อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อัตเตาฮีด (التوحيد)

                                     
เตาฮีด หมายถึง “การให้เป็นหนึ่ง การให้เป็นเอกะ” โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “วะฮิด แปลว่า หนึ่ง” ที่ให้มีความสำคัญต่อการศรัทธาและต้องเชื่อมั่นว่าโลกนี้มีพระเจ้าองค์เดียว ต่างจากศาสนาอื่น เช่น คริสต์ที่เชื่อว่าพระเจ้ามีสาม, มะญูซียฺที่เชื่อว่ามีสองพระเจ้าคือพระเจ้าแห่งความสว่างและพระเจ้าแห่งความมืด หรือพระเจ้าแห่งความดีและพระเจ้าแห่งความชั่ว
ความหมายเตาฮีดในทางศาสนาบัญญัติ
وفي الشرع: إفراد الله - سبحانه - بما يختص به من الربوبية والألوهية والأسماء والصفات
และในทางศาสนบัญญัติ หมายถึง การให้เอกภาพแก่อัลลอฮ(ซ.บ) ด้วยสิ่งถูกจงจงเป็นเฉพาะกับพระองค์ เกี่ยวกับการอภิบาล,การเป็นพระเจ้าและบรรดาพระนามและคุณลักษณะ – ดู เกาลุลมุฟีด ของอิบนุอุษัยมีน หน้า ๑/๑๑
อิบนุกอ็ยยิม(ร.ฮ)กล่าวว่า
وَلَيْسَ التَّوْحِيدُ مُجَرَّدَ إِقْرَارِ الْعَبْدِ بِأَنَّهُ لَا خَالِقَ إِلَّا اللَّهُ ، وَأَنَّ اللَّهَ رَبُّ كُلِّ شَيْءٍ وَمَلِيكُهُ ، كَمَا كَانَ عُبَّادُ الْأَصْنَامِ مُقِرِّينَ بِذَلِكَ وَهُمْ مُشْرِكُونَ ، بَلِ التَّوْحِيدُ يَتَضَمَّنُ - مِنْ مَحَبَّةِ اللَّهِ ، وَالْخُضُوعِ لَهُ ، وَالذُّلِّ لَهُ ، وَكَمَالِ الِانْقِيَادِ لِطَاعَتِهِ ، وَإِخْلَاصِ الْعِبَادَةِ لَهُ ، وَإِرَادَةِ وَجْهِهِ الْأَعْلَى بِجَمِيعِ الْأَقْوَالِ وَالْأَعْمَالِ ، وَالْمَنْعِ ، وَالْعَطَاءِ ، وَالْحُبِّ ، وَالْبُغْضِ - مَا يَحُولُ بَيْنَ صَاحِبِهِ وَبَيْنَ الْأَسْبَابِ الدَّاعِيَةِ إِلَى الْمَعَاصِي ، وَالْإِصْرَارِ عَلَيْهَا ، وَمَنْ عَرَفَ هَذَا عَرَفَ قَوْلَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنَّ اللَّهَ حَرَّمَ عَلَى النَّارِ مَنْ قَالَ : لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ ، يَبْتَغِي بِذَلِكَ وَجْهَ اللَّهِ
และเตาฮีดนั้น ไม่ใช่แค่การยอมรับของบ่าวว่า ไม่มีผู้สร้างใดๆนอกจากอัลลอฮและแท้จริงอัลลอฮคือ พระผู้อภิบาลทุกสิ่งและเป็นผู้ครอบครองมันเท่านั้น อย่างเช่น บรรดาผู้ที่บูชาบรรดาเจว็ดยอมรับดังกล่าว โดยที่พวกเขาคือ บรรดาผู้ตั้งภาคี(มุชริกีน) แต่ทว่า เตาฮีดนั้น ประกอบไปด้วย ความรักต่ออัลลอฮ,การยอมจำนน,การนอบน้อมต่อพระองค์ ,การสมบูรณ์ของการเชื่อฟัง เพื่อการภักดีต่อพระองค์ ,ความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์,มีจุดประสงค์เพื่อพระพักต์ของพระองค์อันสูงส่ง ด้วยบรรดาคำพูด,การกระทำ,การยับยั้ง,การให้ ,การรัก,การเกลียด - –สิ่งที่กั้นระหว่างเจ้าของของมันและระหว่างบรรดาสาเหตุที่นำไปสู่บรรดาสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน(มุอศียะฮ)และการยืนกรานบนมัน และผู้ใดรู้จักสิ่งนี้  เขาก็รู้จักคำพูดของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ว่า “แท้จริง อัลลอฮทรงห้ามแก่นรก  ต่อผู้ที่กล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ ดดยที่เขามีจุดประสงค์เพื่อพระพักต์ของอัลลอฮ ด้วยดังกล่าว – ดู มะดาริญุสสาลิกีน ๑/๓๓๘                                                                                                         وقال اللالكائي رحمه الله: (أخبرنا محمد أخبرنا عثمان قال: ثنا حنبل قال: سمعت أبا عبد الله – يعني أحمد بن حنبل –
وسئل عن الإيمان والإسلام قال: قال ابن أبي ذئب: الإسلام الكلمة والإيمان العمل

และอัลลาลุกาอีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า “ มุหัมหมัด ได้บอกเรา ว่า อุษมานได้บอกเรา เขากล่าวว่า “หัมบัลได้เล่าเรา ว่า ได้ยินอบูอับดุลลอฮ หมาย ถึง อะหมัด บิน หัมบัล ถูกถามเกี่ยวกับอิหม่านและอิสลาม เขากล่าวว่า “อิบนุอบีซิอบิน กล่าวว่า “อิสลามคือ ถ้อยคำและอีหม่านคือ การกระทำ
ชัรหอียะติกอดอะฮลิสสุนนะฮ ๔/๘๙๕ หะดิษหมายเลข ๑๕๐๐
        อะฮลุตเตาฮีด(أهل التوحييد )เท่านั้นที่ได้เข้าสวรรค์

،  عَنْ أَبِي مُوسَى ،  قَالَ : بَلَغَنَا أَنَّهُ إِذَا كَانَ يَوْمُ الْقِيَامَةِ ، وَاجْتَمَعَ أَهْلُ النَّارِ فِي النَّارِ وَمَعَهُمْ مَنْ شَاءَ اللَّهُ مِنْ أَهْلِ الْقِبْلَةِ ، قَالَ الْكُفَّارُ لِمَنْ فِي النَّارِ مِنْ أَهْلِ الْقِبْلَةِ : أَلَسْتُمْ مُسْلِمِينَ؟ قَالُوا : بَلَى ، قَالُوا : فَمَا أَغْنَى عَنْكُمْ إِسْلَامُكُمْ وَقَدْ صِرْتُمْ مَعَنَا فِي النَّارِ؟ قَالُوا : كَانَتْ لَنَا ذُنُوبٌ فَأُخِذْنَا بِهَا ، فَسَمِعَ اللَّهُ مَا قَالُوا ، فَأَمَرَ بِكُلِّ مَنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ الْقِبْلَةِ فِي النَّارِ فَأُخْرِجُوا ، فَقَالَ مَنْ فِي النَّارِ مِنَ الْكُفَّارِ : يَا لَيْتَنَا كُنَّا مُسْلِمِينَ ، ثُمَّ قَرَأَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ( الر تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ وَقُرْآنٍ مُبِينٍ رُبَمَا يَوَدُّ الَّذِينَ كَفَرُوا لَوْ كَانُوا مُسْلِمِينَ

รายงานจากอบีมูซา(อัลอัชอะรีย) กล่าวว่า ได้รายงานถึงมายังพวกเราว่า เมื่อปรากฏวันกียามะฮ ,บรรดาชาวนรก ได้ชุมนุม กันในนรก และผู้ที่อัลลอฮประสงค์จากชาวกิบลัต อยู่พร้อมกับพวกเขา ,บรรดากาเฟร กล่าวแก่ผู้ที่อยู่ในนรกจากชาวกิบลัต ว่า “ พวกท่านเป็นมุสลิมใช่ไหม? พวกเขากล่าวว่า “ ใช่  พวกเขา(กาเฟร) กล่าวว่า “เพราะอะไรที่ อิสลามของพวกท่าน ไม่สามารถทำให้พวกท่านปลอดจากการลงโทษได้ และแท้จริงพวกท่านก็จะได้อยู่ในนรกตลอดกาลพร้อมกับเรา?
พวกเขา (มุสลิม) กล่าวว่า “ พวกเรามีความผิด แล้วเราถูกเอาผิด(ถูกลงโทษ) ด้วยมัน (ด้วยความผิดที่เราทำ) แล้ว อัลลอฮทรงได้ยิน สิ่งที่พวกเขาพูด  ดังนั้น พระองค์ทรงบัญชาให้ผู้ที่อยู่ในนรกจากชาวกิบลัต ให้พวกเขาออกจากนรก  แล้ว ผู้ที่อยู่ในนรกจากบรรดากาเฟร กล่าวว่า “โอ้..มาตรแม้นว่า พวกเราเป็นมุสลิม ก็จะดี ,ต่อมารซูลุลลอฮ สอ็ลฯ ได้อ่านอายะฮที่ว่า
الر تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ وَقُرْآنٍ مُبِينٍ رُبَمَا يَوَدُّ الَّذِينَ كَفَرُوا لَوْ كَانُوا مُسْلِمِينَ
อะลีฟ ลาม รอ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ และเป็นกรุอานอันชัดแจ้ง @บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาหวังกันว่า หากพวกเขาได้เป็นมุสลิม – ดู ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์ ๑๗/๖๑
 أخرج ابن أبي عاصم في السنة وابن جرير وابن أبي حاتم والطبراني والحاكم وصححه ، وابن مردويه والبيهقي في البعث والنشور

 والله أعلم بالصواب

อะสัน หมัดอะดั้ม  https://www.facebook.com/asanmadadam


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น