อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

อะกีดะฮฺและมันฮัจของอิมามอัช-ชาฟิอียฺี






อิมาม อัช-ชาฟิอียฺ ได้ปฏิบัติตามบรรทัดฐานและที่มาของการยึดมั่น (อะกีดะฮฺ) เหมือนกับสะลัฟชนท่านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

ยึดมั่นวะหฺยุ (อัล-กุรอ่านและอัส-สุนนะฮฺ)

เน้นวะหฺยุก่อนสติปัญญา วะหฺยุยังเป็นบรรทัดฐานและที่มาของการยึดมั่น (อะกีดะฮฺ) ทุกประการ เข้าใจอัล-กุรอ่าน และอัส-สุนนะฮฺตามตัวบทที่ปรากฏและตามแนวทางของสะลัฟชนในการเข้าใจและการตีความหลักฐาน ต้องยอมรับและต้องปฏิเสธตามแนวทางของสะลัฟชน

ดังคำตรัสของอัลลอฮฺ ความว่า
“ไม่บังควรแก่ผู้ศรัทธาชายและศรัทธาหญิง เมื่ออัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ได้กำหนดกิจการใดแล้ว สำหรับพวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องของพวกเขา และผู้ใดไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์แล้ว แน่นอนเขาได้หลงผิดอย่างชัดเจน”
(อัล-กุรอ่าน 33/36)

อิมามอัช-ชาฟิอียฺกล่าวว่า”ฉันศรัทธาต่ออัลลอฮฺตามบัญชาการที่พระองค์ทรงประทานมา และเข้าใจตัวบทตามความประสงค์ของพระองค์ อีกทั้งฉันศรัทธาต่อท่านรสูลุลลอฮฺ ตามตัวบทที่ท่านนำมา และสอดคล้องกับความเข้าใจของท่านอีกด้วย” (มัจมูอฺ ฟะตาวา 4/2 , 4/354)

ทัศนะของอิมาม อัช-ชาฟิอียฺต่ออัส-สุนนะฮฺ

อิมามอัช-ชาฟิอียฺกล่าวว่า “ทุกอย่างที่ปรากฏในอัส-สุนนะฮฺ ซึ่งเป็นการอธิบายเนื้อหาอัล-กุรอ่านนั้น วาญิบทุกคนต้องน้อมรับเหมือนกับการยอมรับอัล-กุรอ่าน เพราะอัลลอฮฺทรงกำหนดให้เราทุกคนศรัทธาต่อรสูลและยอมรับบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ท่านนำมา นั่นหมายถึงผู้ที่ยอมรับและศรัทธาต่อคำสอนของรสูล แสดงว่า เขาผู้นั้นได้ศรัทธาในสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺ เพราะพระองค์ได้บัญชาให้เราภักดีและเชื่อฟังต่อรสูล” (อัรฺ-ริสาละฮฺ หน้า 32,33)

ท่านได้ยึดหลักฐานจากคำตรัสของอัลลอฮฺ ความว่า

“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังรสูลเถิดและผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปสู่อัลลอฮฺและรสูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่ง และเป็นการกลับไปที่สวยงามยิ่ง”
(อัลกุรอ่าน 4/59)

อิมามอัช-ชาฟิอียฺไม่เห็นด้วยกับพวกที่ปฏิเสธอัส-สุนนะฮฺ อ้างว่าอัส-สุนนะฮฺเป็นหลักฐานไม่ได้หรือผันความ หมายที่ปรากฏในอัส-สุนนะฮฺเป็นอย่างอื่น ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของเราทุกคนต้องปฏิบัติตามและยึดมั่นอัส-สุนนะฮฺ ในส่วนของการปฏิบัติตามหรือในส่วนของการเข้าใจ ทั้งที่เป็นคำสั่งหรือคำห้าม

ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น สำหรับผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ นอกจากต้องปฏิบัติตามคำสอนของท่านรสูลด้วย ความบริสุทธิ์ใจ สบายใจและปราศจากความแคลงใจใด ๆ ทั้งสิ้น กอปรกับเปิดใจกว้างพร้อมที่จะยอมรับ ทุกสิ่งที่มาจากอัส-สุนนะฮฺ เรารำลึกอยู่ตลอดเวลาว่า เราจำเป็นต้องอาศัยอัส-สุนนะฮฺในการเข้าใจ เนื้อหาอัล-กุรอ่าน

.....................................
โดย  ชมรมมุสลิมตาสา
http://www.warasatussunnah.net/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น