อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

6 กลยุทธเชิงรุกของชีอะฮฺในประเทศไทย


ความพยายามของชีอะฮฺเพื่อจะดึงคนเข้าร่วมลัทธินี้มีมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการที่ได้ผลข้อหนึ่งคือ อาศัยการปฏิวัติ (ที่เขาเรียกไปเองว่าเป็นการปฏิวัติอิสลาม) ในอีหร่านเป็นเครื่องมือให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่เพื่อให้มีความรู้สึกร่วมและมีอารมณ์คล้อยตาม ซึ่งนับว่าได้ผลในระดับดีเลยทีเดียวส่วนตัวผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหลังจากที่ชีอะฮฺใช้กลยุทธเชิงรุกนี้กับสังคมบ้านเรา ซึ่งจากการติดตามบ้าง (แต่ไม่มาก) กับการเคลื่อนไหวเชิงรุกของชีอะฮฺพอจะสรุปกลยุทธที่ใช้มีดังต่อไปนี้

1. การเข้าหาบุคคลมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักของมุสลิมในบ้านเรา
ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการอาวุโส ที่ในอดีตมีบทบาทในการเผยแพร่อิสลามเป็นอย่างมากในเขตเมืองหลวงของเรา หรือการเข้าหาทำเหมือนเยี่ยมคาราวะหน่วยงานหรือองค์กรศาสนาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศและบุคคลที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ยังมีเจตนาให้เป็นข่าวออกสื่อเพื่อให้มุสลิมทั่วไปเห็นว่าเขา (ชีอะฮฺ) แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นคนในของอิสลามแถมยังได้รับการยอมรับจากผู้นำในอิสลามอีกด้วย

2. เสนอการดูงานที่ประเทศอีหร่านในกับคนที่มีบทบาทในสังคม
กลยุทธนี้เป็นการเสนอแพกเกจการดูงานไปยังประเทศอีหร่านอันเป็นประเทศชีอะฮฺตัวพ่อให้กับบรรดาดาอีย์หรือนักเคลื่อนไหวขับเคลื่อนอิสลามในบ้านเราโดยดาอีย์บ้านเราบางคนก็ไปจริง บางคนก็ปฏฺิเสธ สำหรับผู้ที่ไปนั้นได้ถูกบริการรับรองเป็นอย่างดีอย่างกับเป็นแขก VIP ของรัฐบาลชีอะฮฺเลยทีเดียว อันนี้ถือเป็นกลยุทธเพื่อการดะอฺวะฮฺและการดึงบุคคลเหล่านี้ให้เป็นชีอะฮฺโดยตรง ซึ่งแน่นอนหากดึงบุคคลเหล่านี้ได้ ด้วยความที่คนเหล่านี้มีบทบาทในการดะฮฺวะฮฺเผยแพร่อิสลามในสังคมอยู่แล้ว หากเป็นชีอะฮฺเมื่อไหรก็จะเป็นผลดีต่อชีอะฮฺในการเผ่ยแพร่ศาสนานี้ (หรือจะเรียกแนวคิดหรือลัทธิดี) เป็นอย่างมากด้วย

3. รุกด้านการศึกษา
เป็นกลยุทธที่ส่วนตัวผมคิดว่าถือว่าฉลาดอย่างยิ่ง ในการเปิดคณะ (หรือสาขา) อิสลามศึกษากับมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง โดยมีการเปิดตัวอย่างใหญ่โตกันทีเดียว เพื่อเป็นการดึงให้มุสลิมรากหญ้าที่ยังไม่รู้จักพวกเขามากนักมาเรียน ซึ่งการหวังผลมีแน่นอน ผลที่ว่านั้นคือ เริ่มด้วยการยอมรับในระบบการศึกษาของเขาต่อสังคมและจบด้วยการมีคนเข้ารับนับถือตามความเชื่อของพวกเขา

4. มอบทุนการศึกษา
ความชัดเจนว่าชีอะฮฺเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการเปิดสาขาอิสลามศึกษาตามข้อ 3 ข้างต้น ทำให้ครอบครัวมุสลิมที่รู้จักชีอะฺฮฺดีอยู่แล้วนั้นไม่ส่งลูกหลานไปแน่นอน แต่กลุ่มนี้คงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยตรงของเขา หากแต่เป็นมุสลิมรากหญ้าที่ความเข้าใจเรื่องชีอะฮฺยังเข้าไปไม่ถึงพวกเขาต่างหากที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ แถมมุสลิมกลุ่มนี้ยังเป็นมุสลิมกลุ่มใหญ่ด้วย ดังนั้นการปฏิเสธสาขานี้ของมุสลิมชั้นกลางจึงไม่มีผลอะไรกับเขาเลยแม่แต่น้อย ซึ่งเพื่อดึงดูดมุสลิมส่วนใหญ่นี้เข้าสู่ระบบการศึกษาที่ตนเองกำหนดนั้น การมอบทุนการศึกษาให้กับครอบครัวเหล่านั้นจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ฉลาดไม่แพ้กัน อีกทั้งไม่ใช่เฉพาะระดับครอบครัวเท่านั้นแต่ระดับโรงเรียนก็ยังมีการเสนอทุนนี้ด้วย ซึ่งนอกนั้นยังไม่พอยังชวนให้ผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบางโรงไปดูหลักสูตรและรูปแบบการเตรียมการเพื่อการสอนนี้ด้วยตนเองอีกด้วย เพื่อการยื่นยันว่าเนื้อหาการสอนนั้นเป็นอิสลามแบบสากลและเป็นเรียนในลักษณะศาสนาเปรียบเทียบ ไม่ได้เป็นการยัดเยียดเนื้อหาแต่อย่างใด แต่เขาก็ลืมว่าเขามีหลักปฏิบัตอยู่ข้อหนึ่งคือ “ตะกียะฮฺ” ที่จะยืนยันยังงัยรูก่นข้อนี้ก็จะเป็นตัวทำลายความพยายามข้อนี้ของเขาเอง
เรื่องทุนการศึกษายังไม่หมดแค่นี้ นอกจากทุนเรียนในประเทศแล้วยังมีทุนเรียนต่อที่ประเทศอีหร่านอีกด้วย

5. จัดตั้งหน่วยงานช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์
หน่วยงานนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสังคมสงเคราะห์อันเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เข้าถึงเร็วทุกความทุขยาก ทุกปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแน่นอนได้รับคะแนนนิยมจากชาวบ้านเป็นอย่างดี จนทำให้ให้มุสลิมบางคนที่เข้าใจถึงความอันตรายชองชีอะฮฺ ลืมข้อนี้ไปโดยสินเชิง

6. การสร้าง idol ในหมู่เยาวชน
พยายามสร้าง idol ให้ในหมู่เยาวชนจากการผลักดันให้เยาวชนชีอะฮฺกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ เพื่อให้เยาวชนทั่วๆ ไปยึดเป็น idol ซึ่งตัวอย่างหนึ่งคือจากการประกวดร้องเพลงในรายการทางทีวี จนกระทั้งกลายเป็นบุคลที่มีชื่อเสียง กลยุทธนี้จะด้วยการตั้งใจหรือไม่แต่ มันก็กลายเป็นสิ่งที่เข้าทางชีอะฮฺไม่น้อยเลยที่เดียว

นี้เป็นกลยุทธเชิงรุกในการชักชวนเผยแพร่ลิทธินี้ในหมู่มุสลิม ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลยุทธที่ฉลาดและผ่านวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ที่จะได้มาแล้วเป็นอย่างดี แต่ผมกลับมองว่าในระยะยาวกลยุทธนี้กำลังเป็นผลดีต่อมุสลิมแถมมันจะกลับไปทำลายพวกเขาเอง ถึงขั้นอาจทำให้ที่ยืนของพวกเขาในสังคมแคบลงไปเรื่อยๆ จนไม่มีที่ยืนอย่างเปิดเผยในสังคมนี้ก็เป็นได้









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น