากนั้นญิบรีลก็บินขึ้นไปยังฟากฟ้าและท่านรอซูลก็เดินทางกลับ ในระหว่างนั้นก็เจอกับชาวอันศอรที่กำลังละเล่นกันอย่างสนุกสนาน

ท่านรอซูล กล่าวว่า
พวกท่านกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานกันอีกหรือในเมื่อเบื้องหลังของพวกท่านนั้นมีไฟนรกยาฮันนัม
ถ้าหากพวกท่านรู้เหมือนดังที่ข้ารู้พวกท่านจะหัวเราะไม่ออกอีกทั้งพวกท่านจะมีแต่การร้องไห้พวกท่านจะไม่คิดที่จะดื่มและกินและจะทำให้พวกท่านดิ้นรนขึ้นที่สูงเพื่อที่จะขอความสงสารและคุ้มครองจากอัลลอฮตาอาลาเท่านั้น

(จากท่านฏอบรอนีโดยจากการบอกเล่าจากท่านอุมาร อิบนุ คอตตอบ)

........................................................
credit: http://www.sunnahstudent.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น