อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺคือญีฮาดไม่ใช่ออกจาริก


                       คำสอนท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เกี่ยวกับการท่องเที่ยวจาริกไปในที่ต่างๆ
ท่านอัลฮาฟิซ อิบนิกะษีร ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้อรรถาธิบาย คำว่า "อัสสาอิฮูน" (บรรดาผู้ที่ออกเดินทาง) ตามอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ อายะฮฺที่ 112 ว่า

"มีหลักฐานบ่งบอกว่าการท่องเที่ยวนั้นหมายถึงการญิฮาด ตามที่อบูดาวูดไว้ในสุนันของท่าน

รายงานจากอบูอุมามะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ ว่า
ชายคนหนึ่งกล่าวว่า "ท่านรสูลครับ ได้โปรดอนุญาตแก่ฉันในการออกเดินทางเถิด" ท่านนบีตอบว่า "การออกเดินทางของประชาชาติของฉัน คือ การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ" (ตัฟสีรอิบนิกะษีร สูเราะฮฺ อัต-เตาบะฮฺ  9:112)

ท่านอิบนิกะษีรบอกว่า "ไม่ถือเป็นการออกท่องเที่ยว ในการที่บางคนถือว่าเป็นอิบาดะฮฺ ด้วยการออกท่องจาริกไปบนหน้าแผ่นดิน หรือการอยู่ตามลำพังบนเขาสูง ในถ้ำและพงไพรอย่างที่เข้าใจกัน เพราะนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกบัญญัติมา ยกเว้นในช่วงเวลาที่เกิดความยุ่งเหยิง ความโกลาหลในศาสนา ดังปรากฏในเศาะเฮียะฮฺบุคอรีย์ว่า

รายงานจากท่านอบูสะอีด อัลคุดรี  ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม
สอนว่า "ทรัพย์ที่ดีที่สุดของมนุษย์เกือบจะเป็นแพะแกะที่เขาต้อนมันอยู่ในหุบเขาลำเนาไพร ซึ่งเขาได้พาศาสนาของเขาหลีกหนีไปจากความปั่นป่วนวุ่นวาย(ฟิตนะฮฺ)" (ตัฟสีร อิบนิกะษีร   9:112)

สำหรับผู้ที่ว่าการท่องเที่ยวนี้ถือเป็นบทบัญญัติเช่นกัน โดยไม่ต้องมีการต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และคนหนึ่งคนใดจะไปไม่ถึงจุดสุดยอดของศาสนา นอกจากจะต้องมีการเดินทางออกจาริกไป แม้ว่าเขาจะได้ประกอบอิบาดะฮฺทุกชนิดทั้งฟัรฎูและสุนนะฮฺ แต่ถ้าเขาไม่ออกท่องไปกับเราศาสนาของเขาก็ถือว่าบกพร่อง นี่อยู่ในการหลงทางอย่างที่สุดยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใดทราบว่า ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ปฏเสธที่จะให้การออกจาริกเดินทางไปในที่ต่างๆ เป็นอิบาดะฮฺอย่างหนึ่งของอิสลาม แต่เขายังยืนยันว่า "ใช่" ก็เท่ากับว่าเขาเป็นปรปักษ์ต่ออัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ และนั่นเขาอยู่ในหมู่ผู้ต่ำต้อย

ท่านหาฟิซอิบนิกะษีรในอำอรรถธิบายอายะฮฺเดียวกันนี้ กล่าวว่า
"จากอับดุลลอฮฺ อิบนุลมุบาร็อก รายงานจากท่านอิบนุลุฮัยอะฮฺ ว่า "อิมาเราะฮฺ บินเฆาะะซียะฮฺ เล่าวว่า มีคนพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยงต่อท่านรสูล  ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านจึงกล่าวว่า "อัลลอฮฺทรงเปลี่ยนแทนให้แก่เราด้วยการญิฮาดในหนทางของพระองค์และการการตักบีรฺในที่สูงทุกแห่ง"  (ตัฟสีร อิบนิกะษีร   9:112)

ความหมายของหะดิษนี้ก็คือการท่องเที่ยวจาริกที่ประชาชาติก่อนๆ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำอิบาดะฮฺได้ถูกนำมาพูดถึงต่อหน้าท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  ท่านจึงกล่าวว่า "อัลลอฮฺทรงเปล่ยนสิ่งที่ดีกว่าให้แก่เรา นั้นคือการญิฮาด การต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺและการตักบีรฺ การเทิอดเกียรติสดุดีพระองค์อัลลอฮฺ ณ เนินสูงทุกแห่ง หมายความว่าอัลลอฮิไม่ได้ทรงบัญญัติให้เราทำอิบาดะฮฺด้วยท่องเที่ยวจาริก แต่ทรงบัญญัติสิ่งที่ดีกว่าให้แก่เรา นั้นคื การญีฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ หมายถึงเชิญชวนประชาชาติที่ปฏิเสธทั้งหมดนอกจากนัจด์และหิญาซฺไปสู่อัลอิสลาม ถ้าพวกเขาเข้ารับอิสลามพวกเขาก็จะกลายเป็นพี่น้องกับเรา ได้เหมือนสิ่งที่เราได้ และมีภาระหน้าที่เช่นเดียวกับเรา แต่หากพวกเขาปฏเสธเราก็ให้เขาจ่ายญิซยะฮฺ (ภาษีที่ต้องจ่ายให้แก่รัฐอิสลามเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการต่างๆ ของรัฐสำหรับผู้ไม่ใช่มุสลิมในรัฐอิสลาม) หรือการประนีประนอม หากพวกเขาปฏิเสธเราก็จะต่อสู้กับพวกเขาจนถึงที่สุดจนกว่าอัลลอฮฺจะทรงชี้ขาดระหว่างเรากับพวกเขา ดังพระองค์ทรงมีดำรัสว่า

وَإِنَّ جُندَنَا لَهُمُ الْغَالِبُونَ ( 173 )

"และแท้จริง ไพร่พลของเรานั้น สำหรับพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ" (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัศศอฟฟาต 37:173)

ส่วนในหิญาซและนัจด์หมายถึงคาบสมทรอาหรับทั้งหมด ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม  มีคำสั่งว่า
"ท่านทั้งหลายจงขับไล่พวกยะฮูดและนะศอรอออกจากคาบสมุทรอาหรับ"
ดังนั้นหากผู้ใดก็ตามยึดมั่นอย่างนี้ ทั้งๆที่ได้รับรู้หะดิษทั้งสองนี้แล้ว เท่ากับเป็นการปฏิเสธอย่างเปิดเผย แต่ถ้าเขาไม่ได้รับรู้ถึงหะดิษนี้มาก่อน นั้นก็ถือเป็นความโง่เขลาและหลงทาง...

 والله أعلم بالصواب

{ดร.มุหัมมัด ตะกียุดดีน อัลฮิลาลี}


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น