อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อัลลอฮฺทรงให้มูยาฮีดีนอัลกัซซามรอดพ้นจากความตาย

อัลฮัมดุลิลลาฮ์..
เรื่องจริงของมูยาฮีดีน" อัลก็อซซาม " จากฆ็อซซะห์ ที่ "เหลือเชื่อ" ...

... ด้วยปรากฏว่ามีมูยาฮีดีนอัลกัซซามจำนวน 23 ราย ติดกับอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินเป็นระยะเวลา 13 วัน หลังจากที่กองกำลังยิวไซออนิสต์อิสราเอลได้ทำการระเบิดถล่มทำลายทางเข้าและทางออกของอุโมงค์ใตดินดังกล่าวที่ใช้ลักลอบจากฝั่งฆ็อซซะห์ไปยังฝั่งอิสราเอลที่ลึกกอยู่ใต้ดินประมาณ 25 เมตร
... หลังจากที่อุโมงค์ใต้ดินดังกล่าวถูกถล่มทางเข้าและทางออก พวกเขาต้องติดกับอยู่ในนั้นเป็นระยะเวลา 13 วันนั้น พวกเขาได้ใช้อินทผาลัมที่พวกเขาพกติดตัวเพื่อใช้ละศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนนั้นจิกกินวันละนิด และอาศัยน้ำใต้ดินที่ซึมออกมาโดยใช้เศษผ้าจุ่มลงไปแล้วแบ่งกันดื่มวันละประมาณคนละครึ่งแก้วเพื่อประท้งชีวิตตลอดระยะเวลาที่ถูกฝังอยู่ในนั้น

... จากนั้นมาเป็นที่เข้าใจว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากมีการตกลงหยุดยิงชั่วคราว ก็มีปฏิบัติการการค้นหาศพของพวกเขาเหล่านั้นที่คาดว่าถูกฝังอยู่ใต้ดินในอุโมงค์ดังกล่าวแล้ว แต่ปรากฏสิ่งปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับทีมที่กำลังค้นหาพวกเขาคือกลับปรากฏและค้นพบว่าพวกเขาทั้งหมด 23 ชีวิตนั้นยังอยู่ในสภาพที่ยังแข็งแรงอยู่อีก ...

... บรรดามูยาฮีดีนอัลกัซซามเหล่านั้นต่างกล่าวซูย์โกร์ต่ออัลลอฮ์ว่าความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความช่วยเหลือจากเอกองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ...
... ซุบฮานัลลอฮ์ !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น