อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การละหมาดของสะละฟุศศอลิหฺ



การละหมาดของสะละฟุศศอลิหฺ
เขียนโดย อับดุลมะลิก อัล-กอสิม
จากเว็ปไซต์ abuzuhriy.com
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur


สะลัฟท่านหนึ่งกล่าวว่า “เป็นเวลานานสี่สิบปี ที่อะซานมิเคยถูกประกาศขึ้น เว้นแต่สะอีด บิน อัล-มุสัยยับ ได้อยู่ที่มัสญิดก่อนหน้านั้น” (เฏาะบะกอต อัล-หะนะบีละฮฺ 1/141 , หิลยาต อัล-เอาลิยาอ์ 2/163 , ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 2/80)

ท่านอุมัรเป็นลมเมื่อถูกแทง อัล-มุสวัร บิน มุคเราะมะฮฺ กล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ นอกจากการอาซาน ขณะเขายังมีชีวิต”

พวกเขาถามท่านว่า “การละหมาดได้สิ้นสุดลงแล้วครับ ท่านอมีรุล มุอ์มินีน”

ท่านอุมัรจึงลุกขึ้นและกล่าวว่า “จงละหมาดเถิด ขอสาบานต่ออัลลอฮ แท้จริงไม่มีส่วนแบ่งในอิสลามสำหรับผู้ที่ละทิ้งการละหมาด”

อัล-มุสวัร กล่าวว่า “ท่านละหมาด ในขณะที่เลือดก็ยังไหลออกมาจากแปลที่ถูกแทง”  (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 2/131 , อัส-สิยัร 5/220)

หลังจากที่อัร-รอบิอฺ บิน ค็อยษัม เป็นอัมพาต เขาก็ยังคงไปละหมาดที่มัสญิดด้วยการช่วยเหลือของชายสองคน มีผู้กล่าวกับเขาว่า

“โอ้อบูยะซีด ท่านมีข้อผ่อนปรนในการที่จะละหมาดที่ละหมาดของท่าน”

ท่านจึงตอบว่า “แต่ฉันได้ยินคำเรียกขานว่า หัยยะ อะลัล ฟะลาหฺ-จงมาสู่ชัยชนะเถิด และฉันคิดว่า ใครที่ได้ยินสิ่งนี้ เขาจะต้องตอบรับ แม้นด้วยการคลานไปก็ตาม”(หิลยาต อัล-เอาลิยาอ์ 2/113)

ท่านอลี บิน หาติม เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “ทุกครั้งที่เวลาละหมาดมาถึง มันได้มายังฉัน ในขณะที่ฉันปราถนาที่จะปฏิบัติมัน และฉันพร้อมที่จะทำมัน” (อัซ-ซุฮดฺ โดย อะหฺมัด หน้า 249)

ท่านอบูบักรฺ บิน อับดุลลอฮ อัล-มุซานีย์ กล่าวว่า “ผู้ใดจะเหมือนเจ้า โอ้ลูกหลานอาดัม เมื่อใดก็ตามที่เจ้าหวังในสิ่งหนึ่ง จงใช้น้ำทำวุฎูอ์เถิด และจงไปยังสถานที่ละหมาด และจงรู้สึกถึงการมาของพระผู้อภิบาลของบเจ้า โดยไม่มีผู้สื่อสาร(คนกลาง)หรือสิ่งกีดขวางระหว่างเจ้ากับพระองค์” (อัล-บิดายะฮฺ วัน-นิฮายะฮฺ 9/256)

อบู อะลิยะฮฺ กล่าวว่า “ฉันจะเดินทางไปในวันหนึ่งเพื่อพบเจอกับใครบางคน และสิ่งแรกที่ฉันจะมองไปยังเขา ก็คือ การละหมาด หากเขายืนทำการละหมาดอย่างสมบูรณ์และตรงต่อเวลา ฉันก็จะอยู่ร่วมกับเขา และรับเอาความรู้จากเขา แต่หากฉันพบว่าเขาไม่ใส่ใจต่อการละหมาด ฉันก็จะทิ้งจากเขาไป และจะกล่าวกับตัวเองว่า นอกเหนือจากนั้น(การละหมาด) เขาก็ย่อมไม่ใส่ด้วยอย่างแน่นอน”

สะลัฟท่านหนึ่งกล่าวว่า เมื่อท่านอลี บิน  หุสัยนฺ ได้ทำวุฎูอ์อย่างสมบูรณืแล้ว ใบหน้าของท่านก็ได้เปลี่ยนไป ครอบครัวของท่านจึงสอบถามว่าทำไม ท่านตอบว่า “พวกท่านทราบหรือไม่ว่า ฉันจะได้พบเจอกับใครหลังจากนี้?”

ท่านยะซีด บิน อับดุลลอฮ ถูกถามว่า “หากเราเพิ่มหลังคามัสญิดของเราแห่งนี้จะดีไหม?” ท่านตอบว่า “จงทำให้หัวใจของท่านบริสุทธิ์เถิด แล้วมัสญิดของท่านจะเป็นที่พอเพียงสำหรับตัวท่าน” (หิลยาต อัล-เอาลิยาอ์ 2/312)

ท่านอะดีย์ บิน หาติม เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า “ตั้งแต่ฉันเป็นมุสลิม ฉันมักจะตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่า เมื่อเสียงอะซานถูกประกาศขึ้นนั้น ฉันได้ทำการวุฎูอ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” (อัส-สิยัร 3/160)

ท่านอุบัยดฺ บิน ญะอฺฟัร กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นบิชรฺ บิน มัสนูร ลุงของฉัน ไม่ทันตักบัรครั้งแรก(ตักบีเราะตุลอิหฺรอม)…” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 3/376)

ท่านอิบนุ สะมาอะฮฺ กล่าวว่า “เป็นเวลา 40 ปี ฉันไม่ทันตักบีรแรก(ของละหมาด)เพียงแค่ครั้งเดียว นั่นคือ ครั้นเมื่อมารดาของฉันเสียชีวิต” (อัส-สิยัร 10/646)

สะละฟุศศอลิหฺท่านหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อท่านรู้ว่า มีคนๆหนึ่งดูแคลนการ(มาละหมาดให้ทัน)ตักบีรแรก ดังนั้น จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์จากเขาเถิด(คือ จงห่างไกลจากเขาเถิด)” (อัส-สิยัร 5/65 , ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 3/88)

สุฟยาน บิน อุยัยนะฮฺ กล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของการให้เกียรติการละหมาด คือ การมาก่อนอิกอมะฮฺจะถูกประกาศขึ้น” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 2/235)

มัยมูน บิน มะหฺรอน มามัสญิดสาย และเมื่อผู้คนได้แจ้งให้เขาทราบว่า พวกเขาได้เสร็จสิ้นการละหมาดแล้ว เขาก็ได้กล่าวขึ้นว่า

“อินนา ลิลลาฮิ วะ อินนา อิลัยฮิ รอญิฮุน-เราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ และสำหรับพระองค์นั้นที่เราจะกลับไป! ฉันชอบที่จะเลือกมาละหมาด(ให้ทัน)ญะมาอะฮฺ มากกว่าการเป็นผู้ปกครองเมืองอิรัคเสียอีก!” (มุกาเศาะฟาต อัล-กุลูบ หน้า 364)

ท่านยูนุส บิน อับดุลลอฮ กล่าวว่า “มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับฉันหรือ? เมื่อไก่ของฉันได้หายไป ฉันรู้สึกกระวนกระวาย แต่มันฉันมาละหมาดญะมาอะฮฺสาย ฉันกลับไม่รู้สึกเศร้าเสียใจเลย!” (หิลยาต อัล-เอาลิยาอ์ 3/19)

ท่านอุมัร ได้กล่าวไว้ขณะยืนบนมิมบัร ว่า “ผู้ศรัทธาที่มีเส้นผมสีขาวในอิสลาม(เนื่องจากเข้ารับอิสลามนานแล้ว)ที่ยังไม่เคยประกอบอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮผู้ทรงยิ่งใหญ่อย่างสมบูรณ์!” ท่านจึงถูกถามว่า “ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?” ท่านตอบว่า “เพราะเขายังไม่ละหมาดอย่างสมบูรณ์ เพราะการละหมาดนั้นจำเป็นต้องมีความสงบ(คุชูอฺ) , ความมุ่งมั่น และการถวายหัวใจให้อัลลอฮ” (อัล-อิหฺยาอ์ 10/202)

ท่านหัมมาด บิน สะละมะฮฺ กล่าวว่า “ฉันไม่เคยยืนขึ้นละหมาด โดยมิได้จินตนาการว่า ญะฮันนัมกำลังอยู่ต่อหน้าฉัน” (ตัซกิร็อต อัล-หุฟฟาซ 1/219)

ท่านมุอ๊าซ บิน ญะบัล เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้ตักเตือนลูกของท่านไว้ว่า “โอ้ลูกเอ๋ย จงละหมาดดั่งการละหมาดของคนที่กำลังจะจากไป และจงคิดว่าลูกจะไม่ได้ละหมาดอีกเลย และจงรู้ไว้เถิดว่า มุสลิมนั้นตายลงระหว่างความดีสองประการ ความดีประการแรกคือ ขณะกำลังทำมัน(ความดี) และอีกประการหนึ่ง คือ ขณะที่เขามีเจตนาที่จะทำมัน” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 1/496)

ท่านบักรฺ อัล-มุซานีย์ กล่าวว่า “หากท่านต้องการให้การละหมาดมีประโยชน์แก่ตนเอง ก็จงกล่าวกับตัวเองเถิดว่า : ฉันไม่จะไม่มีโอกาสละหมาดอีกต่อไปแล้ว” (ญามิอุล อุลูม วัล-หิกัม หน้า 466)

ศุบรูมะฮฺ กล่าวว่า “ฉันเป็นเพื่อนกับกัรซฺ อัล-หะริษีย์ ขณะเดินทาง เมื่อเขาต้องการปลูกเต้นท์ในเมืองแห่งหนึ่ง เขาก็จะตรวจสอบมันอย่างรอบคอบ และเมื่อเขาพบพื้นที่ที่เขาชอบแล้ว เขาก็จะไปยังที่นั่น และละหมาดที่นั่น จนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องจากที่นั่นไป” (ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 3/120)

ท่านอัล-กอสิม บิน มุหัมมัด กล่าวว่า “เมื่อฉันเดินทางในเวลาเช้า ฉันก็ได้พบกับอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ(ป้าของท่าน) และได้ทักทายท่าน ครั้งหนึ่ง ฉันพบว่าท่านกำลังละหมาดฎุฮา อ่านอายะฮฺนี้หลายรอบ พร้อมกับร้องไห้ และวิงวอนขอต่ออัลลอฮว่า “ดังนั้น อัลลอฮ์ได้ทรงโปรดปรานแก่เรา และได้ทรงปกป้องเราให้พ้นจากการลงโทษแห่งลมร้อน” (อัฏ-ฏูร 52 : 27) ฉันยืนนิ่งจนกระทั่งฉันรู้สึกเบื่อ และฉันก็ได้จากเธอไป และได้ไปยังตลาดเพื่อทำบางอย่าง และฉันก็กล่าวกับตัวเองว่า “เมื่อฉันทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว ฉันจะกลับไป(ยังท่านหญิงอาอิชะฮฺ)” เมื่อฉันเสร็จสิ้นแล้ว ฉันก็ยังคงพบท่านหญิงกำลังยืนละหมาด ยังอ่านอายะฮฺเดิม ร้องไห้ และวิงวอนขอต่ออัลลอฮ” (อัล-อิหฺยาอ์ 4/436)

ท่านมัยมูน บิน หัยยาน กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นมุสลิม บิน ยะสาร ขยับศรีษะเลยขณะละหมาด ทั้งในการละหมาดที่สั้นและยาว  ครั้งหนึ่ง ส่วนหนึ่งของมัสญิดพังถล่มลงมา เสียงถล่มดังลั่นจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว ในขณะที่เขานั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แม้แท้ศรีษะของเขาก็ยังไม่ขยับเลย และเขาก็ยังคงละหมาดต่อไป” (อัซ-ซุฮดฺ โดย อิมามอะหฺมัด หน้า 359)

สะลัฟท่านหนึ่ง กล่าวว่า “ฉันเป็นเพื่อนกับอะฏออ์ บิน เราะบาฮฺ นานแปดปี เมื่อเขาชราภาพแล้ว เขาเคยยืนละหมาดและอ่านกุรอานประมาณ 200 อายะฮฺจากสูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ ด้วยการยืนที่มั่นคงและแข็งแรง จนไม่เห็นว่ามีอวัยวะใดๆจากร่างกายเขาขยับเลยแม้แต่น้อย” (อัส-สิยัร 5/87 , ศิฟะตุศ ศ็อฟวะฮฺ 2/213)

ท่านอบูบักรฺ บิน อัยยาศ กล่าวว่า “เมื่อท่านมองไปยังหะบีบ บิน อบูษาบิต ขณะสูญูด ท่านจะคิดว่าเขาได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากการสุญูดที่ยาวนานของเขา” (อัส-สิยัร 5/291)

ท่านอลี บิน อัล-ฟุฎ็อยลฺ กล่าวว่า “ฉันเห็นอัษ-เษารีย์ ในการสุญูดขณะละหมาด และฉันก็ได้ทำการเฏาะวาฟรอบกะอฺบะฮฺเป็นจำนวน 7 รอบ (และพบว่า)เขาพึ่งยกศรีษะจากการสุญูด” (อัส-สิยัร 7/277)

เมื่อหาติม อัล-อะสัมมฺ ถูกถามเกี่ยวกับการละหมาดของเขา เขากล่าวว่า “เมื่อเวลาละหมาดใกล้เข้ามา ฉันก็จะทำการวุฎูอ์อย่างสมบูรณ์ และไปยังที่ที่ฉันจะทำการละหมาด(มัสญิด) แล้วฉันก็ยืนขึ้นและละหมาด จินตนาการว่า กะอฺบะฮฺกำลังอยู่เบื้องหน้าฉัน สววรค์อยู่ด้านขวาของฉัน นรกอยู่ด้านซ้ายของฉัน และมลาอิกะฮฺแห่งความตายกำลังอยู่เบื้องหลังฉัน ฉันคิดว่านั่นคือการละหมาดครั้งสุดท้ายของฉัน ฉันยืนด้วยความหวัง(ในสวรรค์)อย่างเปี่ยมล้น และเกรงกลัว(ต่อนรก) และฉันก็กล่าวตักบีรพร้อมกับเจตนาที่สัจจริงและบริสุทธิ์ใจ ฉันอ่านอัล-กุรอานอย่างช้าๆ ฉันรุกูอฺด้วยความน้อบน้อม แล้วฉันก็สุญูดอย่างสงบ แล้วนั่งลงบนขาข้างซ้าย โดยเท้าซ้ายของฉันแนบกับพื้นดิน และเท้าขวาตั้งตรง และละหมาดด้วยความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนั้น ฉันไม่รู้ว่า ละหมาดของฉันถูกตอบรับหรือไม่” (อัล-อิหฺยาอ์ 1/179)

สะลัฟท่านหนึ่งกล่าวว่า “โอ้ลูกหลานอาดัม หากท่านต้องการส่วนหนึ่งในการมีชีวิตนี้  ดังนั้น ท่านต้องการมากกว่าสำหรับวันพรุ่งนี้(อาคิเราะฮฺ) หากท่านรักษาส่วนหนึ่งในการมีชีวิตนี้ ดังนั้น ท่านจะสูญเสียส่วนของท่านในวันพรุ่งนี้ และท่านจะถูกห้อมล้อมไปด้วยการสูญเสียส่วนหนึ่งในชีวิตของท่านอีกครั้ง หากท่านรักษาส่วนของท่านสำหรับวันพรุ่งนี้ ท่านก็จะได้รับและมีชัยชนะในทุกๆส่วนของชีวิตนี้อย่างง่ายดาย” (ฟาฎออิล อัซ-ซิกรฺ โดย อิบนุล เญาซีย์ หน้า 19)

http://bushrohouse.wordpress.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น