เมื่อมนุษย์คนใดได้ทรัพย์ชิ้นใดมาแล้ว
ก็กล่าวว่า นั้นมันทรัพย์ของฉัน ทั้งที่มันเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
เขาได้หวงแหนมัน ลุ่มหลงกับทรัพย์อันนั้น
จนลืมพระเจ้าของเขาที่ได้ประทานริสกีทรัพย์นั้นมาแก่เขา
อันแท้จริงทรัพย์สินเหล่านั้น หากเรานำมารับประทาน
มันก็ถูกย่อยสลายเผ่าพล่านกลายเป็นพลังงานเสริมสร้างร่างกายของเรา
และขับถ่ายของเสียในสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกไป
หากทรัพย์สิ้นนั้นเราสวมใส่ มาขับขี่ หรือนำมาใช้งานตามปกติของทรัพย์ชิ้นนั้น
ไม่นานมันก็ขาดวิ่น สึกหรอ และสูญสลายไปในที่สุด
อย่างเราซื้อรถมาใช้งานไม่นานมันก็กลายเป็นรถคันเก่า มีการสึกหรอ ถึงแม้จะตวรจซ่อม
ก็ไม่กลับคืนดีเหมือนตอนได้รถคันนั้นมาใหม่ๆ เสื้อผ้าเมื่อสวมใส่นานๆ มันก็เริ่มเก่าขาดวิ่น
เสื้อตัวนั้นก็อยู่กับเราไม่นาน ก็ต้องซื้อตัวใหม่ แต่ถ้าหากเรานำมันไปบริจาคทาน ความดีจากผลที่เรานำทรัพย์ชิ้นนั้นไปบริจาค
พระองค์อัลลอฮฺก็จะเก็บรักษา เพื่อตอบแทนเราในวันอาคีเราะฮฺ
ส่วนนอกเหนือจากนี้
เป็นสิ่งว่างเปล่าและเลื่อนลอย เมื่อตายไปทรัพย์อันนี้ก็ไม่ได้ติดตามเราไป
นอกจากทิ้งเป็นทรัพย์มรดกแก่ทายาทของเขาสืบต่อกันไป อย่างที่ดิน เราบอกว่านั้นเป็นของเรา
แต่เมื่อเราตายไปเราก็ไม่สามารถนำที่ดินนั้นติดตัวไปได้ กลับได้คนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ และคนที่ได้ครอบครองต่อมาเมื่อเขาตาย
เขาไม่สามารถแบกหามที่ดินนั้นไปกับเขาได้เช่นเดียวกัน
นอกจากคนที่ยังมีชีวิตสืบทอดที่ดินนั้นๆ ต่อไป
ท่านบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวไว้ถึงเนื้อแท้ของทรัพย์สิน
ดังหะดิษต่อไปนี้
รายงานจากท่านอบู อุรอยเราะฮฺ
เล่าว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า
“มนุษย์จะกล่าวว่า ทรัพย์ของฉัน ทรัพย์ของฉัน อันที่จริงที่จะเป็นทรัพย์ของเขาจริงๆ นั้นมี 3 วิธี ด้วยกัน คือ ได้รับประทานมันแล้วสูญสิ้นไปแล้ว ได้สวมใส่มันแล้วขาดวิ่นไป และได้ให้(บริจาค) มันแล้ว ถูกเก็บรักษาไว้ (เพื่ออาคิเราะฮฺ) ไปแล้ว ส่วนที่อื่นจากวิธีนี้ ถือเป็นสิ่งที่เลื่อนลอย อีกทั้งเป็นสิ่งที่ทิ้งไว้เพื่อมนุษย์คนอื่น” (บันทึกหะดิษโดยมุสลิม หะดิษเลขที่ 2490)
จากหะดิษ ชัดเจนแล้วว่า
ทรัพย์สินที่จะถือว่าเป็นของเขาผู้นั้น เพียง 3 กรณีเท่านั้น
คือ
1.เมื่อนำทรัพย์นั้นมารับประทาน
2.เมื่อนำทรัพย์สิ้นนั้นมาใช้จนชำรุด
3.เมื่อนำทรัพย์นั้นมาบริจาค
นอกจาก 3 กรณีดังกล่าว
ทรัพย์สินเหล่านั้นหาเป็นทรัพย์สินของเขาจริงๆไม่ เมื่อเขาได้ตายไป
เขาก็ไม่สามรถนำทรัพย์สินเหล่านั้นไปพร้อมกับตัวเขาได้เลย
ดังนั้นการลุ่มหลงกับทรัพย์สินบนโลกดุนยานี้
เป็นสิ่งที่เลือนลอย นอกจากเรานำมันไปใช้ประโยชน์ในหนทางที่ถูกต้อง
และให้เรานึกเสมอว่าทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ของเรา แต่มันเป็นกรรมสิทธิ์ของของอัลลอฮฺ ที่จะกลับคืนไปสู่พระองค์ จะทำให้เรามีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า
والله أعلم بالصواب
✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น