อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การกล่าวเศาะลาวาตนบี หลังจากทุกสองรอกาอัตละหมาดตารอเวียะ เป็นสุนนะฮหรือบิดอะฮ



ในหนังสือ ฟะตาวาอัลฟิกฮียะฮอัลกุบรอ ของ อิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์ ปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ เล่ม 2 หน้า 205 ว่า

( وسئل ) فسح الله في مدته هل تسن الصلاة عليه صلى الله عليه وسلم بين تسليمات التراويح أو هي بدعة ينهى عنها ؟
( فأجاب ) بقوله الصلاة في هذا المحل بخصوصه . لم نر شيئا في السنة ولا في كلام أصحابنا فهي بدعة ينهى عنها من يأتي بها بقصد كونها سنة في هذا المحل بخصوصه دون من يأتي بها لا بهذا القصد كأن يقصد أنها في كل وقت سنة من حيث العموم بل جاء في أحاديث ما يؤيد الخصوص إلا أنه غير كاف في الدلالة لذلك

เขา(อิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย) (ขออัลลอฮได้โปรดให้อายุเขายาวออกไป) ถูกถามว่า สุนัตให้กล่าวเศาะลาวาตนบี ศอ็ลฯ ระหว่างสะลามของละหมาดตารอเวียะหรือไม่หรือมันคือบิดอะฮ?ที่ถูกห้าม
เขาตอบว่า " การกล่าวเศาะลาวาต ในสถานที่นี้ เป็นการเจาะจง ข้าพเจ้าไม่พบสิ่งใดๆในอัสสุนนะฮ และในคำพูดบรรดาสหายของเรา(ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี) มันคือบิดอะฮ ที่ถูกห้าม เมื่อผู้ที่ปฏิบัติมัน มีเจตนาว่ามันคือ สุนนะฮ ในสถานที่ที่เจาะจงนี้ โดยไม่ถูกห้ามผู้ที่ปฏิบัติมัน ที่ไม่ได้มีการเจตนาแบบนี้ เช่น เขามีเจตนาว่า มันคือสุนนะฮให้ปฏิบัติทุกเวลา โดยกว้างๆ(ไม่เจาะจง ) แต่ทว่า มันมีมาในบรรดาหะดิษ สิ่งที่สนับสนุนการเจาะจง นอกจากว่า แท้จริงมันไม่พอเพียงในการเป็นหลักฐานในดังกล่าว

สรุปจากฟัตวาของอิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์คือ
1. การเศาะลาวาตหลังจากทุกๆสลามของละหมาดตารอเวียะนั้น เป็นบิดอะฮที่ถูกห้าม สำหรับผู้ที่เจตนาว่า เป็นสุนนะฮเฉพาะเจาะจงในสถานที่นี้ (หมายถึงหลังทุกสลามของละหมาดตารอเวียะ)
2. ไม่ห้ามถ้าผู้กระทำเจตนาว่า เป็นสุนนะฮที่ไม่เจาะจง ทำได้ทุกเวลา
3. มีหะดิษที่มาสนับสนุนการเจาะจง แต่ไม่พอเพียงที่จะเอามาอ้างเป็นหลักฐาน


อิบนุอัลหาจญ (ร.ฮ)กล่าวว่า

وينبغي له أن يتجنب ما أحدثوه من الذكر بعد كل تسليمتين من صلاة التراويح ، ومن رفع أصواتهم بذلك ، والمشي على صوت واحد ؛ فإن ذلك كله من البدع ،

สมควรแก่เขา(หมายถึงอิหม่าม) ห่างใกลจากสิ่งที่พวกเขาได้ประดิษฐ์มันขึ้นมาใหม่จากการซิกิร หลังจาก สองสล่ามจากละหมาดตารอเวียะ ,จากการที่พวกเขาทำเสียงดังด้วยดังกล่าว และ ดำเนินไปบนเสียงเดียว (หมายถึงพร้อมๆกันเป็นเสียงเดียว) เพราะแท้จริง ดังกล่าวนั้นทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ - ดู อัลมัดคอ็ล 2/293 เรื่อง فصل في الذِّكر بعد التسليمتين من صلاة التراويح

สรุปคือ การซิกิร พร้อมๆกันด้วยเสียงอันดัง หลังจากทุกๆสองสลามของละหมาดตารอเวียยะนั้น จัดอยู่ในส่วนหนึ่งของบิดอะฮ


والله أعلم بالصواب

..........................
อะสัน  หมัดอะดั้ม






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น