อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ชี้แจงกรณี หนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์



ชี้แจงกรณี หนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ ใส่ใคล้ พี่น้องมุสลิมที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นวะฮบีย



ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์” ของ อ. อารีฟีน แสงวิมาน หน้า 8-9 ได้เลื่อกเอาข้อความในตัฟสีรวอวีย์ส่วนหนึง มาโจมตีและทำลายความเชื่อถือ ผู้ที่เขาได้อุปโลกน์ให้เป็นวะฮบียะฮ โดยเฉพาะเช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ ดังนี้
ท่านอิหม่ามอะหมัด อัศศอวีย์ (ฮ.ศ 1175-1241 กล่าวอธิบายอายะฮ ที่ 6 ของซูเราะฮ์ฟาฏีรที่ว่า

إِنَّ الشَّيْطَانَ لَكُمْ عَدُوٌّ فَاتَّخِذُوهُ عَدُوًّا إِنَّمَا يَدْعُو حِزْبَهُ لِيَكُونُوا مِنْ أَصْحَابِ السَّعِيرِ

“แท้จริง มารร้ายชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง”
ท่านอิหม่ามอัศศอวีย์ ได้อธิบายว่า

وَقِيْلَ هَذِهِ الأيَةُ نَزَلَتْ فِىْ الخَوَارِجِ الَّذِيْنَ يُحَرِّفُوْنَ تَأْوِيْلَ الكِتَابِ وَالسُّنَّةِ وَيَسْتَحِلُّوْنِ بِذَلِكَ دِمَاءَ الْمُسْلِمِيْنَ وأَمْوَالَهُمْ كَمَا هُوَ مُشَاهَدٌ الآنَ فِيْ نَظَائِرِهِمْ وَهُمْ فِرْقَةٌ بِأَرْضِ الحِجَازِ يُقَالُ لَهُمُ الْوَهَّابِيَّةُ يَحْسِبُوْنَ أَنَّهُمْ عَلىَ شَيْءٍ أَلاَ إِنَّهُمْ هُمُ الْكَاذِبُوْنَ

"ถูกกล่าวว่า อายะฮ์นี้(แท้จริง มารร้ายชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง”) ถูกประทาน เกี่ยวกับพวกค่อวาริจญฺ ซึ่งพวกเขา ได้ทำการบิดเบือนกับการตีความอัลกุรอานและซุนนะฮ์ ด้วยสิ่งดังกล่าวนี้ พวกเขาจึงได้ทำการอนุมัติเลือดและทรัพย์สินของบรรดามุสลิมมีน ด้วยกับสิ่งดังกล่าว ซึ่งเสมือนกับที่ได้ปรากฏเห็นในปัจจุบัน(คือในสมัยของท่านอัศ-ศอวีย์) โดยที่พวกเขาเหล่านั้น คือชนกลุ่มหนึ่ง ที่อยู่ ณ แผ่นดินหิญาซฺ (แถบนัจญฺดีย์ มักกะฮ์ และมะดีนะฮ์ ปัจจุบัน) ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่า กลุ่มวะฮาบียะฮ์ พวกเขาคิดว่าตนเองอยู่บนสิ่งหนึ่ง(ที่เป็นสัจจะธรรม) แต่พึงทราบเถิดพวกเขาคือบรรดาผู้ที่โกหกมุสา" ดู ฮาชียะห์อัศ-ศอวีย์ อธิบายซูเราะฮ์ อัล-ฟาฏิร อายะฮ์ที่ 6 ตีพิมพ์ที่ มุสตอฟา อัล-หะละบีย์ และฮาชียะฮ์ อัศศอวีย์ 3/307-308 ตีพิมพ์ ที่โรงพิมพ์อัลมัชชัดอัลฮุซัยนีย์
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ขอชี้แจงดังนี้

ข้อความที่ว่า(قيل ) แปลว่า “ได้ถูกกล่าวว่า” ข้อความนี้ ไม่ใช่ความเห็นของท่านศอวีย์ แต่ท่านได้กล่าวถึง ว่ามีผู้กล่าวเอาไว้ ซึ่งไม่ระบุว่า เป็นใครเป็นผู้กล่าว ซึ่งย่อมไม่มีน้ำหนักในการอ้างมาเป็นหลักฐาน และผู้เขียนจงใจตัดเอาข้อความท่อนนี้ เพื่อทำลายความเชื่อถือ เช็คมุหัมหมัด บิน อับดุลวะฮับ และกลุ่มที่ถูกเรียกว่า “วะฮบีย” ทั้งๆที่มีข้อความที่ท่านเช็คศอวีย์ ได้อ้างมีต่อไปอีกว่า

وقيل نزلت في لليهود والنصارى

ได้ถูกกล่าวว่า มันถูกประทานลงมา เกี่ยวกับ ยะฮูดและ นะศอรอ
และ อัศศอวีย์ได้กล่าวอีกว่า

قيل نزلت في الشيطان

และถูกกล่าวว่า มันถูกประทานลงมา เกี่ยวกับ ชัยฏอน ......................................

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมผู้เขียน คือ อ. อารีฟีน จึง เลือกเอา ประโยคแรก ที่มีคำว่า “วะฮบียะฮ “ ทำไม่ ไม่บอกว่า มีผู้กล่าวว่า “อายะฮนี้ประทานลงมาเกี่ยวกับ ยะฮูด และนะศอรอ ด้วย และบ้างก็ว่าประทานลงมาเกี่ยวกับชัยฏอนที่ยุยงให้มนุษย์เห็นดีเห็นงามตามที่มันยุยง และขอถามว่า มีหลักฐานหะดิษบทใดหรือ ที่มายืนยันสนับสนุนข้อความที่ท่านเลือกเพื่อโจมตีวะฮบีย์
อยากให้ผู้เขียนมาดูคำอธิบายของปราชญ์ยุคสะลัฟและเคาะลัฟ ที่ไม่มีอคติ ต่อคนกลุ่มใดดังนี้
ท่านอิบนุญะรีร ปราชญ์ตัฟสีร ยุคสะลัฟได้อ้างการอธิบายของท่านเกาตาดะฮว่า

حَدَّثَنَا بِشْرٌ قَالَ : ثَنَا يَزِيدُ قَالَ : ثَنَا سَعِيدٌ ، عَنْ قَتَادَةَ قَوْلَهُ ( إِنَّ الشَّيْطَانَ لَكُمْ عَدُوٌّ فَاتَّخِذُوهُ عَدُوًّا ) فَإِنَّهُ لَحَقٌّ عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ عَدَاوَتَهُ ، وَعَدَاوَتُهُ أَنْ يُعَادِيَهُ بِطَاعَةِ اللَّهِ ( إِنَّمَا يَدْعُو حِزْبَهُ ) وَحِزْبُهُ : أَوْلِيَاؤُهُ ( لِيَكُونُوا مِنْ أَصْحَابِ السَّعِيرِ ) أَيْ : لِيَسُوقَهُمْ إِلَى النَّارِ فَهَذِهِ عَدَاوَتُهُ

บิชรุน ได้เล่าแก่เรา เขากล่าวว่า ยะซีด ได้เล่าแก่เรา เขากล่าวว่า “สะอีด ได้เล่าเรา ว่า รายงานจากเกาะตาดะฮ เกียวกับอายะฮที่ว่า(“แท้จริง มารร้ายชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู) ดังนั้น เป็นหน้าทีเหนือมุสลิมทุกคน ต้องเป็นศัตรู กับมัน และการเป็นศัตรูกับมัน คือ เป็นปฏิภักษ์(ศัตรู)ต่อมันด้วยการภักดีต่ออัลลอฮ (แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน) และพลพรรคของมัน หมายถึง บรรดาสหายของมัน (เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง) หมายถึง เพื่อมันจะได้ลากพวกเขาลงสู่นรก และนี่คือ การเป็นศัตรูของมัน
– ตัฟสีรอัฏอบรีย์ เล่ม ๑๐ หน้า ๔๔๐
มาดูคำอธิบายของอิบนุกะษีร (ร.ฮ) ปราชญ์ตัฟสีร ยุคเคาะลัฟ อธิบายดังนี้
ثُمَّ بَيَّنَ تَعَالَى عَدَاوَةَ إِبْلِيسَ لِابْنِ آدَمَ فَقَالَ : ( إِنَّ الشَّيْطَانَ لَكُمْ عَدُوٌّ فَاتَّخِذُوهُ عَدُوًّا ) أَيْ : هُوَ مُبَارِزٌ لَكُمْ بِالْعَدَاوَةِ ، فَعَادُوهُ أَنْتُمْ أَشَدَّ الْعَدَاوَةِ ، وَخَالِفُوهُ وَكَذِّبُوهُ فِيمَا يَغُرُّكُمْ بِهِ ، ( إِنَّمَا يَدْعُو حِزْبَهُ لِيَكُونُوا مِنْ أَصْحَابِ السَّعِيرِ ) أَيْ : إِنَّمَا يَقْصِدُ أَنْ يُضِلَّكُمْ حَتَّى تَدْخُلُوا مَعَهُ إِلَى عَذَابِ السَّعِيرِ ، فَهَذَا هُوَ الْعَدُوُّ الْمُبِينُ

ต่อมาอัลลอฮตะอาลา ได้ชี้แจงถึงการเป็นศัตรูของอิบลิส ที่มีต่อลูกหลานอาดัม โดยพระองค์ได้ตรัสว่า(“แท้จริง มารร้ายชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู) หมายถึง มันคือผู้ที่แสดงการเป็นศัตรูกับพวกเจ้าชัดเจน ดังนั้น พวกเจ้าเองจงเป็นศัตรูกับมันอย่างแข็งขัน ,พวกเจ้าจงขัดแย้งและปฏิเสธมัน ในสิ่งที่มันหลอกลวงพวกเจ้า(ศัตรู แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง) หมายถึง ความจริง มันเจตนาทำให้พวกเจ้าหลงผิด จนกระทั่งพวกเจ้าเข้านรกพร้อมกับมัน และนี้คือ การเป็นศัตรูอย่างชัดแจ้ง
– ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม ๖ อรรถาธิบายซูเราะฟาฏีร อายะฮที่ ๖

หมายเหตุ ผู้เขียนเลือกเอาเฉพาะส่วนที่ระบายสีแดง เพราะมีคำว่า"วะฮบียะฮ" แล้วส่วนที่อยู่ในกรอบสีน้ำเงินทำไมไม่เอามาอ้าง ที่เขาบอกว่า "ได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับ ยะฮูดและนะศอรอ



จากเพจ มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น