อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ใคร่ครวญความศรัทธาของตัวเอง


โอ้พี่น้องมุสลิมเอ๋ย และรวมถึงตัวฉันด้วย ท่านเคยคิดใคร่ครวญสงสัยถึงความอีหม่านของตัวเองบ้างไหม? ท่านเคยมองตัวเองบ้างไหม? ว่าวันนี้ ใจและการกระทำของเราเอนเอียงไปทางใด ระหว่างดุนยานี้กับโลกหน้า ระหว่างพระเจ้าของเรากับทรัพย์สินเงินทองที่พระองค์ทรงสร้างมาเพื่อเป็นปัจจัยแห่งการดำรงชีพและการทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ เราเคยให้เวลากับกิจการของเราในโลกนี้ ไปพร้อมกับการให้เวลาแก่การละหมาด การรำลึกถึงอัลลอฮฺตะอาลา หรือให้เวลาแก่การทำอิบาดะฮฺอื่นๆบางไหม?

ลองนึกถึงบรรดาสาวกของท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ถึงแม้พวกท่านจะทำอิบาดะฮฺอย่างมากมาย พวกท่านก็ยังไม่พอใจ พวกท่านยังสงสัยความศรัทธาของพวกท่านอยู่ กลัวความอิหม่านของพวกท่านยังไม่เพียงพอ จนพวกท่านรู้สึกกระวนกระวาย และร้องไห้ออกมา

รายงานจากท่านฮันซะละอฺ อุซัยยิดี (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ) เล่าว่า
“ครั้งหนึ่ง ฉันได้พบอบูบักรฺและบอกเขาว่า : ฮันซะละฮฺได้กลายเป็นผู้สัปปรับไปเสียแล้ว อบูบักรฺจึงกล่าวว่า : ท่านพูดอะไรซิ?ฮันซะละฮฺ (ผู้เล่า) จึงกล่าวว่า : เมื่อเราอยู่กับท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เราคิดถึงเรื่องนรกและสวรรค์ ราวกับว่าเราเห็นมันด้วยตาของเราเอง แต่เมื่อเราอยู่ห่างจากท่าน เรากลับสนใจเรื่องครอบครัว และธุรกิจของเรา และทำให้เราลืมคิดสิ่งเหล่านี้ (เกี่ยวกับโลกหน้า)อบูบักรฺจึงกล่าวว่า ; ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ฉันก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันดังนั้นอบูบักรฺและฉันจึงได้ไปหาท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเล่าถึงปัญหาของเราให้ท่านฟัง ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าว่า : ขอสาบานด้วยพระองค์ผู้ทรงกำชึวิตของมุหัมมัดไว้ในพระหัตถ์ ถ้าสภาพจิตใจของพวกท่านยังคงเหมือนกับที่มันเป็นเมื่ออยู่กับฉัน และท่านยังระลึกถึง (อัลลอฮฺและโลกหน้า)อยู่เสมอ มลาอิกะฮฺจะลงมาและจับมือกับท่านในที่นอนของท่านและบนถนนของท่าน แต่ฮันซะละฮฺเอ๋ย ท่านก็จะต้องให้เวลาแก่กิจการทางโลก ให้เวลาแก่การละหมาด และการรำลึกถึงอัลลอฮฺด้วย ท่านกล่าวเช่นนี้ถึง 3 ครั้ง”
(บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม เลขที่ 37.66231)

รายงานจากท่านอิบรอฮีม เล่าว่า
“ครั้งหนึ่ง มีคนนำอาหารมาให้อับดุรฺเราะฮฺมาน บินเอาฟฺ และเขากำลังถือศิลอด เขากล่าวว่า : มุสอับ บินอุมัยรฺ ได้เป็นผู้พลีชีพ และเขาดีกว่าฉัน เขาถูกห่อศพในเสื้อคลุมของเขา เมื่อหัวของเขาถูกปิด ขาของเขาก็เปิด เมื่อขาของเขาถูกปิด หัวของเขาก็เปิด ฮับซะฮฺ ก็ได้เป็นผู้พลีชีพและเขาดีกว่าฉัน ตอนนี้ทรัพยืสินทางดลกได้ถุกประทานแก่เรา ไม่ต้องสงสัยเลย ฉันกลัวว่าฉันอาจได้รับรางวัลตอบแทนการกระทำของฉันในโลกนี้ (และไม่มีอะไรหลงเหลือไว้สำหรับฉันในโลกหน้า) ดังนั้น เขาจึงเริ่มร้องไห้และไม่กินอาหารที่ถูกนำมาให้เขา” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ เลขที่ 2.365)

والله أعلم بالصواب


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น