อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ผู้ทำบิดอะฮฺจะไม่ได่รับการชะฟาอะฮฺจากท่านนบีในวันกิยามะฮฺ


الشفاعة

         บรรดาผู้ที่ยึดมั่นในเอกภาพต่ออัลลอฮฺ ไม่ใช่ผู้ที่จำกัดขอบเขตการชะฟาอะฮฺให้แคบ แต่อัลลอฮฺต่างหากที่เป็นผู้ทรงจำกัดมัน และผู้ทรงอนุญาตแก่ผู้ขอชะฟาอะฮฺ และทรงพอพระทัยในอะกีดะฮฺของผู้ถูกขอให้ได้รับการชะฟาอะฮฺ พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

يَوْمَئِذٍ لَّا تَنفَعُ الشَّفَاعَةُ إِلَّا مَنْ أَذِنَ لَهُ الرَّحْمَٰنُ وَرَضِيَ لَهُ قَوْلًا ( 109 )
"วันนั้น การชะฟาอะฮ์ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตแก่เขา และพระองค์ทรงพอพระทัยในคำพูดของเขาเท่านั้น"

(อัลกุรอาน สูเราะฮฺฎฮฮา 20:109)


พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَكَم مِّن مَّلَكٍ فِي السَّمَاوَاتِ لَا تُغْنِي شَفَاعَتُهُمْ شَيْئًا إِلَّا مِن بَعْدِ أَن يَأْذَنَ اللَّهُ لِمَن يَشَاءُ وَيَرْضَىٰ ( 26 )
"และมะลักกี่มากน้อยในชั้นฟ้าทั้งหลายนั้น การชะฟาอะฮ.ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์อันใด (แก่พวกเขา) เว้นแต่หลังจากอัลลอฮ.จะทรงอนุมัติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงพอพระทัย"  (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัน-นัจญ์มฺ 53:26)



พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

مَا قُلْتُ لَهُمْ إِلَّا مَا أَمَرْتَنِي بِهِ أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ رَبِّي وَرَبَّكُمْ وَكُنتُ عَلَيْهِمْ شَهِيدًا مَّا دُمْتُ فِيهِمْ فَلَمَّا تَوَفَّيْتَنِي كُنتَ أَنتَ الرَّقِيبَ عَلَيْهِمْ وَأَنتَ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ شَهِيدٌ ( 117 ) 

"ข้าพระองค์มิได้กล่าวแก่พวกเขา นอกจากสิ่งที่พระองค์ใช้ข้าพระองค์เท่านั้น ที่ว่าท่านทั้งหลายจงเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์ ผู้เป็นเจ้าของฉัน และเป็นพระเจ้าของพวกท่านด้วย และข้าพระองค์ย่อมเป็นพยานยืนยันต่อพวกเขาในระยะเวลาที่ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกเขา ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงรับข้าพระองค์ไปแล้ว พระองค์ท่านก็เป็นผู้ดูและพวกเขา และพระองค์ทรงเป็นสักขีพยานในทุกสิ่ง"

إِن تُعَذِّبْهُمْ فَإِنَّهُمْ عِبَادُكَ وَإِن تَغْفِرْ لَهُمْ فَإِنَّكَ أَنتَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ ( 118 ) 

"หากพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาแท้จริงพวกเขาก็คือบ่าวของพระองค์ และหากพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงพระองค์ท่านคือ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ"

قَالَ اللَّهُ هَٰذَا يَوْمُ يَنفَعُ الصَّادِقِينَ صِدْقُهُمْ لَهُمْ جَنَّاتٌ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا رَّضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ وَرَضُوا عَنْهُ ذَٰلِكَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ ( 119 ) 

"อัลลอฮ์ตรัสว่า นี่แหละคือวัน ที่การพูดความจริงของพวกเขาจะอำนวยประโยชน์แก่บรรดาผู้ที่พูดจริง พวกเขาจะได้รับบรรดาสวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล ในสภาพที่อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พึงพอใจในพระองค์นั่นแหละคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่"  (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ 5:117-119)

และสำหรับผู้ทำบิดอะฮฺ หรืออุตริกรรมใหม่ๆขึ้นมาในเรื่องศาสนา ในวันกิยามะฮฺ พวกเขาจะไม่รับการชาฟาอะฮฺหรือได้รับการช่วยเหลือจากท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม 

ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยืนอยู่ที่บ่อน้ำ(อัลเกาษัร) ซึ่งถ้าใครได้ดื่มน้ำนั้นสักครั้งหนึ่ง จะไม่วันกระหายอีกเลยหลังจากนั้น และเขาจะได้รับความสุขตลอดไป กึซานหรือถ้วยแก้วที่บ่อน้ำนี้มากมายประดุจดวงดาวบนฟากฟ้า น้ำของมันขาวยิ่งกว่าน้ำนม หวานยิ่งกว่าน้ำผึ่ง กลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะมุ่งมาหาท่านซึ่งท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยรอยของการอาบน้ำละหมาด เนื่องจากพวกเขาจะมายังท่านในสภาพที่ ฆุรร็อนมุหัจญิลีน” อวัยวะส่วนต่างๆ ที่อาบน้ำละหมาดจะเปล่งประกายรัศมี

ท่านรอซู ลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

فَإِنَّهُمْ يَأْتُونَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ غُرًّا مُحَجَّلِينَ مِنْ الْوُضُوءِ

“ แท้จริงพวกเขา (ประชาชาติของฉัน) จะมาในวันกิยามะฮ์ในสภาพที่พวกเขามีใบหน้าและเท้าที่ขาวนวล เป็นประกาย อันเนื่องมากจากการอาบน้ำละหมาด ” (บันทึกโดยอะหมัด,มุสลิม,อันนะซาอีย์และอิบนุมาญะฮ์)

 เมื่อพวกเขามุ่งมาที่บ่อน้ำและเห็นผู้คนกำลังดื่มโดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพที่หิวกระหายและหวาดกลัวอย่างที่สุด มลาอีกะฮฺจะตีพวกเขาบนแสกหน้าและขับไล่ให้ถอยออกไปด้านหลัง
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวว่า "ท่านจะพาพวกเขาไปไหน" ก็จะได้รับคำตอบว่า "ไปนรก" แล้วท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวว่า "โอ้ผู้อภิบาลของฉัน โปรดให้ฉันชะฟาอะฮฺแก่พวกเขาด้วยเถิด เพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งจากประชาชาติของฉัน" จะมีเสียงตอบท่านว่า "ท่านไม่รู้ดอกว่าพวกเขาได้ทำอะไรขึ้นบ้างหลังจากท่านจากไป แน่นอนพวกเขาได้สับเปลี่ยนบิดเบือนสาสนาที่ท่านทิ้งไว้ให้พวกเขายึดถือปฏิบัติ ดังนั้นท่านนบีจึงปลีกตัวจากพวกเขาและกล่าวว่า "ไปให้ไกลเลย ไปให้ไกลเลย" หมายถึงให้พวกเขาไปอยู่ไกลๆจากท่านเลย นั้นคือ ถ้า ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม รู้ว่าพวกเขาได้สับเปลี่ยนบิดเบือนศาสนา ท่านก็จะได้ไม่ขอชะฟาอะฮฺให้พวกนั้น


حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ حُجْرٍ السَّعْدِيُّ، حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ مُسْهِرٍ، أَخْبَرَنَا الْمُخْتَارُ بْنُ فُلْفُلٍ، عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، حوَحَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ، - وَاللَّفْظُ لَهُ - حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ مُسْهِرٍ، عَنِ الْمُخْتَارِ، عَنْ أَنَسٍ، قَالَ بَيْنَا رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ذَاتَ يَوْمٍ بَيْنَ أَظْهُرِنَا إِذْ أَغْفَى إِغْفَاءَةً ثُمَّ رَفَعَ رَأْسَهُ مُتَبَسِّمًا فَقُلْنَا مَا أَضْحَكَكَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ ‏"‏ أُنْزِلَتْ عَلَىَّ آنِفًا سُورَةٌ ‏"‏ ‏.‏ فَقَرَأَ ‏"‏ بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ ‏{‏ إِنَّا أَعْطَيْنَاكَ الْكَوْثَرَ * فَصَلِّ لِرَبِّكَ وَانْحَرْ * إِنَّ شَانِئَكَ هُوَ الأَبْتَرُ‏}‏ ‏"‏ ‏.‏ ثُمَّ قَالَ ‏"‏ أَتَدْرُونَ مَا الْكَوْثَرُ ‏"‏ ‏.‏ فَقُلْنَا اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ ‏.‏ قَالَ ‏"‏ فَإِنَّهُ نَهْرٌ وَعَدَنِيهِ رَبِّي عَزَّ وَجَلَّ عَلَيْهِ خَيْرٌ كَثِيرٌ هُوَ حَوْضٌ تَرِدُ عَلَيْهِ أُمَّتِي يَوْمَ الْقِيَامَةِ آنِيَتُهُ عَدَدُ النُّجُومِ فَيُخْتَلَجُ الْعَبْدُ مِنْهُمْ فَأَقُولُ رَبِّ إِنَّهُ مِنْ أُمَّتِي ‏.‏ فَيَقُولُ مَا تَدْرِي مَا أَحْدَثَتْ بَعْدَكَ ‏"‏ ‏.‏ زَادَ ابْنُ حُجْرٍ فِي حَدِيثِهِ بَيْنَ أَظْهُرِنَا فِي الْمَسْجِدِ ‏.‏ وَقَالَ ‏"‏ مَا أَحْدَثَ بَعْدَكَ ‏"‏


             อนัส (บินมาลิก) รายงานว่า ขณะที่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม อยู่กับพวกเราในวันหนึ่ง ท่านได้งีบหลับไปชั่วครู่ หลังจากนั้นท่านได้เงยศีรษะของท่านขึ้นมาแล้วยิ้ม พวกเราถามว่า อะไรทำให้ท่านหัวเราะหรือ โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ท่านตอบว่า
 "ซูเราะห์หนึ่งได้ถูกประทานลงมาให้ฉันสักครู่นี่เอง แล้วท่านก็อ่าน บิสมิ้ลลาฮิรเราะห์มานนิรร่อฮีม อินนาอะอ์ฏอยนากัลเกาษัร ฟะศ็อลลิลิร๊อบบิก่าวันฮัร อินน่าซานิอะกะฮุวัลอับตัร"
  หลังจากนั้นท่านได้ถามว่า พวกเจ้าทั้งหลายรู้ไหมว่า อัลเกาษัร คืออะไร พวกเราตอบว่า อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์เท่านั้นที่รู้ดียิ่ง ท่านกล่าวว่า
 "มันคือแม่น้ำซึ่งองค์อภิบาลของฉันผู้ทรงเกียรติและสูงส่งสัญญาจะมอบให้แก่ฉัน ซึ่งมีความดีอย่างมากมาย มันคือแหล่งน้ำที่ประชาชาติของฉันจะกลับไปพบกับฉันในวันกิยามะห์ ณ.ที่นี้ ภาชนะของมันมีจำนวนเท่ากับดวงดาว
 ขณะนั้นจะมีคนกลุ่มหนึ่งถูกกันออกจากพวกเขา (ไม่ให้เข้ามาหาฉันที่แหล่งน้ำ) ดังนั้นฉันจึงกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของฉันพวกเขาคือประชาชาติของฉัน พระองค์กล่าวว่า เจ้าไม่รู้หรอกว่าพวกเขาได้ทำสิ่งใหม่ในศาสนาหลังจากเจ้าจากพวกเขามา"
                อิบนุฮุจริน ได้รายงานโดยมีข้อความเพิ่มเติมในฮะดีษของเขาว่า  ในขณะที่ท่านรอซูลอยู่กับพวกเราในมัสยิด และข้อความที่ว่า สิ่งใหม่ในศาสนาที่พวกเขากระทำหลังจากเจ้าจากพวกเขามา" (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม/หมวดที่4/บทที่14/ฮะดีษเลขที่ 0790)


ท่านรสูลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"แน่นอนมีชนหลายกลุ่มจากพวกท่าน ถุกนำมายังฉันขณะที่ฉันอยู่ที่บ่อน้ำ(อัลเกาษัร) จากนั้นพวกเขาจะถุกสลัดลงไปข้างใต้ฉัน ฉันจะกล่าวว่า "โอพระผู้อภิบาลของฉัน นี่สหายของฉัน นี้สหายของฉัน จะมีเสียงกล่าวว่า "ท่านไม่รุ้ดอกว่าพวกเขาประดิษอะไรกันขึ้นบ้างหลังจากท่าน แน่นอนพวกเขาได้สับเปลี่ยนบิดเบือน" แล้วฉันจะกล่าวว่า "ไปให้ไกล ไปให้ไกล" (บันทึกหะดิษโดยบุคอรีย์)


ท่านรสูลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"มลาอิกะฮฺจะตีแสกหน้าพวกเขา แล้วฉันจะกล่าวว่า "ไปที่ไหนกันหรือ จะมีเสียงตอบว่า "ไปนรก" ฉันกล่าวว่า "ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน พวกเหล่านั้นเป็นประชาชาติของฉัน" (บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด)


 والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿





1 ความคิดเห็น:

  1. عَنْ سَهْلِ بْنِ سَعْدٍ قَالَ : قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ( إِنِّي فَرَطُكُمْ عَلَى الْحَوْضِ مَنْ مَرَّ عَلَيَّ شَرِبَ ، وَمَنْ شَرِبَ لَمْ يَظْمَأْ أَبَدًا ، لَيَرِدَنَّ عَلَيَّ أَقْوَامٌ أَعْرِفُهُمْ وَيَعْرِفُونِي ، ثُمَّ يُحَالُ بَيْنِي وَبَيْنَهُمْ ، فَأَقُولُ : إِنَّهُمْ مِنِّي ، فَيُقَالُ : إِنَّكَ لَا تَدْرِي مَا أَحْدَثُوا بَعْدَكَ ، فَأَقُولُ : سُحْقًا ، سُحْقًا ، لِمَنْ غَيَّرَ بَعْدِي ) . رواه البخاري ( 6212 ) ومسلم ( 2290 ) .

    ตอบลบ