อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

"อณาจักรออตโตมัน กับ มุสลิมปัจจุบัน"




ช่วงระหว่างเวลาสงครามโลก อณาจักรออตโตมานติดหนี้มากมาย สุลฏอนผู้ไฝ่อิสลาม อับดุลฮามิด ข่าน II ต้องมารับหน้าที่ที่อันหนักหน่วง ยิวคนหนึ่งชื่อ สุลัยมาน มันซูร ได้เขียนไว้ในจดหมายลับฉบับหนึ่งของเขาว่า

“เราได้นำเสนอว่าจะให้เหรียญทองจำนวนสองหรือสามล้านเหรียญ์แก่สุลฏอนอับดุลฮามิด ข่าน II เพื่อเป็นสินบนแก่การจะยกที่ดินผืนหนึ่งในตุรกีให้เเก่เรา… (หมายถึงในอณาจักรอิสลามอุษมานียะฮฺหรือออตโตมานนั่นเอง-กองบก.) แต่เเล้วพระองค์นั้นปฏิเสธและไล่คนของเราออกมาอย่างน่าอัปยศ แต่พวกท่านจงมั่นใจเถิด… ว่าในช่วงเวลาอันเหมาะสมนี้เราจะต้องทำให้รัฐบาลที่เย่อหยิ่งนี้ พังทลายลงกับพื้นดินและจะทำร้ายพวกเตอร์(ตุรกี)เสีย จนทำให้สภาพของพวกเขานั้นเป็นทุกข์ซะยิ่งกว่าสภาพชาวอินเดียนแดงในอเมริกาทีเดียวละ”
ในบันทึกของ เธียวดอร์ เฮอร์เซิล(Theodor Herzl) ผู้ก่อตั้งยิวไซออนิสต์ ซึ่งพิมพ์ในปี 1934(พ.ศ.2477)ว่า สุลฏอนอับดุลฮามิดได้มอบเหรียญอันหนึ่งให้แก่ นายเฮอร์เซิล ในปี 1902(พ.ศ. 2445) พร้อมกันนั้นมีจดหมายฉบับหนึ่งด้วยซึ่งมีใจความว่า

“จงบอกดร.เฮอร์เซิลให้เลิกความพยายามต่อไปที่จะก่อตั้งรัฐยิวขึ้นในปาเลสไตน์เสีย ถ้าอณาจักรออตโตมานถูกทำลายลงเท่านั้นแหละชาวยิวจึงจะยึดปาเลสไตน์ได้”

ผู้อวุโสยิวไซออนิสต์นั้น มักจะประชุมกันต่อเนื่องเพื่อหาวิธีการที่จะล้มล้างสถาบันคอลีฟะฮฺในอิสลาม ซึ่งนั้นหมายถึงสัญลักษณ์การเป็นหนึ่งเดียวหรือเป็นเอกภาพในศาสนาอิสลาม เขาได้ยื่นสาสน์แก่สุลฏอนอับดุลฮาฮามิด ข่าน II เพื่อให้จัดหาที่ดินบางแห่งในปาเลสไตน์แก่ชาวยิว พร้อมกับยอมที่จะจ่ายเงินตามที่ต้องการ แต่พระองค์ฉลาดกว่าเยอะ พระองค์ทรงรู้ทันไอ้พวกยิวเจ้าเหล่เหล่านี้ พระองค์ปฏิเสธคำร้องขอของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกยิวก็เริ่มโจมตีพระองค์ ใส่ร้ายเรื่องต่างๆนานา เพื่อให้ชาวตุรกีและชาวโลก รู้ว่าสุลฏอนพระองค์นี้ ชั่วร้ายมากขนาดไหน พวกเขาจัดประชุมลงมือปฎิบัติการ และแพร่กระจายคำขวัญต่อต้าน บิดเบือนความจริงอย่างซํ้าๆซากๆเช่นนี้ พวกยิวทำให้เยาวชนตุรกีมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังชาวอาหรับ เกิดการจลาจลต่างๆมากมายเพื่อที่จะทำลายเสถีรภาพในตุรกี ในที่สุดสถาบันคอลีฟะฮฺก็ก็ถูกล้มล้าง โดยองค์กรเยาวชนองค์กรหนึ่งที่ถูกควบคุมโดยยิวนานาชาติ องค์กรนี้ก็คือ “พวกยังเติร์ก” ที่มี นาย มุสตอฟา กะมาล อตาเตอร์ก เป็นแกนนำนั่นเอง

นายกะมาลนั้น (ซึ่งต่อมากลายเป็นบิดาของประเทศตุรกี) นับตั้งแต่ในวัยเด็กแล้ว ที่เขามักมีปฏิกิริยาท้าทายต่อความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนาของมารดาเขาตลอด กลายเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว และความคิดดังกล่าวของเขาเป็นไปด้วยความรุนแรง

พวกเตอร์กหนุ่มนั้น ได้รับการยกย่องจากพวกตะวันตกเป็นอย่างมาก นายยอร์ช เอ็ม. ฮัดดาด กล่าวว่า “เราจะต้องให้เกียรติแก่กลุ่มเตอร์กหนุ่มอีกด้วยในการที่พวกเขาพยายามที่จะทำให้จักรวรรดิ์นั้นมีความทันสมัยขึ้น แม้ในระหว่างสงครามก็ตาม ดังนั้นจึงนับว่าพวกเขาได้วางรากฐานไว้ สาหรับนโยบายสาธารณรัฐ(ของนายกะมาล)จะทำตามและบุกเบิกทางให้ตุรกีใหม่โดยไม่เจตนา พวกเขาได้ย้ายคดีจากศาลศาสนาไปยังศาลของรัฐและยังสร้างความคิดเรื่องการปฏิรูปภาษาขึ้นมาอีก พวกเขาทำความก้าวหน้าด้วยการปลดปล่อยสตรี โดยการอนุญาตให้ผู้หญิงสาวๆ… สามารถเข้าไปประกอบอาชีพได้ โดยการไปทบทวนกฏหมายครอบครัวให้เป็นที่พอใจแก่สตรีและโดยจากัดการมีภรรยาหลายคน และพวกเขายังได้เริ่มปฏิรูปการแต่งกายด้วย”

นับเเต่นั้นประวิติศาสตร์การปกครองแบบอิสลามจึงสิ้นสุดลงด้วยนํ้ามือของพวก “ยังเตอร์ก” ที่มียิวสนับสนุนอยู่ด้านหลัง และนับตั้งแต่นั้นมา ชนชาติอิสลามก็ขาดศูนย์กลางในการแก้ปัญหาไป องค์กรมุสลิมใหญ่ๆที่มีอยู่ปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเสือกระดาษ บรรดามาลิกผู้ปกครองในโลกอาหรับปัจจุบัน ก็เป็นแค่มาลิกธรรมดาที่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่น่าให้ความเครพเอาเสียเลย พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญบนเก้าอี้ทองคำ พบปะผู้นำตะวันตกยังกะพบปะพี่น้องมุสลิม ต้อนรับซะสุดหรูสุดหรา ลืมสิ่งที่ตะวันตกและยิวได้ทำกับอิสลามไปเสียชิบ

ฝากไว้…

ยิวนั้น จะไม่ยอมแม้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของคำว่า “อิสลามบริสุทธิ์” ได้กำเนิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินนี้ เพราะนั้นหมายถึงความหายนะของพวกเขา พวกเขาจะคอยตามล้างตามกวาด กระแสอิสลามในทุกที่ทุกสมัย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมนับตั้งแต่สมัยนบีมาแล้ว จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ก็ยังทำงานอยู่อย่างขยันเเข็งขัน ยังกะอาบังขายโรตีก็มิปาน

พี่น้องครับ ประเทศซาอุดิอารเบียนั้น กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายของการทำลายอิสลามในสมัยนั้น (ด้วยการไม่ให้อิสลามเกิดขึ้นบนแผ่นดินหะรอม) ครั้งมีอิสลามบริสุทธิ์นำโดย เชค มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ มากอบกู้ทำลายความงมงายในแหลมอารเบีย จนชนะขึ้นมา พวกยิวก็เกิดความแค้นมานับตั้งแต่วันนั้น คอยยุแหย่ใส่ร้ายผู้ที่เดินตามรอย เชค มุฮัมมัด ตั้งชื่อกลุ่มให้อีกว่า วะฮาบีย์ จนสำเร็จขึ้นมา จนได้ว่าพวกที่มีแนวความคิดเช่นเดียวกับ เชค มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ นั้นคือพวกแห่งความชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็สนับสนุน มุสลิมที่ต่อต้าน เชค มุฮัมมัด ไปด้วยอย่างแนบเนียน สร้างกระแสที่ไม่ใช่อิสลามให้พวกเขายึดถือ ชาตินิยมเอย เชื้อชาตินิยมก็ไช่ จนมุสลิมบางคนลืมคิดและแยกแยะไปเลยว่า อะไรคือศาสนากันแน่

พี่น้องครับ อะไรเกิดขึ้นบ้างในประวัติศาสตร์อันใกล้ที่ผ่านมา ออตโตมันล้ม เชคมุฮัมมัดโดนใส่ไคล้ รัฐบาลฏอลิบานโดนทำลาย ตุรกีกลายเป็นประเทศเซคคิวลาร์(แยกศาสนาออกจากชีวิต) เช่นกันกับ มาเลเซีย ประเทศที่กล้าประกาศว่าประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เเต่กลับมีบ่อนคาสิโนตั้งตระง่าอยู่จังก้า อินโดเนเซียอีกล่ะ โอโห้…ประเทศที่มีมุสลิมมากที่สุด เอาไปคุยอวดได้สบายๆ แต่กลับเป็นที่ๆมีมุสลิมนิยมไสยศาสตร์มากที่สุดเช่นกัน ขบวนการอิสลามก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถูกหาว่าเป็นวะฮาบีย์ ตามหลอกหลอนพี่น้องมุสลิมมาอย่างไม่หยุดหย่อน

สังเกตไหมว่าปัญหาปัจจุบันพวกเรามักจะถูกดึงให้ไปเชื่อว่า ต้นตอมาจากพวกวะฮะบีย์ ฏอลิบานวะฮะบีย์ บินลาเดนวะฮะบีย์ ไอ้วะฮาบิ วะฮาบงนี้ วนเวียนอยู่ในชีวิตพวกเรามากเหลือเกินแต่พวกเราก็ไม่ได้ศึกษาคำๆนี้เลย

ไม่ได้เปิดตาราศึกษาประวัติศาสตร์ของคำๆนี้เลย พวกเราเลือกที่จะรู้เเละปฎิบัติในสิ่งที่อารมณ์นัฟซูของเราต้องการเท่านั้น

ผู้ที่ได้เชื่อว่าเป็นปัญญาชนมุสลิมก็เชื่อคำชวนเชื่อคำใส่ร้ายเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล ทะเลาะกันในเรื่องปลีกย่อย เถียงกันยังกะจะทำให้เข้าสวรรค์ ชมรมมุสลิมในมหาลัยคล้ายกับจะเป็นแค่ชมรมทั่วไป มีปัญหาเมื่อไรแทนที่จะแก้ด้วยกุรอานและหะดิษ กลับใช้อารมณ์และความคิดส่วนตัวเป็นใหญ่ มองไม่ออกจริงๆว่าลูกหลานอุมมัตนบีมุฮัมมัดเราในอนาคตจะเป็นอย่างไร พี่น้องครับ…ลองมาถามตัวเองดูไหม ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ เชื่อเถอะ หากว่าท่านนบีมาเห็นสภาพพวกเราในตอนนี้ แน่นอน ไม่ไช่เเค่เเม่เท่านั้น เเต่นบีก็ไม่ปลื้ม

เครดิต : วารสารสมิอฺนา
ช่วงระหว่างเวลาสงครามโลก อณาจักรออตโตมานติดหนี้มากมาย สุลฏอนผู้ไฝ่อิสลาม อับดุลฮามิด ข่าน II ต้องมารับหน้าที่ที่อันหนักหน่วง ยิวคนหนึ่งชื่อ สุลัยมาน มันซูร ได้เขียนไว้ในจดหมายลับฉบับหนึ่งของเขาว่า

“เราได้นำเสนอว่าจะให้เหรียญทองจำนวนสองหรือสามล้านเหรียญ์แก่สุลฏอนอับดุลฮามิด ข่าน II เพื่อเป็นสินบนแก่การจะยกที่ดินผืนหนึ่งในตุรกีให้เเก่เรา… (หมายถึงในอณาจักรอิสลามอุษมานียะฮฺหรือออตโตมานนั่นเอง-กองบก.) แต่เเล้วพระองค์นั้นปฏิเสธและไล่คนของเราออกมาอย่างน่าอัปยศ แต่พวกท่านจงมั่นใจเถิด… ว่าในช่วงเวลาอันเหมาะสมนี้เราจะต้องทำให้รัฐบาลที่เย่อหยิ่งนี้ พังทลายลงกับพื้นดินและจะทำร้ายพวกเตอร์(ตุรกี)เสีย จนทำให้สภาพของพวกเขานั้นเป็นทุกข์ซะยิ่งกว่าสภาพชาวอินเดียนแดงในอเมริกาทีเดียวละ”
ในบันทึกของ เธียวดอร์ เฮอร์เซิล(Theodor Herzl) ผู้ก่อตั้งยิวไซออนิสต์ ซึ่งพิมพ์ในปี 1934(พ.ศ.2477)ว่า สุลฏอนอับดุลฮามิดได้มอบเหรียญอันหนึ่งให้แก่ นายเฮอร์เซิล ในปี 1902(พ.ศ. 2445) พร้อมกันนั้นมีจดหมายฉบับหนึ่งด้วยซึ่งมีใจความว่า

“จงบอกดร.เฮอร์เซิลให้เลิกความพยายามต่อไปที่จะก่อตั้งรัฐยิวขึ้นในปาเลสไตน์เสีย ถ้าอณาจักรออตโตมานถูกทำลายลงเท่านั้นแหละชาวยิวจึงจะยึดปาเลสไตน์ได้”

ผู้อวุโสยิวไซออนิสต์นั้น มักจะประชุมกันต่อเนื่องเพื่อหาวิธีการที่จะล้มล้างสถาบันคอลีฟะฮฺในอิสลาม ซึ่งนั้นหมายถึงสัญลักษณ์การเป็นหนึ่งเดียวหรือเป็นเอกภาพในศาสนาอิสลาม เขาได้ยื่นสาสน์แก่สุลฏอนอับดุลฮาฮามิด ข่าน II เพื่อให้จัดหาที่ดินบางแห่งในปาเลสไตน์แก่ชาวยิว พร้อมกับยอมที่จะจ่ายเงินตามที่ต้องการ แต่พระองค์ฉลาดกว่าเยอะ พระองค์ทรงรู้ทันไอ้พวกยิวเจ้าเหล่เหล่านี้ พระองค์ปฏิเสธคำร้องขอของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกยิวก็เริ่มโจมตีพระองค์ ใส่ร้ายเรื่องต่างๆนานา เพื่อให้ชาวตุรกีและชาวโลก รู้ว่าสุลฏอนพระองค์นี้ ชั่วร้ายมากขนาดไหน พวกเขาจัดประชุมลงมือปฎิบัติการ และแพร่กระจายคำขวัญต่อต้าน บิดเบือนความจริงอย่างซํ้าๆซากๆเช่นนี้ พวกยิวทำให้เยาวชนตุรกีมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังชาวอาหรับ เกิดการจลาจลต่างๆมากมายเพื่อที่จะทำลายเสถีรภาพในตุรกี ในที่สุดสถาบันคอลีฟะฮฺก็ก็ถูกล้มล้าง โดยองค์กรเยาวชนองค์กรหนึ่งที่ถูกควบคุมโดยยิวนานาชาติ องค์กรนี้ก็คือ “พวกยังเติร์ก” ที่มี นาย มุสตอฟา กะมาล อตาเตอร์ก เป็นแกนนำนั่นเอง

นายกะมาลนั้น (ซึ่งต่อมากลายเป็นบิดาของประเทศตุรกี) นับตั้งแต่ในวัยเด็กแล้ว ที่เขามักมีปฏิกิริยาท้าทายต่อความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนาของมารดาเขาตลอด กลายเป็นผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว และความคิดดังกล่าวของเขาเป็นไปด้วยความรุนแรง

พวกเตอร์กหนุ่มนั้น ได้รับการยกย่องจากพวกตะวันตกเป็นอย่างมาก นายยอร์ช เอ็ม. ฮัดดาด กล่าวว่า “เราจะต้องให้เกียรติแก่กลุ่มเตอร์กหนุ่มอีกด้วยในการที่พวกเขาพยายามที่จะทำให้จักรวรรดิ์นั้นมีความทันสมัยขึ้น แม้ในระหว่างสงครามก็ตาม ดังนั้นจึงนับว่าพวกเขาได้วางรากฐานไว้ สาหรับนโยบายสาธารณรัฐ(ของนายกะมาล)จะทำตามและบุกเบิกทางให้ตุรกีใหม่โดยไม่เจตนา พวกเขาได้ย้ายคดีจากศาลศาสนาไปยังศาลของรัฐและยังสร้างความคิดเรื่องการปฏิรูปภาษาขึ้นมาอีก พวกเขาทำความก้าวหน้าด้วยการปลดปล่อยสตรี โดยการอนุญาตให้ผู้หญิงสาวๆ… สามารถเข้าไปประกอบอาชีพได้ โดยการไปทบทวนกฏหมายครอบครัวให้เป็นที่พอใจแก่สตรีและโดยจากัดการมีภรรยาหลายคน และพวกเขายังได้เริ่มปฏิรูปการแต่งกายด้วย”

นับเเต่นั้นประวิติศาสตร์การปกครองแบบอิสลามจึงสิ้นสุดลงด้วยนํ้ามือของพวก “ยังเตอร์ก” ที่มียิวสนับสนุนอยู่ด้านหลัง และนับตั้งแต่นั้นมา ชนชาติอิสลามก็ขาดศูนย์กลางในการแก้ปัญหาไป องค์กรมุสลิมใหญ่ๆที่มีอยู่ปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเสือกระดาษ บรรดามาลิกผู้ปกครองในโลกอาหรับปัจจุบัน ก็เป็นแค่มาลิกธรรมดาที่เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่น่าให้ความเครพเอาเสียเลย พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญบนเก้าอี้ทองคำ พบปะผู้นำตะวันตกยังกะพบปะพี่น้องมุสลิม ต้อนรับซะสุดหรูสุดหรา ลืมสิ่งที่ตะวันตกและยิวได้ทำกับอิสลามไปเสียชิบ

ฝากไว้…

ยิวนั้น จะไม่ยอมแม้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของคำว่า “อิสลามบริสุทธิ์” ได้กำเนิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินนี้ เพราะนั้นหมายถึงความหายนะของพวกเขา พวกเขาจะคอยตามล้างตามกวาด กระแสอิสลามในทุกที่ทุกสมัย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมนับตั้งแต่สมัยนบีมาแล้ว จนมาถึงยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ก็ยังทำงานอยู่อย่างขยันเเข็งขัน ยังกะอาบังขายโรตีก็มิปาน

พี่น้องครับ ประเทศซาอุดิอารเบียนั้น กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายของการทำลายอิสลามในสมัยนั้น (ด้วยการไม่ให้อิสลามเกิดขึ้นบนแผ่นดินหะรอม) ครั้งมีอิสลามบริสุทธิ์นำโดย เชค มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ มากอบกู้ทำลายความงมงายในแหลมอารเบีย จนชนะขึ้นมา พวกยิวก็เกิดความแค้นมานับตั้งแต่วันนั้น คอยยุแหย่ใส่ร้ายผู้ที่เดินตามรอย เชค มุฮัมมัด ตั้งชื่อกลุ่มให้อีกว่า วะฮาบีย์ จนสำเร็จขึ้นมา จนได้ว่าพวกที่มีแนวความคิดเช่นเดียวกับ เชค มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ นั้นคือพวกแห่งความชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็สนับสนุน มุสลิมที่ต่อต้าน เชค มุฮัมมัด ไปด้วยอย่างแนบเนียน สร้างกระแสที่ไม่ใช่อิสลามให้พวกเขายึดถือ ชาตินิยมเอย เชื้อชาตินิยมก็ไช่ จนมุสลิมบางคนลืมคิดและแยกแยะไปเลยว่า อะไรคือศาสนากันแน่

พี่น้องครับ อะไรเกิดขึ้นบ้างในประวัติศาสตร์อันใกล้ที่ผ่านมา ออตโตมันล้ม เชคมุฮัมมัดโดนใส่ไคล้ รัฐบาลฏอลิบานโดนทำลาย ตุรกีกลายเป็นประเทศเซคคิวลาร์(แยกศาสนาออกจากชีวิต) เช่นกันกับ มาเลเซีย ประเทศที่กล้าประกาศว่าประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม เเต่กลับมีบ่อนคาสิโนตั้งตระง่าอยู่จังก้า อินโดเนเซียอีกล่ะ โอโห้…ประเทศที่มีมุสลิมมากที่สุด เอาไปคุยอวดได้สบายๆ แต่กลับเป็นที่ๆมีมุสลิมนิยมไสยศาสตร์มากที่สุดเช่นกัน ขบวนการอิสลามก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถูกหาว่าเป็นวะฮาบีย์ ตามหลอกหลอนพี่น้องมุสลิมมาอย่างไม่หยุดหย่อน

สังเกตไหมว่าปัญหาปัจจุบันพวกเรามักจะถูกดึงให้ไปเชื่อว่า ต้นตอมาจากพวกวะฮะบีย์ ฏอลิบานวะฮะบีย์ บินลาเดนวะฮะบีย์ ไอ้วะฮาบิ วะฮาบงนี้ วนเวียนอยู่ในชีวิตพวกเรามากเหลือเกินแต่พวกเราก็ไม่ได้ศึกษาคำๆนี้เลย

ไม่ได้เปิดตาราศึกษาประวัติศาสตร์ของคำๆนี้เลย พวกเราเลือกที่จะรู้เเละปฎิบัติในสิ่งที่อารมณ์นัฟซูของเราต้องการเท่านั้น

ผู้ที่ได้เชื่อว่าเป็นปัญญาชนมุสลิมก็เชื่อคำชวนเชื่อคำใส่ร้ายเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล ทะเลาะกันในเรื่องปลีกย่อย เถียงกันยังกะจะทำให้เข้าสวรรค์ ชมรมมุสลิมในมหาลัยคล้ายกับจะเป็นแค่ชมรมทั่วไป มีปัญหาเมื่อไรแทนที่จะแก้ด้วยกุรอานและหะดิษ กลับใช้อารมณ์และความคิดส่วนตัวเป็นใหญ่ มองไม่ออกจริงๆว่าลูกหลานอุมมัตนบีมุฮัมมัดเราในอนาคตจะเป็นอย่างไร พี่น้องครับ…ลองมาถามตัวเองดูไหม ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ เชื่อเถอะ หากว่าท่านนบีมาเห็นสภาพพวกเราในตอนนี้ แน่นอน ไม่ไช่เเค่เเม่เท่านั้น เเต่นบีก็ไม่ปลื้ม

.........................................
เครดิต : วารสารสมิอฺนาฯ

Marco Solomon


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น