อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ของฝากจากชาวกุโบร์



(ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ)

*_กุโบร์คือหลุมแคบๆที่บีบคนตาย คือจุดสุดท้ายของผู้ยิ่งใหญ่ ของผู้รู้ ของคนดี ของคนเลว ของทุกคน กุโบร์เป็นทั้งเดาเราะฮฺในสวรรค์ และหุฟเราะฮฺในนรก ไม่ว่าใครจะใหญ่หรือบวมอืดแค่ไหน ก็เล็กกว่าหลุมศพด้วยกันทั้งนั้น!!! เมื่อท่านซัยยิดินาอาลีย์ รอฎิยัลลอฮฺฯ กลับจากสงครามซิฟฟีน ท่านได้เข้าไปในกุโบร์ และกล่าวว่า“โอ้ผู้อยู่ในมิติอันโดดเดี่ยว ในกุโบร์ที่มืดมิด ท่านไปกันก่อน ฉันกำลังจะตามท่านทั้งหลายไป ขอแจ้งให้ท่านทั้งหลายทราบโดยทั่วกันว่า บ้านที่ท่านเสียเงินปลูกนั้น มีคนอื่นมาอยู่แล้ว คู่ครอง(ภรรยาหรือสามี) ของท่านเขาก็แต่งงานใหม่แล้ว เขายิ้ม เขาคลอเคลีย เขาพะเน้าพะนอกัน คนเขาพูดกันว่า เขารักกันดีกว่าคู่ครองคนเก่าด้วยซ้ำ ทรัพย์สมบัติที่ท่านลุ่มหลงมากนั้นหรือ? เขาแย่งกัน เขาทะเลาะกัน และในที่สุด เขาก็แบ่งกันตามกฎหมาย ไม่แบ่งกันตามหลักการอิสลาม และมันก็เป็นเหตุให้ลูกๆหลานทะเลาะกัน ทั้งหมดนี้คือข่าวคราวจากดุนยาที่ฉันขอแจ้งให้ทราบ ขอท่านทั้งหลายได้โปรดแจ้งข่าวของพวกท่านในบัรซัคแห่งนี้ ให้พวกเรารับทราบด้วย?” และท่านอาลีย์ ก็ได้หันไปทางซอฮาบะอฺ พลางกล่าวว่า”หากชาวกุโบร์จะได้รับอนุญาตให้พูด พวกเขาจะต้องบอกกับพวกท่านว่า แท้จริงเสบียงที่ดีที่สุดคือ ตักวา(ความำเกรง)”สองคืนที่ทุกคนต้องค้างแรม

*_คืนที่หนึ่ง คือ คืนที่อยู่ในดุนยา อยู่กับครอบครัว อยู่กับความสุข หัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข

*_คืนที่สองคือ คืนพรุ่งนี้ คืนที่มะลิกุลเมาต์มาเป็นแขกที่เราไม่ได้รับเชิญ เราจะต้องถูกแบกไปฝังฝนกุโบร์ คนเดียว โดดเดี่ยว อะไรจะเกิดขึ้นแก่เรา ในคืนที่เราไม่เคยนี้.... คืนที่ไม่มีใครสักคน...
โอ้ความตายเอ๋ย...เจ้าช่างไม่กลัวสิ่งใดเลย

เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับกษัตริย์
เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับยาจก
เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับคนกล้า
เจ้ายัดเยียดตัวเจ้าให้กับคนขี้ขลาด
เจ้าทำให้บรรดาลูกๆต้องเป็นกำพร้า
และเจ้ายังทำให้บรรดาคุณพ่อ – คุณแม่ต้องเสียใจ
มันเป็นเพราะ.....ความตายมิใช่หรือ

ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงตรัสไว้ว่า..
كُلُّ نَفْسٍ ذَائِقَةُ الْمَوْتِ وَإِنَّمَا تُوَفَّوْنَ أُجُورَكُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ فَمَن زُحْزِحَ عَنِ النَّارِ وَأُدْخِلَ الْجَنَّةَ فَقَدْ فَازَ وَمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا إِلَّا مَتَاعُ الْغُرُورِ ( 185 )

ความว่า“แต่ละชีวิตนั้น จะได้ลิ้มรสแห่งความตาย และแท้จริงที่พวกเจ้าจะได้รับรางวัลของพวกเจ้าโดยครบถ้วนนั้น คือวันปรโลก แล้วผู้ใดที่ถูกให้ห่างไกลจากไฟนรก และถูกให้เข้าสวรรค์แล้วไซร้ แน่นอน เขาก็ชนะแล้ว และชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้น มิใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่งอำนวยประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อาลาอิมรอน : 185)

Credit article: www.muslimthai.org
Credit Foto: www. loveinglass.wordpress.com
credit: Marowee Tuanmaeroh



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น