อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บัรซันญีبَرْزَنْجِ ต่อ




9.ใครมีความทุกข์โศกทุกข์ร้อน ให้อ่านบาทที่ 35 และ 36 ตอนดึกๆ ความทุกข์ร้อนต่าง ๆ จะผ่านไปด้วยดี (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 42)

نبيُّنا الآ مِرُ الناهي فلا أَحد* أَبَرَّ في قول لا منه ولا نَعَمِ* هو الحبيبُ الذي تُرجى شفا عتهُ* لكل هَولٍ مّن الأهوال مُقتَحِمِ*

“นบีของเราผู้ออกคำสั่งใช้และห้ามไม่มีใครนุ่มนวลเท่าเมื่อท่านกล่าวคำว่า อย่า หรือ ถูกแล้วท่านเป็น ที่รักของทุกคนเป็นที่หวังในความช่วยเหลือเมื่อมีภัยพิบัติ”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :153)

10.ใครกลัวการสอบสวนของมุนกัรนะกีรในกุบูร ให้นำหญ้าฝรั่นมาละลายกับน้ำดอกไม้และเขียนข้อความบาทที่ 34 35 และ 36 ลงบนภาชนะ เสร็จแล้วให้ดื่มน้ำนั้นเขาจะไม่สะทกสะท้านเมื่อมุนกัรนะกีรมาสอบถามแต่อย่างใด (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 52.)

محمد سيّد الكونَينِ والثقلين* والفريقين من عُربٍ ومن عَجَمِ* نبيُّنا الآ مِرُ الناهي فلا أَحد* أَبَرَّ في قول لا منه ولا نَعَمِ* هو الحبيبُ الذي تُرجى شفا عتهُ* لكل هَولٍ مّن الأهوال مُقتَحِمِ*

“มูหัมมัดเป็นวีรบุรุษของทั้งสองโลก เป็นวีรบุรุษของมนุษย์และญิน อีกทั้งของอาหรับและชนชาติอื่น นบีของเราผู้ออกคำสั่งใช้และห้าม ไม่มีใครนุ่มนวลเท่า เมื่อท่านกล่าวคำว่าอย่าหรือถูกแล้ว ท่านเป็น ที่รักของทุกคนเป็นที่หวังในความช่วยเหลือเมื่อมีภัยพิบัติ”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :153)

11.ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ให้เขียนข้อความบาทที่ 82 และ 83 ลงบนจานกระเบื้องละลายด้วยน้ำชะเอมแล้วดื่มน้ำนั้น ตอนเช้าโรคภัยไข้เจ็บจะหายเป็นปลิดทิ้ง (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 79)

لا تُنكِرِالوحيَ من رؤياهُ إنَّ له* قلباً إذا نامَتِ العينانِ لم يَنَمِ* فذاك حين بلوغٍ من نُّبُوَّتِه*ِ فليس يُنكِرُ فيه حالُ مُحتَلمِ*

“ท่านอย่าปฏิเสธวะหฺจากการฝันของท่านนบีเพราะแท้จริงแม้ตาของท่านนบีจะหลับแต่ใจหาหลับไม่ ดังกล่าวนั้นเป็นระยะที่ท่านได้เป็นนบีจึงไม่ต้องปฏิเสธสภาพของความฝันของท่านตอนนั้น”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :161)

12 ใครพูดติดอ่างพูดไม่ชัด ให้เขียนบาทที่ 90 ถึง 104 ลงบนจานเคลือบละลายกับน้ำดอกไม่ผสมหญ้าฝรั่งแล้วดื่ม ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น จะแก้โรคติดอ่าง พูดไม่ชัดให้หายได้ (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 88)

فماتطاوَلُ آمال المَديحِ إلى* مافيه من كَرَمِ الأخلاقِ والشِّيَمِ* آياتُ حقٍّ من الرحمن محدثة* قديمة صفة المو صوفِ بالقِدَمِ* لم تقترن بزمان وهيَ تخبرنا* عن المعاد وعن عادٍ وعن اِزَمِ* دامت لدَينا ففاقَت كل معجزةٍ* من النبِيِّينَ اذ جاءت ولم تَدُمِ* مُحَكّمات فما يُبقِينَ من شُبَهٍ* لِذِي شقاقٍ ولا يَبغينَ من حكَمِ* ماحُورِبَت قَطُّ الا عاد من حَرَبٍ* اَعدى الاَعادِي اليها مُلقِىَ السّلَمِ* رَدَّت بلا غَتُها دعوى معارِضِها* ردَّالغُيورِ يَدَ الجاني عن الحَرَمِ* لها معانٍ كمَوجِ البحر فى مَدَدٍ* وفوق جَوهَرِه فى الحُسنِ و القِيَمِ* فلا تُعَدُّ ولا تُحصى عجائبها* ولا تُسام على الإكثار با لسَّاَمِ* قرت بها عينُ قاريها فقلتُ له* لقدظَرِفتَ بحبل الله فاعتصِمِ* اِن تَتلُها خِيفَةً من حرِّنار لَظى* اَطفاتَ حرَّ لظى من وِّردِها الشَّبِمِ* كانها الحَوضُ تَبيَضُّ الوجوه به* من العُصاةِ وقد جاءُهُ كالحُمَمِ* وكالصِّراط وكالميزان مَعدلةً* فالقسطُ من غيرها فى الناس لم يَقُمِ* لاتعجَبَن لِحُسودٍ رّاحَ يُنكِرها* تجاهُلا وهو عين الحاذق الفَهِمِ* قدتَنكِرُ العينُ ضَوءَ الشّمسِ من رَّمَدٍ* ويُنكِرُ الفم طَعمَ الماءِ من سَقَمِ*

“ความหวังของผู้เขียนการสรรเสริญนบี มิอาจเอื้อมหยิบยกเรื่องมรรยาทอันสูงส่งตลอดจนเนื้อแท้ของ ท่านทั้งหมดได้บัญญัติเที่ยงแท้ของพระเจ้า (กุรอ่าน) แม้จะเพิ่งลงมา แต่ก็เป็นบัญญัติดั้งเดิมเป็นคุณลัก ษณะของพระผู้มีสมญาว่าผู้ดั้งเดิม ดั้งเดิมโดยไม่รู้ว่าเริ่มแรก และแจ้งแก่เราว่ามีการคืนชีพ (วันอาคิ เราะฮฺ) มีเรื่องของอ๊าดและเรื่อง เมืองอิรอมบัญญัตินั้น(กุรอ่าน)จะคงอยู่กับ(มนุษย์) เราตลอดไป เหนือกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของนบีต่าง ๆ ซึ่งมีมาก็ หมดไป เป็นบัญญัติชี้ขาดขจัดข้อสงสัยของผู้ขัดแย้ง และไม่ต้องอาศัยผู้ตัดสินอื่น ๆ ไม่มีใครโต้แย้งได้เลยแม้ปรปักษ์ผู้หัวแข็งก็ต้องยอมจำนนในที่สุด หักล้างข้ออ้างของผูค้านอย่างราบคาบด้วยสำนวนสูงเหมือนการหักล้าง ของผู้หวังดีที่กระทำต่อผู้ละ เมิดบัญญัติต่างๆเต็มไปด้วยความหมายมากเหมือนคลื่นทะเล คุณค่ามีมากกว่าและ สวยกว่าสิ่งของ จากทะเลความมหัศจรรย์ของบัญญัติ (กุรอ่าน) ขุดค้นไม่รู้จักหมดอ่านมากเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ สร้างความอุ่นใจแก่ผู้อ่าน และฉันขอยืนยันว่าท่านได้เชือกของอัลลอฮฺแล้วจงจับให้มั่นเถิด ถ้าท่านได้ อ่านเพราะ กลัวความร้อนของไฟนรก ก็เท่ากับท่านดับพิษร้อนของนรกด้วยความเย็นกระนั้น เปรียบเหมือนน้ำศักดิ์สิทธิ์ชุบคน ผิดให้ขาวสะอาดโดยที่เขาเคยเป็นคนดำคล้ำด้วยความผิด เที่ยงธรรมเหนือทางตรงหรือตราชูความเที่ยงตรงจาก สิ่งอื่นไม่อาจยืนยงท่ามกลางหมู่คนได้ อย่าแปลกใจที่คนอิจฉาเขาปฏิเสธเพราะความโง่ ทั้งๆที่คนแบบนี้ฉลาด และมีความเข้าใจดี บางครั้งดวงตาไม่ชอบแสงแดดก็ได้เพราะตาเจ็บและปากจะไม่ชอบน้ำก็ได้เพราะเขาป่วย”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :162-164)

13.ใครที่ไม่ถูกกับภรรยาหรือคนรักและต้องการให้เขามาง้อเราก่อน ให้เขียนข้อความบาทที่ 105 ถึง 115 บนหนัง สิงโตแล้วเหน็บไว้ใต้ผ้าสาระบั่น หากไม่อยากให้ผู้ใหญ่ดุหรือรังแกให้เขียนลงบนหนังอูฐแทน แต่อย่าไปทำในหน ทางที่เป็นบาป (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 100)

ياخيرَ مَن يَّمَّمَ العافون ساحَتَهُ* سَعيًا وفَوقَ مَتُونِ الأَنيُقِ الرُّسُمِ* ومَن هو الآيةُ الكبرى لمُعتَبِرِ* ومَن هو النِّعمَةُ العُظمى لِمُغتَنِمِ* سَرَيتُ من حَرَمٍ ليلاً إلى حَرَمٍ* كما سَرَى البَدرُ في داجٍ مِّنَ الظُّلَمِ* وَبِتَّ تَرقَى إلى أَن نِلتَ  مَنزِلةً* مِن قابِ قوسَينِ لم تُدرَك ولم تُرَمِ* وقَدَّ مَتكَ جميعُ الأنبياءِبها* والرُّسُلِ تقديمَ مَخدومٍ على الخَدَمِ* وانت تَختَرِقُ السَّبعَ الطِّباقَ بِهم* في موكِبٍ كُنتَ فيه صاحب العَلَمِ* حتّى اذا لم تَدع شأوًا لِمُستَبِقٍ* مِنَ الدُّنُّوِرَ ولا مَرقًى لِمُستَنِمِ* خَفَضتَ كُلَّ مقامٍ بالإضافة اِذ* نُودِيتَ بالرفع مثلَ المفرَدِ العَلَمِ* كَيماَ تَفُوزَ بِوَصلٍ ايّ مُستَتِرٍ* عن العيون وسِرٍّ اَيّ مُكتَتِمِ* فَحُزتَ كُلَّ فَخارٍ غير مشترَكٍ* وجُزتَ كل مَقامٍ غَيرِ مُزدَحَمِ* وَجَلَّ مِقدارُ ماوُلِّيتَ مِن رُتَبٍ* وعَزَّ اِدراكُ ماأُولِيتَ من نِعَمِ*

“โอ้ผู้ประเสริธสุดสำหรับผู้มุ่งหน้าสู่ความดีโดยขี่อูฐไปด้วยความรีบเร่ง และสำหรับผู้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ ได้ คิดและผู้เป็นที่โปรดปรานยิ่งใหญ่แก่ผู้จะฉวยโอกาสทำดี ท่านเดินทางยามค่ำจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่งเหมือนดวงจันทร์ที่ลอยไปในความมืด และท่านยังคงขึ้นไปเรื่อยๆจนไปถึง ณ ที่แห่งหนึ่งซึ่งใกล้ (อัลลอฮฺ) เหมือนปลายคันศรทั้งสองไม่มีใครไปถึงและไม่มีใครขอไป ท่านเหนือกว่า บรรดานบีและเราะสู้ลทั้งหลาย เปรียบเสมือนนายที่เหนือบรรดาผู้รับใช้ไม่ผิด และท่านได้พาเขาทั้ง หลายผ่านเจ็ดชั้น เป็นขบวนยาวโดยที่ท่านเป็นบุคคลสำคัญ จนกระทั่งไม่เหลือเป้าหมายไว้แก่ผู้มุ่งเข้า ใกล้และผู้อยากได้เกียรติเลยแม้แต่น้อย ท่านทำให้ฐานะของผู้อื่นต่ำกว่าเพราะท่านถูกเรียกจากผู้สูง ส่ง  (ดั่งมุนาดา มุฟรอด อะลัม ในไวยากรณ์) เพื่อท่านจะได้รับการติดต่อที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น และได้ รับสิ่งลับเฉพาะแต่ผู้เดียว ท่านได้รวมไว้ซึ่งความภาคภูมิทั้งหมดโดยไม่มีผู้ใดมีส่วน และท่านได้ผ่าน ขั้นต่าง ๆ ทั้งหมดไปอย่างสบาย ตำแหน่งที่ท่านครองอยู่ยิ่งใหญ่มากและความผาสุกที่ท่านได้รับนั้น ยากที่ผู้อื่น   จะได้”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :164-166)

14.ใครกลัวโจรขโมยให้เขียนข้อความบาทที่ 127 แล้วนำไปแปะไว้ตามคอกสัตว์ ยุ้งข้าว ประตูบ้าน สามารถป้อง กันขโมยได้ด้วยบาเราะกะฮฺของข้อความนี้ (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ :115)

هُمُ الجبالُ فَسَل عنهم مُصادِمَهُم* ماذا رأَوا منهم في كل مُصطَدَمِ*

“วีรชนเหล่านั้นแข็งแกร่งดุจภูเขา จงสืบถามข่าวของเขาเหล่านั้นตามสมรภูมิได้ทุกแห่งว่าฤทธิเดช แค่ไหน”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :168)

15.ใครมีลูกเจ็บป่วยไม่สบายเพราะถูกชัยฏอนรบกวน ให้ขียนข้อความบาทที่ 138 และ 139 ลงบนกระดาษหรือผ้า แล้วใส่ไว้ในปลอกโลหะแขวนไว้ที่คอเด็ก จะพ้นจากการรบกวนของชัยฏอนและจะไม่เจ็บไม่ไข้ (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ :123)

كم جدَّلت كلمات الله من جَدَلٍ* فيه وكم خَصَّمَ البرهانُ من خَصِمِ* كفاكَ بالعلم في الأمِّيّ معجزةٍ* في الجاهلية والتأديبِ في اليُتِمُ*

“นับครั้งไม่ถ้วนที่คำต่างๆของอัลลอฮฺหักล้างผู้โต้แย้งและนับครั้งไม่ถ้วนที่นักพูดต้องจำนนด้วย หลักฐาน ด้าน ความรู้ก็มหัศจรรย์พอสำหรับท่านผู้ไม่เคยผ่านการศึกษาและเป็นยุคมืดเพรียบพร้อมด้วยมรรยาท ทั้งที่กำพร้า”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :170)

16.ใครกลัวสัตว์ดุร้ายที่อยู่ในทะเลหรืออยู่บนบกให้เขียนบาทที่ 136 ด้วยน้ำลายลงในฝ่ามือ เมื่อสัตว์เหล่านั้นเห็น จะหนีไป จากเขาทันที (อัลบูศีรียฺ, อัลบุรดะหฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ :121)

ولن ترى من وليٍّ غير مُنتَصِرٍ* به ولا من عدُوٍّ غير مُنقَصِمِ*

“ท่านจะไม่พบมิตรคนใดที่มิได้อาศัยบารมีท่านนบี  และท่านจะไม่เห็นกาฟิรคนใดที่ไม่แพ้ท่านนบี”

(มัจฺญมูอะฮฺ เมาลูด ชะเราะฟิลอะนาม, แหล่งเดิม, หน้าที่ :169)







หลักการตะวัสสุ้ลที่ถูกต้องตามบทบัญญัติของอัลอิสลาม

ความหมายของตะวัสสุ้ล

คำว่าตะวัสสุ้ล หมายถึง การใช้สื่อกลางเพื่อเข้าใกล้ชิดกับออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยการเชื่อฟังต่อพระ องค์โดยการปฏิบัติในทุกสิ่ง ที่อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา และ เราะสูลุล  ลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทรงใช้เรา

อิบนุกะษีรได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ สิ่งที่เข้าใกล้อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับคำพูดและการปฏิบัติ

อิบนุตัยมียะฮฺได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ การแสวงหาสื่อกลางที่เป็นการปฏิบัติด้วยกับการเชื่อฟัง ต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา และการใกล้ชิดกับพระองค์ด้วยกับการงานที่ดี
ความหมายโดยเฉพาะ

คำว่าตะวัสสุ้ล หมายถึง การเข้าใกล้ชิดกับอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับดุอาอฺ คือการที่ผู้วิงวอนขอได้นำ ดุอาอฺมาเป็นสื่อ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดุอาอฺของถูกตอบรับ

สะอฺดียฺได้ให้ความหมายว่า ตะวัสสุ้ล คือ บ่าวคนหนึ่งได้นำมาด้วยกับสาเหตุและสื่อ คือ การวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เพื่อหวังการตอบรับโดยนำการศรัทธาและการเชื่อฟังของเขาที่มีต่อพระองค์มาเป็น สื่อกลาง
(สะอฺ บิน มุหัมมัดอาลีอาละอับดุลลาตีบ, ตะอฺรีฟาตุลเอียะอฺตีกอดียะฮฺ, ดารุ้ลวะฏอล, ซาอุดิอารเบีย, 2002, หน้าที่ : 134)

ดังนั้น ตะวัสสุ้ล หมายถึง การปฏิบัติที่นำไปสู่การใกล้ชิดกับอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาและจะไม่มีการใกล้ชิด กับพระองค์และ จะไม่มีการใช้สื่อกลางไปสู่การ ใกล้ชิดกับพระองค์ยกเว้นด้วยกับสิ่งที่ได้บัญญัติไว้ (ศอและหฺ บิน อับดุรเราะหฺมานอัลอัตฆอม, อัลอัสอีละฮฺวัลอัจญฺบะฮฺฟิลอะกีดะฮฺ, ดารุ้ลวะฏอน, ซาอุดิอารเบีย, 1413, หน้า:67) หรือการแสวงหาสื่อต่างๆมาเป็นสื่อกลางระหว่างเราและอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา และสื่อนั้นก็คือทุกๆสิ่งที่นำ ไปสู่สิ่งที่ต้องการหรือสิ่งที่หวังไว้

แท้จริงดุอาอฺ คือ อิบาดะฮฺ และอิบาดะฮฺนั้นต้องตั้งอยู่บนบทบัญญัติ และแน่นอนอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลานั้น ปฏิเสธบุคคลที่ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์ ดังที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงกล่าวว่า :

أَمْ لَهُمْ شُرَكَاءُ شَرَعُوا لَهُمْ مِنَ الدِّينِ مَا لَمْ يَأْذَنْ بِهِ اللَّهُ وَلَوْلَا كَلِمَةُ الْفَصْلِ لَقُضِيَ بَيْنَهُمْ وَإِنَّ الظَّالِمِينَ لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ

“หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติและหากมิใช่ ลิขิตแห่งการตัดสิน (ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว) ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดาผู้ อธรรมสำหรับพวกเขา ได้รับการ ลงโทษอันเจ็บปวด ”

(สูเราะฮฺ, อัชชูรอ, 42:21)

อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงสั่งใช้เราด้วยกับการขอดุอาอฺต่อพระองค์และขอความช่วยเหลือต่อพระองค์ ดังที่พระองค์ทรงกล่าวว่า:

وَإِذَا سَأَلَكَ عِبَادِي عَنِّي فَإِنِّي قَرِيبٌ أُجِيبُ دَعْوَةَ الدَّاعِ إِذَا دَعَانِ فَلْيَسْتَجِيبُوا لِي وَلْيُؤْمِنُوا بِي لَعَلَّهُمْ يَرْشُدُونَ

“และเมื่อบ่าวของข้าถามเจ้าถึงข้าแล้วก็ (จงตอบเถิดว่า) แท้จริงฉันนั้นอยู่ใกล้ ข้าจะตอบรับคำวิงวอน ของผู้ที่วิงวอน เมื่อเขาวิงวอนต่อข้าดังนั้น พวกเขาจงตอบรับข้าเถิด และศรัทธาต่อข้า เพื่อว่าพวกเขา จะได้อยู่ในทาง ที่ถูกต้อง ”

(สูเราะฮฺ อัลบากอเราะฮฺ, 2:186)

แน่นอนอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้บัญญัติชนิดต่าง ๆ ของการตะวัสสุ้ลไว้ซึ่งพระองค์ทรงรับประกันว่า พระองค์จะทรงตอบรับผู้ที่เรียกร้อง ไปยังพระองค์ด้วยกับมันหากดุอาอฺของเขานั้นสมบูรณ์ตามเงื่อนไขของมัน (มูหัมมัดอีดุลอับบาสียฺ, ตะวัสสุ้ลอันวาอุฮาวะอะหฺกามุฮา, ดารุศศอมีอียฺ, เลบานอน, ม.ป.ป., หน้าที่:13)

ชนิดของการตะวัสสุ้ลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

ตะวัสสุ้ลที่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา

ตะวัสสุ้ลที่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา หมายถึง ตะวัสสุ้ลที่มีมาจากบทบัญญัติและบอกถึงการอนุญาตให้กระ ทำสำหรับมัน (อัมรฺ อับดุลมุนอิมสะลีม, อัสสุนันวัลมุบตะดะอาตฟิลอิบาดาต, มักตะบะตุอิบาดิรเราะหฺมาน, อียิป, 1425, หน้าที่:258) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท

1. การตะวัสสุ้ลด้วยกับชื่อหรือคุณลักษณะของอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา

การตะวัสสุ้ลด้วยกับชื่อหรือคุณลักษณะของอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา เป็นการตะวัสสุ้ลที่เหมาะสมและเป็นที่ อนุญาต จากหลักฐานที่ได้บัญญัติไว้เกี่ยวกับการตะวัสสุ้ลด้วยกับชื่อหรือคุณลักษณะของพระองค์ดังที่ อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาทรงกล่าวว่า:

وَلِلَّهِ الْأَسْمَاءُ الْحُسْنَى فَادْعُوهُ بِهَا وَذَرُوا الَّذِينَ يُلْحِدُونَ فِي أَسْمَائِهِ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ

"สำหรับอัลลอฮฺนั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหากพระองค์ด้วยพระนามเหล่า นั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำให้เฉในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขานั้นจะถูกตอบแทน ในสิ่งที่พวกเขากระทำ ”

(สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ, 7:180.)

หมายถึง พวกท่านทั้งหลายจงวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา โดยใช้สื่อไปยังพระองค์ด้วยกับชื่อที่ดี ของพระองค์ หรือลักษณะของพระองค์ก็ได้ เพราะชื่อของพระองค์ก็หมายถึงลักษณะของพระองค์เช่นกันซึ่งมีไว้ สำหรับพระองค์เพียงองค์เดียว

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า: ท่านได้ยินชายคนหนึ่งกล่าวในตะชะฮุดว่า:

أللهم إني أسألك ياالله الواحد الأحد الصمد الذي لم يلد ولم يولد ولم يكن له كفوا احد أن تغفرلي ذنوبي إنك أنت الغفور الرحيم

“โอ้อัลลอฮฺ ข้าพเจ้าขอต่อพระองค์ พระผู้ทรงเป็นหนึ่ง เป็นที่พึ่ง พระผู้ทรงไม่ประสูติและไม่ทรงถูก ประสูติและไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ขอพระองค์ทรงอภัยในความผิดบาปของข้าพเจ้า แท้จริงพระ องค์คือผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตายิ่ง ”

(นะสาอี, อัสสุนัน, หมวดอัสสุฮูล, บรรพดุอาอฺหลังการซิกีร, เลขที่ :   1300)

และนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมยังได้ยินชายอีกคนกำลังกล่าวในตะชะฮุดของเขาว่า:

أللهم إني أسألك بأن لك الحمد لا إله إلا أنت وحدك لا شريك لك المنان يا بديع السماوات والأرض يا ذا الجلال والإكرام يا حي يا قيوم إني أسألك الجنة وأعوذ بك من النار

“โอ้อัลลอฮฺ ข้าพเจ้าขอต่อพระองค์ แท้จริงมวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ เอกภาพเป็นของพระองค์ไม่มีหุ้นส่วนใดสำหรับพระองค์ ผู้ทรงกรุณาผู้ทรงสร้างชั้น ฟ้าและแผ่นดิน ผู้ทรงสูงส่งและทรงประเสริฐ โอ้ผู้ทรงชีวิตและผู้ทรงยั่งยืนด้วยพระองค์เอง ข้าพเจ้า ขอสวนสวรรค์จากพระองค์และขอความคุ้มครองจากพระองค์ให้พ้นจากไฟนรก ”

นบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าวถามกับเศาะหาบะฮฺของท่านว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ด้วยกับสิ่งที่ชาย คนนั้นวิงวอนขอ” บรรดาเศาะหาบะฮฺจึงกล่าวตอบว่า “อัลลอฮฺและเราะสู้ลของพระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ดี” นบีจึงกล่าวตอบว่า “ผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตของพระองค์แน่นอนชายคนนั้นได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับพระนามของพระองค์ที่ทรงยิ่งใหญ่ ซึ่งเมื่อใดที่ถูกเรียกร้องมันก็จะถูกตอบรับ และเมื่อใดที่ถูกวิงวอนขอมันก็จะได้รับการให้ ” (อะบีดาวุด, อัสสุนัน, หมวดการละหมาด, บรรพการละหมาด, เลขที่: 1495)

ดังกล่าวนี้คือ หะดีษต่างๆที่อธิบายถึงสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ในการตะวัสสุ้ลไปยังอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยชื่อหรือลักษณะนามต่างๆของงพระองค์ และเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงรักทรงพอพระทัย และเป็นสิ่งที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมทรงปฏิบัติ

สิ่งนี้เป็นการบัญญัติให้กับเราเพื่อให้เราวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้วิงวอนขอไปยังพระองค์ ทั้งหมดนี้แป็นดุอาอฺที่ดีกว่า    ดุอาอฺพันๆครั้งที่เราสร้างขึ้นเอง (มูหัมมัดอีดุลอับบาสียฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ : 35)

แท้จริงพระนามที่ดีของอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาเป็นสื่อซึ่งทำให้เข้าใกล้ชิดกับพระองค์และ ผู้ที่กระทำจะได้ ใกล้ชิดกับพระองค์ (เชคสุลัยมาน บิน สะมานุนนาญาดียฺ, ฮาดียะตุสสุนนียะฮฺ, ม.ป.ท., ซาอุดิอารเบีย, 1968 , หน้าที่ : 18)


2. การตะวัสสุ้ลด้วยกับการศรัทธาและการเชื่อฟังต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา

การตะวัสสุ้ลด้วยกับการศรัทธาที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้และยังสามารถทำให้การให้เอกภาพของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เข้มแข็งขึ้น และอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาทรงกล่าวว่า:

إِنَّهُ كَانَ فَرِيقٌ مِنْ عِبَادِي يَقُولُونَ رَبَّنَا آَمَنَّا فَاغْفِرْ لَنَا وَارْحَمْنَا وَأَنْتَ خَيْرُ الرَّاحِمِينَ

“ แท้จริงมีหมู่ชนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของเราพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พวกเราได้ ศรัทธาต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่เรา และทรงเมตตาต่อเราด้วย และพระองค์ ท่านเท่านั้น ทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง”

สูเราะฮฺ อัลมุมินูน, 23 : 109

มีบันทึกจากท่านติรมีซี จากท่านบุรัยดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

أن النبي صلى الله عليه وسلم سمع رجلا يدعو ويقول : اللهم إني أسألك بأني أشهد أنك أنت الله الذين لا إله إلا أنت الأحد الصمد الذين لم يلد ولم يولد ولم يكن له كفوا أحد

“แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ฟังชายคนหนึ่งได้ขอพรต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะ อาลา โดยกล่าวว่า “โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันได้ขอจากพระองค์ด้วย ว่าฉันได้ปฏิญาณว่าแท้จริง พระองค์คืออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาที่ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงเป็น ที่พึ่ง ผู้ที่ไม่ทรงประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ ผู้ที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์”

อะบูดาวุด, อัสสุนัน, หมวดการละหมาด, บรรพการละหมาด, เลขที่: 1493

ดังนั้นท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า “ฉันขอสาบานว่าแท้จริงแล้วชายผู้นั้นได้ขอพรจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยพระนามของพระองค์ที่สูงส่ง พระนามที่เมื่อเขาขอแล้วได้รับการตอบรับและเมื่อ ขอแล้วพระองค์ทรงตอบรับ

การที่มุสลิมคนหนึ่งได้พูดว่า: “โอ้อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับความศรัทธาของฉันที่มีต่อพระองค์ และความรักของฉันที่มีต่อพระองค์ และการปฏิบัติตามเราะสู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ของฉัน ขอพระองค์ ทรงอภัยโทษให้แก่ฉัน ซึ่งเขาได้ทำการตะวัสสุ้ลไปยังอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับมันในดุอาอฺของเขา เพื่อหวังการตอบรับจากพระองค์ สิ่งนี้เป็นการตะวัสสุ้ลที่ดี ซึ่งอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้บัญญัติมันไว้และ ทรงพอพระทัยยิ่ง

3. การตะวัสสุ้ลด้วยกับการงานที่ดี

การตะวัสสุ้ลด้วยกับการงานที่ดี เป็นที่รู้กันว่าเป็นสื่อต่าง ๆ ของบรรดานบีในการทำให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหา นะฮูวะตะอาลา โดยการดำรงด้วยกับสิ่งที่อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาทรงใช้พวกเขา และเป็นการปฏิเสธต่อ บุคคลที่วิงวอนขอต่อพวกเขาอื่นจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือการตะวัสสุ้ลผ่านพวกเขาไปยังอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา (ศอและหฺ บิน อับดุรเราะหฺมานอัลอัตฆอม, แหล่งเดิม, หน้าที่:: 67)

หรือการตะวัสสุ้ลด้วยกับความดีที่ได้ปฏิบัติ เช่นการละหมาด การกล่าวซิกรุลลอฮฺ การทำดีต่อพ่อแม่ การเศาะลา วาตนบี การมีความสื่อสัตย์ มีความอดทน มีความเมตตา ฯลฯ (สมาคมนักเรียนเก่าศาสนวิทยา, สารศรัทธา, ม.ป.ท., กรุงเทพ, 2541, หน้าที่: 42)

ท่านนบีมูหัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เล่าถึงชายสามคนพวกเขาได้เข้าไปในถ้ำแล้วได้มีก้อนหินก้อน ใหญ่มาปิดหน้าถ้ำ แล้วพวกเขาทั้งสามได้พูดว่า “พวกเราไม่สามารถออกจากถ้ำนี้ได้นอกเสียจากเราต้องขอดุอาอฺ ต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับการงานที่ดีของพวกเรา โดยมีเรื่องราวดังต่อไปนี้

มีเพื่อนเกลออยู่สามคนได้เดินทางเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเที่ยงวันทั้งสามจึงคิดจะหยุดพักเที่ยง หลังจากหาที่พักแล้วจึงชวนกันไปหลบร้อนในถ้ำ แต่เมื่อเข้าไปแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหินก้อนใหญ่ พลัดตกลงมาปิดปากถ้ำจนมิด ทั้งสามคนตกใจมากพยายามหาทางออก แต่ก็มืดแปดด้าน ลองใช้พละกำลังผลัก ก้อนหินนั้น แต่ก็เหนื่อยเปล่า

“ที่พึ่งของเราในวันนี้คืออัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ขอให้เราขอต่อพระองค์โดยเอาความดีที่เราทำเพื่อพระองค์มา เป็นสื่อเถิด” ทั้งสามคนเห็นด้วย

ชายคนแรกยกมือพลางวิงวอนว่า “ข้าแด่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ข้าพระองค์มีพ่อแม่ที่ชรามากแล้วข้า พระองค์ปรนนิบัติต่อท่านโดยรีดนมแพะให้ท่านดื่มทุกวัน ข้าพระองค์ตัดฟืนไปขายเพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งข้าพระองค์ไปเอานมมาให้ท่านดื่มเหมือนเคย ปรากฏว่าท่านทั้งสองหลับไปแล้ว ข้าพระองค์จึงยืน คอยท่าน โดยไม่ดื่มนมก่อนท่านจนกระทั่งรุ้งเช้าท่านตื่นขึ้นมาและได้ดื่มนมนั้น โอ้อัลลอฮฺ หากสิ่งที่ข้าพระองค์ ทำไปนั้นบริสุทธิ์เพื่อพระองค์แล้ว โปรดให้ก้อนหินที่ปิดปากถ้ำนี้เคลื่อนด้วยเถิด”

จบคำวิงวอนของเขาหินที่ปิดปากถ้ำก็เคลื่อนออก แต่ทั้งสามคนก็ยังไม่สามารถออกไปได้ ชายคนที่สองจึงยกมือ ขึ้นและวิงวอนว่า “ข้าพระองค์หลงรักหญิงคนหนึ่ง แต่นางไม่รักข้าพระองค์ วันหนึ่งนางจำเป็นต้องขอเงินจากข้า พระองค์ ข้าพระองค์จึงมอบเงินให้นาง 120 ดีนาร โดยมีเงื่อนไขว่านางต้องเป็นภรรยาของข้าพระองค์ โดยความ จำเป็นนางจึงต้องยอม แต่เมื่อข้าพระองค์จะทำไม่ดีไม่งามกับนางนั้น ข้าพระองค์กลับรู้สึกเกรงกลัวต่อพระองค์ ขึ้นมาอย่างจับจิต ข้าพระองค์จึงผละจากนางและอนุญาตให้นางไปโดยไม่คิดจะเอาเงินคืนอีก โอ้อัลลอฮฺ หากเห็นความดีของข้าพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือเราด้วยเถิด”

หินก็เคลื่อนออกแต่ก็ยังออกไปไม่ได้อยู่ดี ชายคนที่สามยกมือขึ้นวิงวอนว่า “ข้าพระองค์มีลูกจ้างอยู่คนหนึ่ง ซึ่งข้าพระองค์สัญญาว่าจะให้แพะเป็นค่าตอบแทน เมื่อเขาทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากลับไปโดยไม่ได้เอา แพะไปด้วย จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปีเขาก็กลับมาและถามหาค่าจ้างที่ข้าพระองค์เคยสัญญาไว้ ข้าพระองค์ จึงชี้ไปที่ท้องทุ่งจำนวนมากมาย เพราะแพะตัวนั้นออกลูกออกหลามเต็มท้องทุ่งแล้ว และแพะทั้งหมดจึงเป็น ของเขา โอ้อัลลอฮฺ หากนี่เป็นความดีของข้าพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงโปรดเลื่อนก้อนหินออกด้วยเถิด” แล้วก้อนหินก็เคลื่อนออก จนกระทั่งชายทั้งสามคนออกจากถ้ำได้โดยปลอกภัย (บุคคอรียฺ, ศอหีหฺ, หมวดการ ว่าจ้าง, บรรพการว่าจ้างลูกจ้างและผลตอบแทนของเขา, เลขที่ : 2272)

จากหะดีษข้างต้นทำให้ทราบว่าบรรดามุสลิมชนรุ่นก่อนที่ท่านนบีมูหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ยกตัว อย่างให้เราทราบถึงแนวทางในการสื่อถึงอัลลอฮ ฺสุบหานะฮูวะตะอาลานั้น พวกเขาได้ใช้การงานที่ดีที่ปฏิบัติเป็น สื่อกลางในการสื่อถึงอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา เพื่อหวังความเมตตาจากพระองค์ พวกเขาไม่ได้อ้างชื่อของ บุคคลใดหรือพาดพิงถึงครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือที่เสียชีวิตไปแล้วมาเป็นสื่อกลาง ระหว่างพวกเขากับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือบารมีของใครก็ตามมาอ้างต่อพระองค์

ฉะนั้นการที่เราจะขอต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เราจำต้องเป็นผู้ที่สะอาดและปฏิบัติการงานที่ดีซึ่งสามารถ ใช้การงานที่ดีนั้นเป็นสื่อกลางระหว่างเรากับพระองค์ได้

4. การตะวัสสุ้ลด้วยดุอาอฺ หรือ การขอให้คนดีขอดุอาอฺให้กับเราเพื่อหวังการตอบรับ

เมื่อมุสลิมได้ตกอยู่ในความคับแค้นใจอย่างมาก หรือหาทางที่จะแก้ไขปัญหาที่เขากำลังประสพอยู่ แต่เขารู้ตัวดี ว่า เขาไม่สามารถที่จะได้รับการใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้ ดังนั้นจำเป็นที่เขาจะต้องยึดหรือหาสื่อกลางที่สามารถทำ ให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาได้ เขาจึงไปยังคนที่ศอลิหฺและมีความตักวา หรือมีคววามประเสริฐ และมีความรู้เกี่ยวกับกุรอานและสุนนะฮฺ และเขาได้ขอให้คนที่ศอลิหฺวิงวอน ขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะ ตะอาลา ให้แก่เขาเพื่อถอดถอนความเสียใจและความทุกข์ของเขา สิ่งนี้เป็นการตะวัสสุ้ลชนิดสุดท้ายของ การตะวัสสุ้ลที่ถูกบัญญัติไว้หรือการตะวัสสุ้ลด้วยกับดุอาอฺของท่านนบีมูหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในขณะที่ท่านยัง มีชีวิตอยู่ ดังมีตัวอย่างจากบรรดาศอหาบะฮฺ (มูหัมมัดอีดุลอับบาสียฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ :41) ซึ่งเป็นหะดีษที่ชาย ตาบอดได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม

أنه جاء إلى النبي صلى الله عليه وسلم فيسأله أن يدعو الله أن يرد بصره عينه فأمره أن يتوضأ فيصلي ركعتين ويقول : اللهم إني أسألك وأتوجه إليك بنبيك محمد نبي الرحمة يامحمد يا نبي الله إني أتوجه بك إلى ربي في حاجتي لتقضيها اللهم فشفعه في " فدعا الله فرد الله عليه بصره

“แท้จริงชายตาบอดได้มาหาท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และเขาได้ขอให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เพื่อให้พระองค์ตอบรับการมองเห็นของเขา ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ใช้ให้เขาอาบน้ำละหมาดและละหมาดสองเราะกะอัต และชายตาบอดก็ก็กล่าวว่า “โอ้อัลลอฮฺฉันขอต่อพระองค์และฉันวิงวอนต่อพระองค์ด้วยกับนบีของพระ องค์คือมูหัมมัด นบีแห่งความเมตตา โอ้มูหัมมัด โอ้นบีของอัลลอฮฺ แท้จริงฉันได้วิงวอนด้วยกับท่าน ไปยังพระผู้อภิบาลของฉันในสิ่งที่ฉันต้องการเพื่อให้พระองค์ ทรงตอบรับมัน”

อิบนุมาญะฮฺ, อัสสุนัน, หมวดการดำรงละหมาด, บรรพสิ่งที่มีมาในอายะฮฺ, เลขที่ :1380.

และนบีก็ขอดุอาอฺให้อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือเขาในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นออัลลอฮฺจึงตอบรับด้วยกับการมองเห็น ของเขา

การตะวัสสุ้ลด้วยดุอาอฺของท่านนบีเป็นสิ่งที่อนุญาตและมีการยืนยัน แต่ทว่ามันไม่สามารถจะทำได้นอกจากใน ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่เท่านั้น และจะถูกตัดขาดลงหลังจากการเสียชีวิตของท่าน ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตสำหรับ มุสลิมที่จะไปยังกุบูรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และขอต่อท่านในสิ่งที่ต้องการขออภัยในความผิด หรือขอให้พ้นภัยอันตราย ดังมีหลักฐานจากสายรายงานของท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านได้ตะวัสสุ้ลด้วย กับดุอาอฺของท่านอับบาสให้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ให้ฝนตกลงมา หลังจากการเสียชีวิตของ ท่านนบี หากการตะวัสสุ้ลด้วยกับท่านนบีเป็นที่อนุญาต แล้วทำไมบรรดาศอหาบะฮฺจึงเปลี่ยนจากการตะวัสสุ้ลด้วย กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมไปเป็นการตะวัสสุ้ลด้วยกับดุอาอฺของท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย นอกจากจะปิดหูปิดตายึดเอาความคิดของตนเอง แน่นอน ชนเหล่านี้ได้เดินอยู่บนทางที่หลงผิดอย่างชัดเจน

แท้จริงการขอความช่วยเหลือจากสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือการนำสื่อต่าง ๆ ที่ไม่ได้บัญญัติไว้มาเป็นสื่อกลางเพื่อให้ได้รับการใกล้ชิดต่ออัลลอฮ ฺสุบหานะฮูวะตะอาลา หรือนำมาเป็นสื่อให้ ได้สิ่งที่ต้องการมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นการทำชีริกทั้งสิ้น ส่วนการตะวัสสุ้ลนั้นก็คือบิดอะฮฺ (อิบนุตัยมียะฮฺ, อะกีดะฮฺวาสิตียะฮฺ, ดารุ้ลฟิหาฮฺ, 1994, หน้าที่ : 38)

การกล่าวว่า ฉันวิงวอนต่อพระองค์หรือสาบานต่อพระองค์ด้วกับสิทธิของมาลาอีกะฮฺของพระองค์ หรือด้วยสิทธิ์ ของบรรดานบีของพระองค์ หรือด้วยกับนบี หรือเราะสู้ลคนหนึ่งคนใดของพระองค์ กับบัยตุ้ลหะรอม น้ำซัมซัม มะกอม ภูเขาตูร หรือบัยตุ้ลมะหฺมูร หรืออื่นๆเช่นเดียวกัน แท้จริงมันเป็นดุอาอฺที่ไม่ได้ถูกทอดมาจากนบี ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมและจากบรรดาเศาะหาบะหฺและตาบิอีนของท่าน ได้มีบรรดาผู้รู้ เช่น อบีหะนีฟะฮฺและพวก ของเขา และอบียูสุฟและคนอื่นๆจากผู้รู้ ลงความเห็นกันว่า แท้จริงมันเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตที่จะขอดุอาอฺเช่นนั้น (มูหัมมัด บิน อิบรอฮีมอัลนุอฺมาน, ญามิอุ้ลฟารีด, ดารุ้ลวะฏอน, ซาอุดิอารเบีย, ม.ป.ป., หน้าที่  : 402)

ดังนั้นสื่อกลางไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ถูกสร้างต่าง ๆ ที่พวกเขาพยายามนำมาเป็นสื่อระหว่างอัลลอฮ สุบหานะฮู วะตะอาลา เพื่อให้พระองค์ทรงช่วยเหลือพวกเขาและพวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับพระองค์ (เชคสุลัยมาน บิน สะมานุนนาญาดียฺ, ฮาดียะตุสสุนนียะฮฺ, ม.ป.ท., ซาอุดิอารเบีย, 1968 , หน้าที่ : 18)


والله أعلم بالصواب
โดย อ.อับดุลฮากีม มังเดชะ 
http://www.warasatussunnah.net



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น