อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

ความคิดอะฮฺลิสสุนนะห์และความคิดของรอฟิเฎาะฮฺคนละขั่วกัน



ความพยายามที่จะรวมความคิดของ อะฮฺลิสสุนนะห์และความคิดของรอฟิเฎาะฮฺ ให้เข้ากัน ทำได้หรือ

ข้าพเจ้าขอนำคำพูดของ ท่าน ดร.นาศิร อัล กอฟารีย์ ในหัวข้อที่เจ็ด จากหนังสือของท่าน มัสอะละห์ อัตตักรีบ เพื่อให้ความกระจ่างแก่พวกเราในเรื่องนี้ ซึ่งท่านได้กล่าวว่า :

เราจะเข้ากันได้เช่นไรกัน กับผู้ที่กล่าวหาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ และให้การอธิบายในทางที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังกล่าวอ้างว่ามีคัมภีร์อื่นนอกจากอัลกรุอานถูกประทานลงมายังบรรดาอิมามของพวกเขา[1] มองว่าบรรดาอิมามนั้นเป็นนบี อิมามก็คือนบีหรือดีกว่า และให้การอธิบายอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺที่ศาสนาทูตได้รับการประทานด้วยความหมายที่เบี่ยงเบน โดยอ้างว่า อิบาดะฮฺก็คือการเชื่อฟังอิมาม ส่วนการตั้งภาคีก็คือการเชื่อฟังผู้อื่นนอกจากอิมาม พวกเขากล่าวว่าสาวกของท่านนบีตกศาสนา นอกเสียจากสาม หรือสี่ หรือเจ็ดคน ตามความขัดแย้งของพวกเขา คนเหล่านี้ที่แยกห่างออกจากกลุ่มชนมุสลิมด้วยความเชื่อในเรื่องอิมามะห์, อัลอิศมะห์(การปลอดบาป), ตะกียะห์(การเสแสร้ง), รอจฺอะห์(การฟื้นอีกครั้ง), อัล ฆีบะห์(การหายตัว), อัล บาดาอ์(ความไม่รู้ก่อนที่จะรู้) [2]


*****

[1] ในส่วนท้ายของหนังสือที่ท่านอ่านอยู่นี้ เราจะหยิบเอาสูเราะฮฺหนึ่งที่ รอฟิเฎาะฮฺอ้างว่าถูกลบไปจากอัลกุรอาน นั่นคือ สูเราะฮฺ อัล วิลายะห์ ซึ่งเราได้เอามันมาจากหนังสือ ฟัศลุ อัลคีตอบ ของ อัน นูรี อัต รอบรอซีย์ และนี่คือการปฏิเสธดำรัสของอัลลอฮฺที่ทรงประกาศว่า ได้พิทักษ์อัลกุรอานจากการปลอมแปลงแก้ไข ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่า
(إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ )

ความว่า : แท้จริงเราได้ประทานลงมาซึ่งอัลกุรอาน และแน่แท้เราจะพิทักษ์รักษามัน [ อัลฮิจร์ 15 : 9 ]
ทีนี้เรายังคลางแคลงอะไรอีกว่า คนที่มีความเชื่อดังกล่าวจะไม่ใช่ผู้ปฏิเสธ ?
[2] ดู มัสอะละฮฺ อัตตักรีบ โดย ดร.นาศิร อัล กอฟารีย์ (2/302)



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿


อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัล สะละฟีย์ เขียน

จากSaufeeyah Pasaman

1 ความคิดเห็น: