อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มะอ์มูมมัสบูก มะอ์มูมซึ่งมาไม่ทันการอ่านฟาติหะฮ์ในร็อกอะฮ์แรกของอิหม่าม

สุญูดซะฮ์วี
โดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย
(ตอนที่ 4)

ดังได้กล่าวมาแล้วว่า มะอ์มูมมัสบูกก็คือมะอ์มูมซึ่งมาไม่ทันการอ่านฟาติหะฮ์ในร็อกอะฮ์แรกของอิหม่าม ...
ผู้นมาซบางคนที่มาถึงในขณะอิหม่ามกำลังก้มรุกั๊วะอฺอยู่ ไม่ว่าในร็อกอะฮ์ใดของอิหม่ามก็ตาม แล้วเขาก็รีบตักบีเราะตุ้ลเอี๊ยะห์รอมในขณะยืนตรง และรีบก้มรุกั๊วะอฺตามอิหม่ามทันที ...
อย่างนี้จะถือว่า เขาได้ทันรุกั๊วะอฺพร้อมอิหม่าม, และทันได้ร็อกอะฮ์นั้นหรือไม่ ?
(คำว่า “ทันรุกั๊วะอฺ” หมายถึงเขาได้ก้มลงไปอยู่ในสภาพรุกั๊วะอฺแล้วอย่างน้อยชั่วอึดใจ ก่อนที่อิหม่ามจะเงยหน้าขึ้นมา) ...
คำตอบก็คือในกรณีดังกล่าว อาจจะเป็นไปได้ 3 ลักษณะดังต่อไปนี้ ...
1. ถ้ามะอ์มูมคนนั้นแน่ใจว่า ตนเองทันได้รุกั๊วะอฺแล้วชั่วอึดใจก่อนที่อิหม่ามจะเงยหน้าขึ้นมาจากรุกั๊วะอฺของท่าน ในกรณีนี้ถือว่าเขาทันได้ร็อกอะฮ์นั้นเป็นร็อกอะฮ์แรกของเขา โดยไม่จำเป็นต้องอ่านฟาติหะฮ์ ...
ท่านอับดุลลอฮ์ บิน มุฆ็อฟฟัล ร.ฎ. ได้รายงานมาว่า ...
قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : إِذَاوَجَدْتُمُ اْلإمَامَ سَاجِدًا فَاسْجُدُوْا، أَوْرَاكِعًا فَارْكَعُوْا، أَوْقَائِمًا فَقُوْمُوْا، وَلاَ تَعْتَدُّوْا بِالسُّجُوْدِ إِذَالَمْ تُدْرِكُواالرَّكْعَةَ ..

ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า .. “เมื่อพวกท่านมาทันอิหม่ามขณะเขากำลังสุญูด พวกท่านก็จงสุญูด, หรือมาทันขณะเขากำลังรุกั๊วะอฺ พวกท่านก็จงรุกั๊วะอฺ, หรือมาทันขณะเขากำลังยืน พวกท่านก็จงยืน, แต่พวกท่านอย่านับ (ว่าได้ร็อกอะฮ์) ด้วยการสุญูด ในเมื่อพวกท่านไม่ทันได้รุกั๊วะอฺ”
(บันทึกโดยท่านอะห์มัด ในหนังสือ “อัล-มะซาอิล” ของท่านอิสหาก บิน รอฮะวัยฮ์ เล่มที่ 1 หน้า 127 ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง) ...
2. ถ้าเขาแน่ใจว่า เขา “ไม่ทัน” ได้รุกั๊วะอฺพร้อมอิหม่ามแน่ๆ โดยที่ขณะเขากำลังกัมลงไปนั้น อิหม่ามก็กำลังเงยขึ้นจากรุกั๊วะอฺพอดี ...
ในกรณีนี้ ถือว่าเขาไม่ทันได้ร็อกอะฮ์นั้น ดังนั้น จึงให้เขานับร็อกอะฮ์แรกของเขาเมื่อลุกขึ้นจากสุญูดครั้งที่สองของร็อกอะฮ์นั้นมายืนอ่านฟาติหะฮ์ในร็อกอะฮ์ถัดไป และก็ไม่ต้องสุญูดซะฮ์วีด้วย ...

3. ถ้าเขาสงสัยว่าตนเองได้ทันรุกั๊วะอฺพร้อมอิหม่ามหรือไม่ ? .. ก็ให้เขาใคร่ครวญหาความมั่นใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามั่นใจว่าตนเองทันรุกั๊วะอฺของอิหม่าม ก็ถือว่าทันได้ร็อกอะฮ์นั้น แต่ถ้ามั่นใจว่า ตนเองไม่ทันรุกั๊วะอฺของอิหม่าม ก็ถือว่าไม่ได้ร็อกอะฮ์นั้น ...
แต่ไม่ว่าเขาจะมั่นใจด้านใดจากทั้งสองด้านนั้น ในกรณีนี้ก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วีหลังการให้สล่ามแล้ว 2 ครั้ง แล้วจึงให้สล่ามอีกครั้งหนึ่ง ...

4. แต่ถ้าเขาไม่สามารถหาความมั่นใจด้านใดด้านหนึ่งได้ ก็ให้ถือว่าเขาไม่ทันได้ร็อกอะฮ์นั้น และหลังจากเขานมาซต่อไปจนเสร็จและให้สล่ามแล้ว ก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วี 2 ครั้ง เช่นเดียวกัน ...
การสุญูดซะฮ์วีของมะอ์มูมมัสบูก
เมื่ออิหม่ามลืมสิ่งหนึ่งสิ่งใดในการนมาซ วาญิบสำหรับมะอ์มูมที่มานมาซทันอิหม่ามตั้งแต่ต้น จะต้องปฏิบัติตามอิหม่ามและสุญูดซะอ์วีพร้อมอิหม่ามเสมอ ...
แต่ในกรณีถ้ามะอ์มูมคนนั้นเป็นมะอ์มูมมัสบูก การสุญูดซะฮ์วีก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งดังต่อไปนี้ ...
กรณีที่ 1. ถ้าการสุญูดซะฮ์วีย์ของอิหม่ามจะต้องกระทำก่อนการให้สล่าม เช่นอิหม่ามต้องสุญุดซะฮ์วีเนื่องจากละทิ้งการอ่านตะชะฮ์ฮุดครั้งแรก, หรือเนื่องจากการสงสัยในจำนวนร็อกอะฮ์ เป็นต้น ...
ในกรณีนี้ก็ให้มะอ์มูมมัสบูกผู้นั้นสุญูดซะฮ์วีพร้อมอิหม่ามด้วย เพราะถือว่าเขายังเป็นมะอ์มูมที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามอิหม่ามอยู่ ตราบใดที่อิหม่ามยังมิได้ให้สล่าม ...
และเมื่ออิหม่ามให้สล่ามแล้ว ก็ให้เขาลุกขึ้นทำนมาซของเขาในส่วนที่ยังขาดอยู่ให้ครบ หลังจากนั้นก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วีอีกครั้งก่อนให้สล่าม หากการลืมของอิหม่ามเกิดขึ้นหลังการเป็นมะอ์มูมของเขา ...
ตัวอย่าง

มะอ์มูมมัสบูกผู้หนึ่ง มานมาซทันอิหม่ามในร็อกอะฮ์ที่ 2 พอลุกขึ้นจากสุญูดครั้งที่สองของร็อกอะฮ์นี้ อิหม่ามก็ยืนขึ้นทำร็อกอะฮ์ที่สามเลยโดยลืมการอ่านตะชะฮ์ฮุดครั้งแรก ...
ดังนั้น เมื่ออิหม่ามนมาซจบและสุญูดซะฮ์วีย์ก่อนให้สล่าม เขาก็ต้องสุญูดซะฮ์วีตามอิหม่ามด้วย และเมื่อเขาลุกขึ้นทำนมาซของเขาต่อไปจนเสร็จแล้ว เขาก็ต้องสุญูดซะฮ์วีก่อนให้สล่ามอีกครั้งหนึ่ง ดังกล่าวมาแล้ว ...
แต่ถ้าการลืมของอิหม่ามเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะมาเป็นมะอ์มูม ตัวอย่างเช่น อิหม่ามลืมการอ่านตะชะฮ์ฮุดครั้งแรกในร็อกอะฮ์ที่สอง แต่เขามานมาซตามอิหม่ามในร็อกอะฮ์ที่สามหรือร็อกอะฮ์ที่สี่ เป็นต้น ในกรณีนี้ ก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วีตามอิหม่ามก่อนการให้สล่ามของอิหม่ามอย่างเดียว แต่ไม่ต้องสุญูดซะฮ์วีอีกเมื่อเขาทำนมาซของเขาจบสิ้นลง ...
กรณีที่ 2. ถ้าการสุญูดซะฮ์วีของอิหม่าม ต้องกระทำหลังจากให้สล่ามแล้ว เช่นอิหม่ามสุญูดซะฮ์วีเพราะมีการเพิ่มรุก่นบางอย่างของการนมาซโดยไม่เจตนา ...
ในกรณีนี้ เมื่ออิหม่ามให้สล่ามแล้วและเตรียมจะหมอบลงสุญูดซะฮ์วี ก็ให้มะอ์มูมมัสบูกผู้นั้นลุกขึ้นทำร็อกอะฮ์ต่อไปของตนได้ทันที โดยไม่ต้องลงสุญูดซะฮ์วีพร้อมอิหม่ามในขณะนั้น เพราะในทันทีที่อิหม่ามให้สล่าม ก็ถือว่าเขาได้พ้นสภาพจากการเป็นมะอ์มูมแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามอิหม่ามต่อไป ...
แต่หลังจากเขาทำนมาซของเขาต่อไปจนเสร็จ ก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วีหลังจากการให้สล่ามของตนเอง .. ตามข้อจำแนกของเวลาแห่งการเป็นมะอ์มูมมัสบูกของเขา .. ดังกรณีที่ 1 ที่อธิบายผ่านมาแล้ว ...
การลืม 2 ครั้งในการนมาซเดียวกัน
ถ้าผู้นมาซคนใดมีการลืม 2 ครั้งในการนมาซเดียวกัน, ซึ่งการลืมครั้งหนึ่งจะต้องสุญูดซะฮ์วีก่อนให้สล่าม แต่การลืมอีกครั้งหนึ่งจะต้องสุญูดซะฮ์วีหลังให้สล่ามแล้ว ในกรณีนี้เขาจะต้องสุญูดซะฮ์วีอย่างไร ? ...
เรื่องนี้ นักวิชาการส่วนใหญ่มีทัศนะว่า ให้เขาสุญูดซะฮ์วี ก่อนการให้สล่าม
ตัวอย่าง
ชายผู้หนึ่งนมาซซุฮ์รี่ แล้วลืมการอ่านตะชะฮ์ฮุดครั้งแรกในร็อกอะฮ์ที่สอง (ซึ่งกรณีนี้จะต้องสุญูดซะฮ์วีก่อนการให้สล่าม) แต่แล้วหลังจากนั้น เขากลับนั่งอ่านตะชะฮ์ฮุดครั้งแรกในร็อกอะฮ์ที่สาม โดยเข้าใจว่าเป็นร็อกอะฮ์ที่สอง (ซึ่งในกรณีนี้ เขาต้องสุญูดซะฮ์วีหลังการให้สล่ามแล้ว) ...
เมื่อเขานึกได้และนมาซต่อไปจนจบแล้ว ก็ให้เขาสุญูดซะฮ์วี 2 ครั้งก่อนการให้สล่าม ตามทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่ ...
วัลลอฮุ อะอฺลัม ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น