อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

เสียงเพลงและดนตรีที่สั่งห้ามในมัซฮับฮานาฟีย์



ท่านอิมาม อบูหะนิฟะฮฺ(ฮ.ศ.80-150) เป็นผู้ที่มีทัศนะที่แข็งกร้าวที่สุดในบรรดาอิมามทั้งสี่ท่าน แนวทางของท่านเป็นแนวทางที่เคร่งคลัดที่สุด
 ท่านเกลียดการร้องเพลง และถือเป็นบาป 
ส่วนบรรดาลูกศิษย์ของท่านก็ยืนยันข้อห้ามในการฟังดนตรีเพื่อความบันเทิงเริงรมย์และการห่าเวลาทุกรูปแบบ 
รวมทั้งเครื่องดนตรีประเภทเป่า(มะซามีรฺ เช่น ขลุ่ย ปี่ แตร ฯลฯ)
 เครื่องดนตรีประเภทตีทุกชนิด เช่น กลองรำมะนา กลองดุฟุฟ(กลองหน้าเดี่ยว เครื่องดนตรีประเภทนี้อนุญาตให้ใช้บางโอกาสตามที่ปรากฏในสุนนะฮฺของท่านรสุลุลลฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เท่านนั้น) 
หรือแม้กระทั้งการเคาะไม้ บรรดาอุละมาอฺเหล่านี้ระบุว่าการใช้เครื่องดนตรีดังกล่าวถือเป็นการดื้อดึงไม่เชื่อฟังอัลลอฺ และเป็นบาป 
ถึงขนาดไม่ยอมรับเป็นพยานของผู้กระทำเช่นนั้น และถือเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันต่อสู้เพื่อขจัดการฟังเพลงออกไปแม้ว่าเขาจะเพียงเดินผ่านไปพบเข้าขณะนั้นก็ตาม

ท่านอบูยูสุฟซึ่งเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺที่สุดคนหนึ่งกล่าวว่า
ถ้าเสียงเพลงหรือเสียงสนุกสนานรื่นเริงแว่วมาจากบ้านใดแล้ว สามารถเข้าไปในบ้านนั้นได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน (เพื่อทำการยับยั้ง ห้ามปราม



والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿








 


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น