อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ลำดับผู้รับมรดก


9. หลานสาวอันเกิดจากบุตรชาย

หลานสาวมี 5 สภาพ ดังต่อไปนี้

ได้รับ 1/2 ในกรณีที่มีคนเดียว

ได้รับ 2/3 ในกรณีที่มีพี่น้องผู้หญิงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป หรือมีลูกพี่ลูกน้องรับมรดกด้วย

ได้รับ 1/6 ในกรณีที่ผู้ตายมีบุตรสาวร่วมอยู่ด้วยหนึ่งคน โดยบุตรสาวของผู้ตายได้ครึ่งหนึ่งตามอัตราส่วนที่ถูกกำหนดให้กับนาง และหลานสาวอันเกิดจากบุตรชายนั้นได้หนึ่งส่วนหกเป็นการเติมเต็มอัตราส่วนสองส่วนสาม (ตักมิละฮฺ อัสสุลุสัยน์)


ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ในกรณีที่มีพี่ชายหรือน้องชายหรือลูกพี่ลูกน้องชายร่วมอยู่ด้วย

ถูกกันสิทธิ ในกรณีที่ผู้ตายมีบุตรชายหรือบุตรสาวตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และไม่มีพี่ชายหรือน้องชายหรือลูกพี่ลูกน้องชาย ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ร่วมกับนาง


ในกรณีที่หลานสาวอันเกิดจากบุตรชายได้รับครึ่งหนึ่งจากกองมรดกนั้นมีหลักฐานจาก อัล-อิจญ์มาอฺ ที่ระบุว่า : “แท้จริงบุตรของบุตรชายไม่ว่าเป็นชายหรือหญิงย่อมแทนตำแหน่งของบุตรชายในเรื่องมรดก” และหลักฐานในการรับมรดกสองในสามสำหรับหลานสาวที่มีตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนั้นคือการกิยาสกับบรรดาบุตรสาวหรือเข้าอยู่ภายใต้ถ้อยคำว่า “บุตรสาว” (บะนาตฺ)



และมีหลักฐานที่ระบุว่า ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด (ร.ฏ.) ได้ถูกถามถึงมรดกของบุตรสาวและหลานสาว ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด (ร.ฏ.) กล่าวว่า “ฉันจะตัดสินตามที่ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้ตัดสินไว้ คือ บุตรสาวได้ครึ่งหนึ่ง และหลานสาวได้หนึ่งส่วนหกเพื่อเติมเต็มอัตราส่วนสองในสาม” (บุคคอรี - 6355-)





10.  พี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามารดา

พี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามารดามี 6 สภาพ ดังต่อไปนี้

ได้รับ 1/2  จากกองมรดก ในกรณีที่มีคนเดียว

ได้รับ 2/3 ในกรณีที่มีพี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามารดาร่วมอยู่ด้วย จะมีจำนวนกี่คนก็ตาม

ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ร่วมกับผู้อื่น (มะอัลฆ็อยฺร์) คือในกรณีที่มีพี่สาวหรือน้องสาว (จะมีกี่คนก็ตาม) และมีบุตรสาวหรือหลานสาวอันเกิดจากบุตรชายของผู้ตายร่วมอยู่ด้วย

ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) เนื่องด้วยมีผู้อื่น (บิล-ฆ็อยฺร์) คือมีพี่ชายหรือน้องชายร่วมบิดามารดา (จะมีกี่คนก็ตาม) โดยแบ่งให้ชาย 2 ส่วน หญิง 1 ส่วน

ได้รับมรดกร่วมกับบรรดาพี่น้องชายหญิงร่วมมารดาในอัตราส่วนที่ถูกกำหนดแน่นอนแก่ฝ่ายหลังโดยถือว่า เป็นบุตรของมารดาคนเดียวกัน หรือ มุชัรฺเราะกะฮฺ เรียกปัญหามรดกกรณีนี้ว่า มัสอะละฮฺ มุชตะรอกะฮฺ (ﻣﺴﺌﻠﺔ مُشْتَرَكَةٌ) ซึ่งท่านอุมัร (ร.ฏ.) ได้ตัดสินให้พี่น้องร่วมบิดามารดามีส่วนร่วมในหนึ่งส่วนสามที่ถูกกำหนดให้บรรดาพี่น้องร่วมมารดา (ดร.ยูซุฟ กอซิม,อัลวะญีซฺ ฟิลมีรอซฺ วัล ว่าศียะฮฺ หน้า 113,114)

ถูกกันสิทธิ (มะฮฺญูบาตฺ) ในกรณีที่ผู้ตายมีบุตรหรือหลานชายอันเกิดจากบุตรชาย ฯลฯ หรือมีบิดาของผู้ตายร่วมอยู่ด้วย พระองค์อัลลอฮฺทรงมีดำรัสว่า :

(يَسْتَفْتُونَكَ قُلِ الله يُفْتِيكُمْ فِي الْكَلاَلَةِ ، إِنِ امْرُؤٌ هَلَكَ لَيْسَ لَهُ وَلَدٌ  وَلَه أُخْتٌ فَلَهَا نِصْفُ مَا تَرَكَ ، وَهُوَ يَرِثُهَا إِن لَمْ يَكُنْ لَهَا وَلَدٌ ،  فَإِن كَانَتَا اثْنَتَيْنِ فَلَهُمَا الثُّلُثَانِ مِمَّا تَرَكَ ، وَإِن كَانُواْ إِخْوَةً رِجَالاً وَنِسَاءً فَلِلذَّكَرِ مِثْلُ حَظِّ الأُنثَيَيْنِ...الآية)

“พวกเขาจะขอให้เจ้าชี้ขาดปัญหา จงกล่าวเถิดว่า อัลลอฮฺจะทรงชี้ขาดให้แก่พวกเจ้าในเรื่องของผู้เสียชีวิตที่ไม่มีบิดาและ บุตรกล่าวคือ ถ้าชายผู้หนึ่งตายโดยที่เขาไม่มีบุตรแต่มีพี่สาวหรือน้องสาวคนหนึ่งนางก็ได้ ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้ โดยที่เขาก็จะรับมรดกของนาง หากไม่ปรากฏว่านางมีบุตร ดังนั้นหากปรากฏมีพี่สาวหรือน้องสาวสองคน ทั้งสองนั้นก็ได้ สองในสามจากสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้และหากปรากฏว่าพวกเขาเป็นพี่น้องหลายคนทั้ง ชายและหญิง ดังนั้นสำหรับชายก็ได้รับเท่ากับส่วนได้ของหญิงสองคน...”
(สูเราะฮฺ อัน-นิสาอฺ อายะฮฺที่ 176)



ดังนั้นในกรณีที่เจ้าของมรดกมีผู้สืบมรดก ดังต่อไปนี้

สามี

มารดา

พี่น้องร่วมมารดากับผู้ตายตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

พี่น้องร่วมบิดามารดากับผู้ตาย เป็นหญิงและชายหรือชายล้วน ซึ่งได้ส่วนที่เหลือ ให้ถือว่าพี่น้องร่วมบิดามารดากับผู้ตาย เป็นพี่น้องร่วมมารดากับผู้ตาย ซึ่งเรียกว่า ปัญหามรดกกินร่วม (มุชัรเราะกะฮฺ)


ตัวอย่าง

นางอามินะฮฺ เสียชีวิต ทิ้งทรัพย์สินมรดกเอาไว้ จำนวน 12,000 บาท มีผู้มีสิทธิสืบมรดก คือ สามี มารดา พี่น้องร่วมมารดา 2 คนขึ้นไป และมีพี่น้องร่วมบิดามารดากับผู้ตายเป็นชายล้วน หรือ หญิงกับชาย

วิธีแบ่งมรดก

ส่วนเต็ม  = 6

ผู้มีสิทธิสืบมรดก
อัตราส่วน
ส่วนที่ได้รับ
จำนวนเงิน
สามี
1/2
3
6,000
มารดา
1/6
1
2,000
พี่น้องร่วมมารดา
2 คนขึ้นไป
1/3
2
4,000
จำนวนเงินทั้งหมด 12,000 บาท

ส่วนเต็ม 6 ส่วน

แต่ละส่วน = 12,000 ÷ 6 = 2,000 บาท

ฉะนั้น สามีได้รับ 3 ส่วน เป็นเงิน 6,000 บาท

มารดาได้รับ 1 ส่วน เป็นเงิน 2,000 บาท

พี่น้องร่วมมารดา 2 คนขึ้นไปได้รับ 2 ส่วนเป็นเงิน 4,000 บาท



หมายเหตุ

เดิมพี่น้องร่วมบิดามารดากับผู้ตายได้รับส่วนที่เหลือ (อะเศาะบะฮฺ)  แต่เนื่องจากไม่มีส่วนเหลือ จึงให้ถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นพี่น้องร่วมมารดา จึงมีสิทธิได้รับหนึ่งในสามร่วมกันกับพี่น้องร่วมมารดาโดยแบ่งเท่า ๆ กัน





11. พี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดา

พี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามี 6 สภาพ ดังต่อไปนี้

ได้รับ 1/2 ในกรณีที่มีเพียงคนเดียว

ได้รับ 2/3 ในกรณีที่มีพี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดากับนางร่วมอยู่ด้วย

ได้รับ 1/6 ในกรณีที่ผู้ตายมีพี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามารดาร่วมอยู่ด้วย 1 คน

ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ในกรณีที่มีพี่ชายหรือน้องชายของนางร่วมอยู่ด้วย (โดยแบ่งให้ชาย 2 ส่วน หญิง 1 ส่วน)

ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ในกรณีที่บุตรสาวหรือหลานสาวอันเกิดจากบุตรชายร่วมอยู่ด้วย (โดยนางได้รับส่วนเหลือหลังจากแบ่งให้บุตรสาวหรือหลานสาว)

ถูกกันสิทธิในกรณีดังต่อไปนี้
มีพี่สาวหรือน้องสาวของผู้ตาย 2 คนขึ้นไป แต่ถ้ามีพี่ชายหรือน้องชายร่วมอยู่ด้วย ก็ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ)

มีพี่ชายหรือน้องชายร่วมบิดามารดากับผู้ตายร่วมอยู่ด้วย

พี่สาวหรือน้องสาวร่วมบิดามารดากับผู้ตายเป็นผู้ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ)

มีบุตรชายหรือหลานชายอันเกิดจากบุตรชาย ฯลฯ หรือ บิดาของผู้ตาย




12. ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ)

ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ เรียกในภาษาอาหรับว่า อะเศาะบะฮฺ (عَصَبَةٌ)  ตามหลักภาษา คำว่า (อะเศาะบะฮฺ) หมายถึง พรรคพวกของบุคคลซึ่งจะให้การสนับสนุนบุคคลผู้นั้นในยามวิกฤติตลอดจนให้การปกป้องบุคคลผู้นั้น

ส่วนความหมายตามหลักวิชาการแบ่งมรดกนั้น คำว่า อะเศาะบะฮฺ หมายถึง บรรดาญาติฝ่ายชายที่ใกล้ชิดกับผู้ตายโดยสืบถึงผู้ตายจากทางบิดา ซึ่งพวกเขาจะได้รับส่วนเหลือจากกองมรดกหลังจากแบ่งให้แก่บรรดาผู้มีสิทธิรับมรดกตามอัตราส่วนที่ถูกกำหนดไว้ (อัศฮาบุล-ฟัรฎ์) เรียบร้อยแล้วและพวกเขาจะได้รับกองมรดก ในกรณีเมื่อมีประเภทเดียวและไม่มีผู้รับตามอัตราส่วนที่ถูกกำหนดจากกองมรดก (อัศฮาบุล-ฟัรฎ์) อยู่เลย



ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) มี 3 ประเภท คือ :-

1. ผู้ได้รับส่วนเหลือโดยตนเอง (อะเศาะบะฮฺ-บินนัฟฺซิ) คือ ผู้ที่สืบเชื้อสายถึงผู้ตาย โดยไม่มีสตรีมาคั่นระหว่างเขาผู้นั้นกับผู้ตาย อันได้แก่ ผู้มีสิทธิในกองมรดกที่เป็นเพศชายนอกจากสามีและพี่น้องชายร่วมแต่มารดาเดียวกัน เพราะบุคคลทั้งสองจะได้รับเฉพาะส่วนแบ่งที่กำหนดไว้ให้เท่านั้น และบุคคลทั้งสองไม่ใช่ผู้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) แต่อย่างใด



ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือโดยตนเอง (อะเศาะบะฮฺ บินนัฟฺซิ) มี 4 ฝ่าย คือ

ฝ่ายบุตร : ได้แก่บุตรหลานที่เป็นชายของผู้ตาย เช่น บุตรชาย,หลานชายที่เกิดจากบุตรชาย แม้จะต่ำชั้นลงมา

ฝ่ายบิดา : ได้แก่บรรพบุรุษของผู้ตาย เช่น บิดาและปู่

ฝ่ายพี่น้อง : ได้แก่บุตรชายหรือหลานชายของบิดาผู้ตาย โดยไม่มีสตรีเข้ามาคั่นระหว่างเขากับผู้ตาย เช่น พี่น้องชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน,พี่น้องชายร่วมแต่บิดาเดียวกันหรือบุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน,บุตรชายของพี่น้องชายร่วมแต่บิดาเดียวกัน

ฝ่ายลุง : ได้แก่บุตรชายหลานชายของปู่ผู้ตาย โดยไม่มีสตรีเข้ามาคั่นระหว่างเขากับผู้ตาย เช่น ลุงที่ร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ตาย,ลุงที่ร่วมแต่บิดาเดียวกับบิดาผู้ตาย,บุตรชายของลุงที่ร่วมบิดามารดาเดียวกับบิดาผู้ตาย,บุตรชายของลุงที่ร่วมแต่บิดาเดียวกับบิดาผู้ตาย


หลักเกณฑ์ในการสืบมรดกของผู้ที่ได้รับส่วนเหลือโดยตนเอง มีดังต่อไปนี้

ทายาทที่อยู่ในฝ่ายหลังจะไม่ได้สืบมรดก ตราบที่ยังมีทายาทในฝ่ายก่อน ดังนั้นทายาทฝ่ายบิดาจะไม่ได้สืบมรดกในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ถ้าหากยังมีทายาทฝ่ายบุตรชายหรือหลานชายอยู่, ทายาทฝ่ายพี่น้องจะไม่ได้สืบมรดกในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ถ้าหากยังมีทายาทฝ่ายบิดาอยู่, ทายาทฝ่ายลุงจะไม่ได้สืบมรดกในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ถ้าหากยังมีทายาทฝ่ายบิดาอยู่, ทายาทฝ่ายลุงจะไม่ได้สืบมรดกในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) ถ้าหากยังมีทายาทฝ่ายพี่น้องอยู่

ถ้าหากมีญาติใกล้ชิดหลายคนอยู่ในฝ่ายเดียวกัน เช่น บิดากับปู่ หรือบุตรชายกับหลานชายหรือพี่น้องชายกับบุตรชายของพี่น้องชายหรือลุงกับบุตรชายของลุง ดังนั้น ผู้ที่เป็นทายาทห่างจากผู้ตายจะไม่ได้สืบมรดก ถ้าหากมีทายาทที่ชิดใกล้กับผู้ตายมากกว่า ดังนั้นปู่จะไม่ได้สืบมรดกถ้าหากยังมีบิดาอยู่,หลานชายจะไม่ได้สืบมรดก ถ้าหากยังมีบุตรชายอยู่เป็นต้น

ถ้าหากมีญาติใกล้ชิดอยู่หลายคนอยู่ในฝ่ายเดียวกันและแต่ละคนก็มีศักดิ์ชั้นเท่าเทียมกัน แต่แตกต่างกันในความเข้มของสายเลือด ผู้ที่มีสายเลือดเข้มกว่าย่อมเป็นผู้ได้รับมรดกก่อนผู้มีสายเลือดอ่อนกว่า ดังนั้นพี่น้องชายร่วมบิดามารดาเดียวกัน ย่อมได้สืบมรดกก่อนพี่น้องชายร่วมแต่บิดาเดียวกัน ลุงที่ร่วมบิดามารดากับบิดาของผู้ตายจะได้สืบมรดกก่อนลุงที่ร่วมแต่บิดาเดียวกับบิดาผู้ตาย เป็นต้น (อัลฟิกฮุลมันฮะญีย์ 5/99,100)





2. ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือโดยอาศัยผู้อื่น (อะเศาะบะฮฺ บิลฆอยฺร์) ได้แก่ ทายาทผู้หญิงทุกคนที่มีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งที่ถูกกำหนดจากกองมรดก เมื่อมีพี่น้องชายของนางร่วมอยู่ด้วย ทายาทผู้หญิงนั้นจะกลายเป็นผู้ที่ได้รับส่วนเหลือ (อะเศาะบะฮฺ) โดยอาศัยพี่น้องชายของนาง เช่น บุตรหญิงกับบุตรชาย,พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดากับพี่น้องชายร่วมบิดามารดา เป็นต้น โดยผู้ชายได้รับ 2 ส่วน ผู้หญิงได้รับ 1 ส่วน

ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือโดยอาศัยผู้อื่น จำกัดอยู่เฉพาะทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งสองในสามกับครึ่งหนึ่ง เมื่ออยู่ร่วมกับพี่น้องชายของพวกเขา ซึ่งได้แก่ :-

บุตรหญิง เมื่ออยู่พร้อมกับบุตรชาย

หลานหญิงเมื่ออยู่พร้อมกับหลานชาย

พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดา เมื่ออยู่พร้อมกับพี่น้องชายร่วมบิดามารดา

พี่น้องหญิงร่วมแต่บิดาเดียวกัน เมื่ออยู่พร้อมกับพี่น้องชายร่วมแต่บิดาเดียวกัน





3. ผู้ที่ได้รับส่วนเหลือร่วมกับผู้อื่น (อะเศาะบะฮฺ มะอัลฆ็อยฺร์) ได้แก่ พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดา หรือพี่น้องหญิงร่วมแต่บิดา เมื่ออยู่พร้อมกับบุตรหญิงหรือหลานสาว

ดังนั้นถ้าหากผู้ตายได้ทิ้งทายาทที่เป็นบุตรหญิงสองคนกับพี่น้องหญิงร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาอีกหนึ่งคน บุตรหญิงสองคนนั้น จะได้รับส่วนแบ่งสองในสามจากกองมรดก และพี่น้องหญิงร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาจะได้รับมรดกส่วนที่เหลือทั้งหมดคือหนึ่งในสาม

และให้ใช้หลักการเช่นเดียวกันนี้ ในกรณีของพี่น้องหญิงร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหลายคน เมื่ออยู่พร้อมกับหลานสาวคนเดียวหรือหลานสาวหลายคน

หลักฐานในเรื่องนี้ คือ หะดีษที่ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด (ร.ฏ.) ได้ถูกถามเกี่ยวกับบุตรหญิง,หลานสาวและพี่น้องหญิง ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด (ร.ฏ.) ตอบว่า : ในเรื่องนี้ฉันจะตัดสินเช่นเดียวกับที่ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้ตัดสินไว้ คือ : บุตรสาวได้รับครึ่งหนึ่ง,หลานสาวได้รับหนึ่งในหก และพี่น้องหญิงได้รับส่วนที่เหลือ (รายงานโดยบุคอรี -6355-)





13. ผู้ที่ไม่ถูกกันสิทธิในกองมรดกและที่ถูกกันสิทธิ

ก. ผู้ที่ไม่ถูกกันสิทธิในกองมรดกมี 5 คน คือ
บุตรชาย

บุตรสาว

บิดา

มารดา

สามี,ภรรยา



ข. ผู้ที่ถูกกันสิทธิในกองมรดก มีดังต่อไปนี้
หลานชาย ถูกกันสิทธิโดยบุตรชายของผู้ตาย

หลานสาว ถูกกันสิทธิโดยบุตรชายหรือบุตรสาวของผู้ตาย

ปู่ (บิดาของบิดา) ถูกกันสิทธิโดยบิดาของผู้ตาย

ย่า (มารดาของบิดา) ถูกกันสิทธิโดยมารดาของผู้ตาย

ยาย (มารดาของมารดา) ถูกกันสิทธิโดยมารดาของผู้ตาย

พี่น้องชายร่วมบิดามารดา ถูกกันสิทธิโดยบุตรชาย,บิดา,หลานชายของผู้ตาย

พี่น้องชายร่วมแต่บิดา ถูกกันสิทธิโดยบุตรชาย,บิดา,หลานชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดาของผู้ตาย

พี่น้องชายร่วมแต่มารดา ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,หลานชายอันเกิดจากบุตรชาย,บุตรสาวหลานสาวอันเกิดบุตรชายของผู้ตาย

พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดา ถูกกันสิทธิโดยบุตรชาย,บิดา,หลานชายของผู้ตาย

พี่น้องหญิงร่วมแต่บิดา ถูกกันสิทธิโดยบุตรชาย,บิดา,หลานชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,พี่น้องสาวร่วมบิดามารดาตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

พี่น้องสาวร่วมแต่มารดา ถูกกันสิทธิโดยบิดา ปู่ บุตรชาย หลานชายอันเกิดจากบุตรชาย,บุตรสาว,หลานสาวอันเกิดจากบุตรชายของผู้ตาย

บุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดามารดา ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,หลานชายอันเกิดจากบุตรชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,พี่น้องชายร่วมบิดา,พี่น้องสาวร่วมบิดามารดาเมื่อได้รับส่วนเหลือ

บุตรชายของพี่น้องชายร่วมแต่บิดา ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,พี่น้องชายร่วมแต่บิดา,พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดาเมื่อได้รับส่วนที่เหลือ,พี่น้องหญิงร่วมแต่บิดากับผู้ตายเมื่อได้รับส่วนที่เหลือ (อะเศาะบะฮฺ)

ลุงหรืออาร่วมบิดามารดาของผู้ตาย ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,หลานชายอันเกิดจากบุตรชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,บุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดาและมารดา

ลุงหรืออาร่วมแต่บิดากับบิดาของผู้ตาย ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,หลานชายอันเกิดจากบุตรชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,พี่น้องชายร่วมแต่บิดา,พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดาเมื่อได้รับส่วนที่เหลือ,พี่น้องหญิงร่วมแต่บิดาเมื่อได้รับส่วนที่เหลือ,บุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดามารดา,บุตรชายของพี่น้องชายร่วมแต่บิดา,ลุงหรืออาร่วมบิดามารดากับบิดาของผู้ตาย

บุตรชายหรือลุงของอาร่วมบิดามารดากับบิดาของผู้ตาย ถูกกันสิทธิโดยบิดา,ปู่,บุตรชาย,หลานชาย,พี่น้องชายร่วมบิดามารดา,พี่น้องชายร่วมแต่บิดา,พี่น้องหญิงร่วมบิดามารดาเมื่อได้รับส่วนเหลือ,พี่น้องหญิงร่วมแต่บิดาเมื่อได้รับส่วนที่เหลือบุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดามารดา,บุตรชายของพี่น้องชายร่วมบิดากับผู้ตาย

บุตรชายของลุงหรืออาร่วมบิดากับบิดาของผู้ตาย ถูกกันสิทธิโดยบุคคลในข้อ 16 และบุตรชายของพี่น้องชายของผู้ตายที่ร่วมบิดามารดากับผู้ตาย


หมายเหตุ ถ้าหากพี่น้องหญิงร่วมบิดามารดากับผู้ตายหรือพี่น้องหญิงร่วมบิดากับผู้ตายได้รับส่วนที่เหลือร่วมกับผู้อื่นแล้ว นางก็สามารถกันสิทธิของผู้อื่นได้ดังเช่นกรณีของพี่น้องชายของนาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น