อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

มือบนดีกว่ามือล่าง





คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการให้เป็นความขาดทุน โดยลืมไปว่าผู้ให้คือมือบน ส่วนผู้รับคือมือล่าง แน่นอนมือบนย่อมมีเกียรติมากกว่ามือล่างและก็คงไม่มีใครมองว่าด้อยเกียรติกว่าขอทาน แต่คนรวยในอิสลามไม่ได้หมายถึงการมีทรัพย์อันมากมายแต่ ความร่ำรวย คือ ความรวยน้ำใจ

ในความรวยน้ำใจนั้นไม่ได้หมายถึงความฟุ้งเฟ้อในการใช้จ่าย เพราะอิสลามห้ามความสุรุ่ยสุร่าย และใครก็ตามที่ใช้จ่ายโดยไร้เหตุผลเขาผู้นั้นคือมิตรของชัยฎอน คนที่เป็นมิตรกับชัยฎอนจะไม่คำนึงถึงความชอบทำใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ถูกใจตนเองเพียงอย่างเดียวก็พอ ดังนั้นคนที่มีรายได้ต่ำแต่รสนิยมสูงจะเดินตามรอยเท้าชัยฎอน แล้วในที่สุดก็ติดกับดักของชัยฎอน เมื่อนั้นแหละที่รู้ตัวว่าเดินทางผิด มีหนี้สินติดตัวจนกระทั่งคิดฆ่าตัวตายในที่สุด

อิสลามสอนให้ขยันทำมาหากิน โดยไม่มีคำว่าวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่ต้องไม่ละเลยต่อหน้าที่อันพึงปฏิบัติต่ออัลเลาะห์ที่เรียกว่า อิบาดะฮ์

ดังที่อัลกรุอานได้ระบุไว้ว่าความว่า

"ดังนั้นเมื่อการละหมาดจบลง จงกระจายไปตามหน้าแผ่นดิน
และแสวงหาจากความโปรดปรานของอัลเลาะฮ์"


การได้ปัจจัยยังชีพ คือการได้ความโปรดปรานจากอัลเลาะฮ์ ไม่ใช่การได้มาเพราะความสามารถของตัวเอง แต่ทุกคนต้องเป็นผู้แสวงหาความรู้ความสามารถในการแสวงหาปัจจัยยังชีพ โดยที่ไม่ลืมความเมตตาจากอัลเลาะฮ์ แม้ว่าตัวเองจะมีความสามารถขนาดไหนก็ตาม

อาชีพทุกอาชีพที่ฮะลาลถูกต้องตามหลักการอิสลาม ถือว่าเป็นงานที่มีเกียรติทั้งสิ้น แม้จะเป็นอาชีพของการเผาถ่าน

ดังที่ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า

“หากคนหนึ่งในหมู่ท่านเอาเชือกขึ้นไปอยู่บนภูเขาแล้วมัดฟืนขึ้นบ่าแบกมาขายที่ตลาด และอัลเลาะฮ์ให้ดำรงชีวิตได้ด้วยงานนั้น
ย่อมเป็นการดีแก่เขามากกว่าที่จะไปขอจากผู้คนไม่ว่าพวกเขาจะให้เขาหรือไม่ให้เขา”
(บันทึกโดยบุคอรีย์)

และท่านนบี ได้อ้างถึงนบีดาวูด ท่านจะทานอาหารเฉพาะจากผลงานที่ทำมาด้วยมือของตัวเองเท่านั้น โดยไม่เคยคิดขอทานจากคนหนึ่งคนใด ดังนั้นบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่านนบี จึงเป็นผู้ขยันทำงาน แม้หลังละหมาดวันศุกร์ ก็เร่งรีบออกไปทำงานแสวงหาปัจจัยยังชีพเพื่อครอบครัวและตนเอง

นอกจากนี้ท่านนบีซะกะรียายังมีอาชีพเป็นช่างไม้ โดยไม่ได้คิดว่าการเป็นช่างไม้เป็นอาชีพที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นศาสนทูตแต่อย่างใด ท่านทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา และก็ไม่ได้ละทิ้งการทำมาหากิน

ท่านนบี ได้ย้ำว่า อาหารที่ดีที่สุดของคนๆ หนึ่งก็คืออาหารที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ดังเช่นในกรณีของนบีดาวุด
(บันทึกโดยบุคอรีย์)

การเป็นคนขยันทำมาหากินแม้จะถือว่าเป็นคนดีแล้วก็ตาม แต่ได้มีผู้ถาม

ท่านนบี ว่า มุสลิมแบบใดที่ดีที่สุด

ท่านตอบว่า คือผู้ที่ให้อาหาร และให้สลามแก่คนที่รู้จัก และไม่รู้จัก
(บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

ขอเรียกร้องพี่น้องมุสลิมทุกคนขอให้คิดเป็นมือบน และอย่าคิดเป็นแต่มือล่างที่คอยแบขอ เพื่อศักดิ์ศรีของประชาชาติของท่านศาสนทูตมุฮัมหมัด...

...............................................................
โดย.....อ.อับดุลลอฮฺ มานะ
มูลนิธิ ชี้นำสู่สันติสุข

มีน รักบ้านเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น