อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คนขาดละหมาดโดยเจตนา กับผู้ที่นอนหลับจนเลยเวลา



ตอบโดย อ.ปราโมทย์  ศรีอุทัย

ถาม
อาจารย์ได้ยกเรื่องคนขาดละหมาดเพราะนอนหลับ กับคนขาดละหมาดเพราะเจตนาทิ้ง แล้วการเหนียตทั้งสองต่างกันอย่างไรบ้างค่ะ กรณีหลับไม่ตื่น จะเหนียตว่าชด หรืออยู่ในเวลาของละหมาด และหากตื่นมาในเวลาละหมาดแล้ว มันรู้สึกสะลึมสะลึอแล้วกลับหลับไปอีกตื่นมาก็เลยเวลาไปแล้ว อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันไหม

ตอบ
 คนขาดละหมาดโดยเจตนาละทิ้ง ไม่มีหลักฐานให้เขาชดใช้นอกจากการเตาบะฮ์อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนที่นักวิชาการบางท่านมีทัศนะว่าวายิบเขาจะต้องละหมาดชดใช้เหมือนกับคนที่ขาดละหมาดเพราะลืมหรือนอนหลับ ก็เป็นการนำเอาคนขาดละหมาดโดยเจตนาซึ่งเป็น "บาปใหญ่" ไปเปรียบเทียบกับคนขาดละหมาดเพราะลืมซึ่ง "ไม่มีบาปอะไรเลย" ผมมองว่า ไม่น่าจะทำได้ เพราะจะเข้าข่าย قياس مع الفارق .. คือนำสองสิ่งซึ่งหุก่มแตกต่างกันชัดเจนตามหลักการ มาปรับใช้เป็นหุก่มเดียวกัน อันเป็นเรื่องต้องห้ามตามหลักกิยาสครับ ..

ก็เนียตละหมาดชดใช้ละหมาดที่ขาดธรรมดานี่แหละครับ ส่วนที่ว่าตื่นมาแล้วยังสลึมสลือ ก็ให้ดูเจตนาคือ ถ้าไม่รู้เวลาและเข้าใจว่า เวลาละหมาดยังไม่หมด อย่างนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าลืมตาขึ้นมาเห็นเวลาจากนาฬิกาแล้วว่าจวนจะหมดเวลาละหมาดแล้วยังขืนนอนต่อ อย่างนี้ ไม่ได้แน่นอนครับ ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น