อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มรดกและการแบ่งมรดกตามบัญญัติอิสลาม

โดย อาจารย์อาลี เสือสมิง


ความหมายและความสำคัญ

มรดก คือ ทรัพย์สินหรือสิทธิที่ผู้ตายได้ทิ้งไว้ ซึ่งทายาทโดยชอบธรรมมีสิทธิได้รับด้วยการสิ้นชีวิตของผู้ตาย (อัลฟิกฮุล-อิสลามีย์ 8/243) การแบ่งมรดก เป็นระเบียบตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ได้รับการยืนยันด้วยตัวบทอัลกุรฺอาน อัลหะดีษ และอิจญ์มาอฺ ซึ่งมีความสำคัญเช่นเดียวกับหลักการที่ว่าด้วยการละหมาด การจ่ายซะกาฮฺ การทำธุรกรรมต่างๆและบทลงโทษตามลักษณะอาญา โดยจำเป็นในการบังคับใช้และนำมาปฏิบัติ ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงหรือฝ่าฝืน ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปนานเพียงใดก็ตาม (อัลฟิกฮุ้ลมันฮะญีย์ 5/71,72) และผู้ใดปฏิเสธบัญญัติของศาสนาในเรื่องการแบ่งมรดก ผู้นั้นเป็นผู้ปฏิเสธ (กาฟิร) ออกนอกจากศาสนาอิสลาม (อ้างแล้ว 5/68)

ท่านนบีมุฮำหมัด (صلى الله عليه وسلم) ได้กล่าวว่า : “จงแบ่งทรัพย์สินในระหว่างผู้สืบทอดตามนัยแห่งคัมภีร์ของอัลลอฮฺ”   (รายงานโดยบรรดาเจ้าของสุนัน)





องค์ประกอบของการแบ่งมรดก
องค์ประกอบของการแบ่งมรดกมี 3 ประการ คือ

เจ้าของมรดกหรือผู้ตาย (อัล-มุวัชริซฺ)

ผู้สืบ (รับ) มรดก (อัล-วาริซฺ)

ทรัพย์สินหรือสิทธิของเจ้าของมรดกหรือผู้ตาย เรียกในภาษาอาหรับว่า อัลเมารูซฺ,อัล-มีรอซฺ และอัล-อิรซฺ (المَوْرُوْثُ ، اَلمِيْرَاثُ ، اَلإِرْثُ) เมื่อขาดองค์ประกอบข้อหนึ่งข้อใดจาก 3 ประการนี้ ก็ไม่มีการสืบมรดก (อัลฟิกฮุลอิสลามีย์ 8/248,249)




สิ่งที่ถือว่าเป็นมรดก
สิ่งที่ถือว่าเป็นมรดกได้แก่

สังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ตาย เช่น ที่ดิน ตึก อาคาร บ้าน สวน ไร่นา รถยนต์ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เป็นต้น

เงินสดในมือ และในธนาคาร

ทรัพย์สินที่ผู้ตายมีสิทธิโดยชอบธรรม แต่ยังมิได้มีการส่งมอบ เช่น หนี้สินของผู้ตายที่ติดค้างอยู่ที่ผู้อื่น (ลูกหนี้) เงินค่าทำขวัญ เงินค่าทดแทน เงินค่าตอบแทน เป็นต้น

สิทธิทางวัตถุ ซึ่งมิได้เกิดจากตัวทรัพย์สินโดยตรงแต่ทว่าเกิดจากการกระทำโดยทรัพย์สินนั้นหรือมีความผูกพันกับทรัพย์สินนั้น เช่น สิทธิในน้ำดื่ม สิทธิในการใช้ทางสัญจร สิทธิในการอาศัย สิทธิในที่ดินเพื่อการเพาะปลูก สิทธิในการเช่าช่วง เป็นต้น




บรรดาสิทธิที่เกี่ยวพันกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย
มีสิทธิ 5 ประการที่เกี่ยวพันกับทรัพย์มรดกของผู้ตาย โดยมีความสำคัญก่อนหลังตามลำดับ ดังนี้ คือ

บรรดาหนี้สินที่เกี่ยวพันกับตัวของทรัพย์มรดกก่อนหน้าการเสียชีวิตของผู้ตาย อาทิ เช่น การจำนอง,การซื้อขาย และทรัพย์สินซึ่งจำเป็นต้องออกซะกาฮฺ

การจัดการศพ อันหมายถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดนับแต่การเสียชีวิตของผู้ตายจวบจนเสร็จสิ้นการฝังศพโดยไม่มีความสุรุ่ยสุร่ายหรือความตระหนี่ในการใช้จ่าย

บรรดาหนี้สินที่มีภาระผูกพันกับผู้ตาย ไม่ว่าบรรดาหนี้สินนั้นจะเป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮฺ ()อาทิ เช่น ซะกาฮฺ,สิ่งที่ถูกบน (นะซัร) เอาไว้ และบรรดาค่าปรับ (กัฟฟาเราะฮฺ) หรือจะเป็นสิทธิของบ่าว อาทิ เช่น การยืมหนี้สิน เป็นต้น

พินัยกรรม (วะศียะฮฺ) ที่ผู้ตายทำไว้จากจำนวน 1 ใน 3 ของทรัพย์สินที่ผู้ตายละทิ้งไว้ หลังจากค่าใช้จ่ายในการจัดการศพและการชดใช้หนี้สินของผู้ตาย

ทรัพย์อันเป็นมรดก ซึ่งถือเป็นสิทธิที่เกี่ยวพันกับทรัพย์สินของผู้ตายในลำดับท้ายสุด โดยให้นำมาแบ่งระหว่างทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกตามสัดส่วนที่ศาสนากำหนด (อัลฟิกฮุล-มันฮะญี่ย์ 5/73,74)



เงื่อนไขของการแบ่งมรดก
การแบ่งมรดกนั้นจะมีเงื่อนไข ดังนี้

เจ้าของมรดกได้เสียชีวิตอย่างแน่นอน หรือด้วยคำสั่งของศาล (ว่าเสียชีวิตหรือสาบสูญ)

ผู้สืบมรดก (ทายาท) ยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน หรือด้วยคำสั่งของศาล

จะต้องทราบว่าผู้นั้นเกี่ยวข้องในการสืบมรดกอย่างไร เช่น เป็นสามี เป็นภรรยา ฯล

จะต้องไม่ถูกกันสิทธิในการสืบมรดกตามหลักศาสนบัญญัติ




ผู้ที่ไม่มีสิทธิในกองมรดก

ผู้ที่ไม่มีสิทธิสืบมรดกโดยเด็ดขาด มีดังนี้ คือ

ผู้ที่ทำการสังหารเจ้าของมรดก หรือมีส่วนร่วมในการสังหาร (สมรู้ร่วมคิด) ไม่ว่าจะเป็นการสังหารโดยเจตนาหรือผิดพลาด,จะด้วยสิทธิอันชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม หรือตัดสินให้ประหารชีวิตหรือเป็นพยานปรักปรำจนเป็นเหตุให้มีการประหารชีวิตหรือรับรองพยานในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้มีรายงานจากท่าน อัมร์ อิบนุ ชุอัยฺบ์ จากบิดาของเขาจากปู่ของเขาว่า แท้จริงท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้กล่าวว่า : - لَيْسَ لِلْقَاتِلِ شَئٌ (أَىْ مِنَ الْمِيْرَاثِ -  “สำหรับผู้สังหารย่อมไม่มีสิทธิใดๆเลยจากทรัพย์มรดก”  (อบูดาวูด-4564-)

ทาส ทุกชนิด ทั้งนี้เพราะทาสไม่มีสิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน

ผู้สืบมรดกเป็นชนต่างศาสนิก หรือสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม (มุรตัด) ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้กล่าวว่า :  - لاَيَرِثُ الْمُسْلِم الكَافِرَوَلاَالْكَافِرُالْمُسْلِمَ -  “มุสลิมจะไม่สืบมรดกคนต่างศาสนิกและคนต่างศาสนิกก็จะไม่สืบมรดกคนมุสลิม”  (รายงานโดย บุคอรี-6383-,มุสลิม-1614-)



ผู้มีสิทธิสืบมรดก اَلْوَارِثُ (อัล-วาริซฺ)
ทายาทผู้ตายที่เป็นชายซึ่งมีสิทธิในการสืบมรดก มีดังนี้

บุตรชายของผู้ตาย

หลานชาย เหลนชาย ฯลฯ

บิดาของผู้ตาย

ปู่ของผู้ตาย (บิดาของบิดา ฯลฯ)

พี่ชายหรือน้องชาย (ทั้งที่ร่วมบิดามารดา หรือร่วมบิดา หรือร่วมมารดากับผู้ตาย

บุตรชายของพี่ชายหรือน้องชาย (ร่วมบิดามารดา)

บุตรชายของพี่ชายหรือน้องชาย (ร่วมบิดากับผู้ตาย)

อาหรือลุง (พี่ชายหรือน้องชายของบิดาที่ร่วมบิดามารดากับบิดาของผู้ตาย)

อาหรือลุง (พี่ชายหรือน้องชายของบิดาที่ร่วมบิดากับบิดาของผู้ตาย)

บุตรชายของลุงหรือของอา (บุตรของพี่ชายหรือน้องชายของบิดาที่ร่วมบิดามารดากับบิดาของผู้ตาย)

บุตรชายของลุงหรือของอา (บุตรของพี่ชายหรือน้องชายของบิดาที่ร่วมบิดากับบิดาของผู้ตาย)

สามีของผู้ตาย

ผู้ปลดปล่อยทาสให้เป็นไท (ในกรณีที่อดีตทาสที่เขาปล่อยนั้นเป็นเจ้าของมรดก)

อนึ่งถ้าบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดมีชีวิตอยู่ในขณะแบ่งมรดกผู้มีสิทธิสืบมรดกมีเพียง บิดา ลูก และสามีของผู้ตายเท่านั้น



ทายาทผู้ตายที่เป็นหญิงซึ่งมีสิทธิในการสืบมรดก มีดังนี้

บุตรีของผู้ตาย

บุตรีของบุตรชาย (หลานสาว) หรือบุตรีของบุตรชายของบุตรชาย (เหลนสาว) ของผู้ตาย

มารดาของผู้ตาย

ย่า (มารดาของบิดา) ของผู้ตาย

ยาย (มารดาของมารดา) ของผู้ตาย

พี่สาวหรือน้องสาว (ร่วมบิดามารดาหรือร่วมมารดาหรือร่วมบิดากับผู้ตาย)

ภรรยาของผู้ตาย

นายหญิงผู้ปลดปล่อยทาสให้เป็นไท (ในกรณีที่อดีตทาสที่นางปลดปล่อยนั้นเป็นเจ้าของมรดก)


อนึ่ง ถ้าบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดมีชีวิตอยู่ในขณะแบ่งมรดกผู้ที่มีสิทธิในการสืบมรดก คือ

บุตรีของผู้ตาย

หลานสาว (บุตรีของบุตรชาย) ของผู้ตาย

ภรรยาของผู้ตาย

มารดาของผู้ตาย

พี่สาวหรือน้องสาวที่ร่วมบิดามารดากับผู้ตาย
และถ้าหากนำผู้สืบมรดกทั้งชายและหญิงมารวมกัน  ผู้ที่มีสิทธิในการสืบมรดกนั้น คือ  1. บิดาของผู้ตาย  2. มารดาของผู้ตาย  3.บุตรชายของผู้ตาย  4.บุตรีของผู้ตาย  5.สามีหรือภรรยาของผู้ตาย


อนึ่ง เกี่ยวกับผู้สืบมรดกนี้ ยังแบ่งออกเป็นผู้ที่มีสิทธิสืบมรดกตามสัดส่วนที่ถูกกำหนดแน่นอน เรียกว่า อัศหาบุล-ฟัรฎ์ (أَصْحَابُ الْفِرْضَِ) และผู้มีสิทธิสืบมรดกในส่วนที่เหลือ เรียกว่า อะเศาะบะฮฺ (اَلْعَصَبَةُ)  ซึ่งสามารถศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเพิ่มเติมต่อไป



อัตราหรือสัดส่วนการแบ่งมรดกตามที่มีปรากฏในคัมภีร์อัลกุรฺอาน คือ

1/2 เรียกว่า นิศฟุ (نِصْفٌ)

1/4 เรียกว่า รุบฺอ์ (رُبْعٌ)

1/3 เรียกว่า สุลุสฺ (ثَلُثٌ)

2/3 เรียกว่า สุลุสานิ (ثُلُثَانِ)

1/6 เรียกว่า สุดุสฺ (سُدُسٌ)

1/8 เรียกว่า สุมุนฺ (ثُمُنٌ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น