อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สิ่งใดที่ท่านนบีได้ละทิ้งถือเป็นสุนนะฮฺ



      การละทิ้งไม่กระทำ ของท่านท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม คือสุนนะฮฺ นั้น ก็เหมือนอย่างการกระทำของท่าน ก็คือสุนนะฮฺ เมื่อการกระทำในสิ่งที่ท่านท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ละทิ้ง เป็นเรื่องที่ชอบ ก็ถือว่าการละทิ้งสิ่งที่ท่านกระทำเป็นเรื่องที่ชอบเช่นเดียวกัน และถือว่าเป็นสุนนะฮฺที่เราปฏิบัติตามท่านในการละทิ้ง ในสิ่งท่านท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ละทิ้งเช่นกัน

ท่านอิมามอัซ-เชากานียฺ (เสียชีวิตปี ฮ.ศ.1255) ได้กล่าวในหนังสือ “อิรฺชาด อัล-ฟุหูล” อันเป็นหนังสืออธิบายเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ขั้นพื้นฐานของนิติศาสตร์อิสลาม ว่า
“การละทิ้งสิ่งใดของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ก็เหมือนกับการกระทำของท่านต่อสิ่งนั้น ในแง่ที่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตาม ท่านอินุ อัซ-ซัมอาน ได้กล่าวว่า เมื่อท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ได้ละทิ้งสิ่งใด วายิบ ต่อพวกเรา จะต้องปฏิบัติตามท่านใน(การละทิ้ง)สิ่งนันด้วย...”

ท่านเชคอะลียฺ มะหฺฟูศ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัล-อิบดาอฺฯ” หน้าที่ 34-35 ว่า
“อนึ่งสิ่งใดที่ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ได้ละทิ้งไว้ก็พึงรู้เถิดว่า แท้จริงสุนนะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม นั้นมีทั้งที่ต้องปฏิบัติตาม และต้องละทิ้งตาม การที่พระองคือัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงกำหนดให้พวกเราปฏิบัติตามท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม ในการกระทำที่ท่านปฏิบัติเพื่อความใกล้ชิดต่อพระองค์อัลลอฮฺ อันมิใชเป็นเรื่องเฉพาะตัวของท่านฉันใด พระองค์อัลลอฮฺก้ทรงต้องให้เราปฏิบัติตามท่านรสูลในการละทิ้ง(ไม่กระทำ) ของท่านแนนั้น ดังนั้นการละทิ้ง (สิ่งที่รสูลไม่ปฏิบัติป จึงเป็นสุนนะฮฺ ก็เสมือนอย่างการที่เราไม่สามารถทำตัวให้ใกล้ชิดพระองค์อัลลอฮฺด้วยการละทิ้งสิ่งที่ท่านรสูลปฏิบัติฉันใดในทำนองเดียวกัน เราก็ไม่สามารถทำตัวให้ใกล้ชิดพระองค์อัลลอฮฺ ด้วยการปฏิบัติสิ่งที่ท่านรสูลได้ละทิ้งฉันนั้น ดังนั้น จึงไม่มีข้อแตกต่างอันใด ในระหว่างผู้ปฏิบัติในสิ่งที่ท่านรสูลละทิ้งในสิ่งที่ท่านรสูลปฏิบัติ”

ท่านเชค อะลีย์ มะหฺฟูศ ยังได้กล่าวในหนังสือเล่มเดียวกัน หน้า38 อีกว่า
“แน่นอนว่าการละทิ้ง(ไม่กระทำ) ของท่านท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะวัลลัม คือสุนนะฮฺ เหมือนอย่างการกระทำของท่าน ก็คือสุนนะฮฺ เมื่อเราถือว่าการกระทำในสิ่งที่ท่านละทิ้งเป็นเรื่องที่ชอบ ก็อุปมาเหมือนอย่างเรา ถือว่าการละทิ้งสิ่งที่ท่านกระทำเป็นเรื่องที่ชอบเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อแตกต่างกันเลย...”



   والله أعلم بالصواب


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น