อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

บรรดาภรรยาของท่านนบีมุหัมมัด



1.ท่านหญิงเคาะดีเญะฮฺ บิน คุวัยลิด (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงเคาดีญะฮฺเกิดในปี ค.ศ. 556 ในตระกูลกุเรช พ่อของนางชื่อคุวัยลิด บุตรของอะซัด บินอับดุลอุซซา บินกุซ็อย กุซ็อยเป็นบรรพบุรุษของนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กับท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ ขณะที่ท่าน อายุ 25 ปี ท่านหญิงเคาะดียะฮฺ ซึ่งเป็นหญิงม่าย อายุ 40 ปี ด้วยมะฮัรฺ เป็นทอง 500 ดิรฺฮัม และมีบุตรด้วยกัน 6 คน บุตรชาย 2 คน บุตรหญิง 4 คน ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ ได้ใช้ชีวิตกับท่านของนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) 25 ปี นางก็เสียชีวิต โดยใช้ชีวิตสมรสอยู่ร่วมกับสามีของนาง ก่อนที่จะเป็นนบีมาก่อน 15 ปี และอีก 10 ปี หลังจากนั้น ในขณะที่นางอายุ 65 ปี ประมาณ 3 ปี ก่อนการอพยพ
ชีวิตของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)กับนางเคาะดีญะฮฺกับท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ เป็นชีวิตที่มีความสุข และไม่เคยมีการกระทบกระทั่งกันถึงแม้ทั้งสองคนจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะทางการเงินแตกต่างกัน

2.ท่านหญิงเซ๊าด๊ะฮฺ บินติ ซุมอา (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

หลังจากที่ท่านหยิงเคาะดีญะฮฺเสียชีวิต ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ก้มีชีวิตที่เศร้าโศก และกังวลถึงเรื่องลูก ท่านต้องทำงานทุกอย่าง มีเซด บินฮาริวะฮฺเป็นผู้ช่วยเหลือ
ขณะที่ท่านหญิงเซาด๊ะฮฺ แต่งงานกับท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นางมีอายุ 55 ปี ด้วยมะฮัร 400 ดิรฺฮัม นางเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 22

3.ท่านหญิงอาอิชะฮฺ บินติ อบูบักรฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เป็นบุตรสาวของท่านอบูบักรฺ อัศ-ศิดดีก เพื่อสนิทของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นางได้ฉายาว่า “ศิดดีเก๊าะฮฺ” และ “ฮูมัยเราะฮฺ” นางเป็ฯชาวกุเรช ตระกูลตัยมียะฮฺ นางเกิดในตอนต้นปีที่ 4 หลังจากการเป็นของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
 นางได้แต่งงานก่อนการฮิจญเราะฮฺ 3 ปี ขณะอายุ 6 ขวบ และนางถูกส่งไปอยู่กับสามีของนาง ในเดือนเชาวาลของปี ฮ.ศ.9 ด้วยอายุของนาง 9 ขวบ นางเป็นม่ายเมื่ออายุ 18 ปี นางได้เสียชีวิต ในวันที่ 17 เดือนเราะมะฎอน ฮ.ศ. 58 ด้วยอายุ 73 ปี

4. ท่านหญิงฮัฟเซาะฮฺ บินติ อุมัร (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงฮัฟเซาะฮ์ เป็นบุตรสาวของเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺ บินนุฟัยลื บินอับดุลอุซซา ก่อนที่นางจะ แต่งงานกับท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) นางครองตนเป็นม่าย ซึ่งท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ต้องการแต่งงานกับนาง ก็เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของท่านอุมัรและเผ่าอันทรงอิทธิพลของท่านเข้มแข็งขึ้น นางเสียชีวิตในเดือนชะอ์บาน ฮ.ศ.45

5. ท่านหญิงซัยหนับ บินติ คุซัยมะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงซัยหนับ แต่งงานครั้งแรกกับตุฟัยล์ บินฮาริส แต่หลังจากนั้นตุฟัยล์ก็หย่านาง ต่อมานางได้แต่งงานใหม่กับอุบัยดะฮฺน้องชายของสามีคนแรก แต่อุบัยดะฮฺก็เสียชีวิตในสงครามอุฮุด ในปีที่ 3 หลังจการการอพยพ ภายหลังจากที่นางตกเป็ยม่าย นางก็มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากยากจน ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เข้ามาในชีวิตของนางก็เพราะเห็นว่านางมีชีวิตลำบาก จึงได้มาขอนางแต่งงาน ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) แต่งงานกับท่านหญิงซัยหนับ ในเดือนเราะมะฎอน ฮ.ศ. 3 ด้วยมะฮัร 400 ดิรฺฮัม นางเสียชีวิตในเดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 3 ภายหลังจากแต่งงานกับท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ 3 เดือน

6. ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮฺ มีชื่อจริงว่า “ฮินดฺ” คำว่า อุมมุสะละมะฮฺ (แม่ของสะละมะฮฺ) เป็นฉายาที่ได้มาจากลูกของนาง นางมาจากครอบครัวของมัคซูม ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของเผ่ากุเรซ
อุมมุสะละมะฮฺแต่งงานครั้งแรกกับอับดุลลออฺ บิน อับดุลอะซัด ซึ่งเป็นญาติฝ่ายพ่อของนาง และเป็นพี่บุญธรรมของนบี ทั้งสองได้อพยพไปยังอบิสสิ้นีย  หลังจากนั้นทั้งสองก้เดินทางกลับมายังมะดีนะฮฺ
ต่อมาสามีของท่านหญิงอุมมุสะละมะฮฺได้เสียชีวิตในสงครามอุฮุด ในปี ฮ.ศ. 4 ในขณะที่สามีของนางเสียชีวิต นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ นางได้ใช้ชีวิตที่ค่อนข้างอัตคัดขีดสน นางไม่สามารถกลับไปหาพ่อแม่ของนางและไม่มีปัจจัยยังชีพ เมื่อท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)ทราบท่านรู้สึกสงสารนางเป็นอย่างมาก หลังนางคลอดบุตร และพ้นระยะห้ามแต่งงานหลังสามีเสียชีวิตแล้ว ท่านนบีด้สู่ขอนางแต่งงาน ในปลายเดือนเชาวาล ของปี ฮ.ศ.4 นางได้มีชีวิตยืนยาวกว่าภรรยาทุกคนของท่านนบี นางเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 63 ขณะอายุ 84 ปี

7. ท่านหญิงซัยหนับ บินติ ฮาริส (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงซัยหนับเป็นคนครอบครัวของอะซัด บินคุซัยมะฮฺ แห่งเผ่กุเรซ การแต่งงานครั้งแรก ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้แต่งงานให้นางซัยหนับ กับเซด บินฮาริวะฮฺ ซึ่งเป็นทาสที่ท่านนบีปล่อยให้เป็นอิสระ หลังจากนางได้หย่ากับเซด ท่านนบีก็แต่งงานกับนางเพื่อการปลอบใจ
นางได้เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 20 ซึ่งนางอายุ 53 ปี

8. ท่านหญิงญุวัยรียะฮฺ บินติ ฮาริส (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงญุวัยรียะฮเป็นคนในตระกูลมุสละลิกในเผ่าคุซาอะฮฺ นางแต่งงานครั้งแรกกับมุซาฟีอฺ บินซ็อฟวาน ทั้งพ่อและแม่ของนางเป็นศัตรูของอิสลาม และนางถูกจับเป็นเชลย นางได้ถูกไถ่ตัว โดยท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้จ่ายเงินค่าไถ่ตัวให้แก่นางและแต่งงานกับนาง นางเสียชีวิตด้วยอายุ 65 ปี ในปี ฮ.ศ.56

9. ท่านหญิงอุมมุฮะบีบ๊ะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงอุมมุฮะบีบ๊ะฮฺ มีชื่อจริงว่า ร็อมละฮฺ นางได้แต่งงานครั้งแรกกับอุบัยดุลลอฮฺ บินญะฮัซ นางได้เข้ารับอิสลามพร้อมกับสามี ต่อมาทั้งสองได้อพยพไปยังอบิสสิเนีย และได้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งชื่อฮะบีบะฮฺ  หลังจากนั้น อุบัยดะฮฺก็ประพฤติตัวเลวทราม โดยการดื่มเหล้าเมามาย จนทิ้งอิสลามไปนับถือศาสนาคริสต์ พยามยามชักจูงนางเปลี่ยนศาสนา แต่นางไม่ยอม อุบัยดะฮฺเริ่มใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี กินเหล้าอย่างหนัก จนเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากนั้นนางก็ถุกทิ้งไว้ให้ใช้ชีวิตม่ายตามลำพังในต่างแดน เมื่อระยะเวลาแห่งการห้ามแต่งงานใหม่หลังสามีเสียชีวิตสิ้นสุดลง ท่านนบีได้ส่งอัมรฺ บินอุมัยยะฮฺ ซุมารีไปยังเนกุสกษัตริย์แห่งอบิสสิเนียเพื่อขอนางแต่งงาน การแต่งงานมีขึ้นในปีที่ 6 หรือ 7 ด้วยมะฮัร 400 ดินาร์ นางเสียชีวิต ใน ฮ.ศ. 44

10. ท่านหญิงเศาะฟียะฮฺ บินติ ฮุตัย (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

เดิมท่านหญิงเศาะฟียะฮฺมีชื่อจริงว่า “ซัยหนับ” พ่อแม่ของนางเป็นคนในครอบครัวชาวยิวชั้นผู้นำ ซึ่งเป็นศัตรูตัวกาจของอิสลาม หลังจากสงครามค็อยบัรฺ ซึ่งพวกยิวต้องประสบความพ่ายแพ้ นางได้ตกเป็นเชลยสงคราม ท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ปล่อยนางให้เป็นอิสระและแต่งงานกับนาง นางได้เสียชีวิตด้วยอายุ 60 ปี ในปี ฮ.ศ. 50

11. ท่านหญิงมัยมุนะฮฺ บินติ ฮาริส (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงมัยมุนะฮฺ เดิมชื่อ “บัรฺรอ” เป็นบุตรสาวของฮาริส บินฮาซาน ซึ่งเป็นคนในเผ่ากุเรซ นางได้แต่งงานครั้งแรกกับมัสอูด บินอัมร์ บินอุมัยร์ สะกอฟี แต่ก็ได้ถุกหย่า และหลังจากนั้นได้แต่งงานใหม่กับอบูรอฮัม บิน อับดุลอุซซา ซึ่งเสียชีวิตใน ฮ.ศ. 7  ในขณะที่นางอายุ 51 ปี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนาง อับบาสลุงของท่านนบีจึงได้แนะนำให้ท่านแต่งงานกับนางซึ่งท่านก็ยอมรับ ด้วยมะฮัร 500 ดิรฺฮัม นางเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 51

12. ท่านหญิงร็อยฮานา บินติ ชัมอูน (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงร็อยฮานา เป็นคนในเผ่าบนูนะซีร์ ซึ่งเป็นเผ่ายิวที่มีชื่อเสียง นางได้แต่งงานครั้งแรกกับฮะกัม แห่งตระกูลบนีกุร็อยเซาะฮฺ เมื่อมุสลิมได้ชัยชนะเหนือพวกบนีกุร็อยเซาะฮฺในเดือนมุฮัรรอม ฮ.ศ. 6 นางก็ตกเป็นเชลยสงคราม ท่านนบีได้ขอนางแต่งงาน ถ้าหากนางยอมรับอิสลาม นางตกลงข้อเสนอของท่าน ท่านนบีจึงปล่อยนางให้เป็นอิสระ และแต่งงานกับนางในเดือนมุฮัรร็อม ฮ.ศ. 6 และให้เงินมะฮัรแก่นางตามจำนวนที่ท่านเคยให้แก่ภรรยาคนอื่นๆของท่าน

13. ท่านหญิงมารียา (ร่อฎียัลลอฮุอันฮา)

ท่านหญิงมารียา พร้อมกับน้องสาวของนางเป็นของกำนัลจากผู้ปกครองชาวอิยิปต์ หลังจากที่ได้ฟังคำสอนจากฮาบีบทูตของท่านนบี นางก็ได้เข้ารับอิสลามก่อนที่เข้ามาถึงมะดีนะฮฺ ท่านนบีได้รับตัวนางไว้เป็นสาวใช้ ท่านนบีได้แต่งานกับนาง ส่วนน้องสาวของนางท่านนบีได้ยกให้แต่งงานกับฮัซซาบ บินซาบิต และนได้ลูกชายแก่เขาคนหนึ่งชื่ออับดุรฺเราะฮฺมาน

ท่านหญิงมารียา ได้บุตรชายกับท่านนบีคนหนึ่ง ชื่อ อิบรอฮีม” และได้เสียชีวิตขณะเป็นทารก
นางได้เสียชีวิตหลังลูกของนางเสียชิวตไปได้ 5 ปี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น