อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โครงการ “ปราบปรามการปฎิบัติตามศาสนาอิสลาม และประเภณีท้องถิ่นของมุสลิม”ในประเทศจีน




ออนอิสลามรายงานว่า Nihad Awad ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของ Council on American-Islamic Relations (CAIR) หรือองค์กรมุสลิมแห่งอเมริกาเหนือ ได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ระบุว่า “ชาวมุสลิมในซีนเจียงอุยกูร์ ควรได้รับอิสระในศรัทธาของพวกเขา หลังมีการเปิดเผยว่าพวกเขาถูกบังคับโดยรัฐบาลท้องถิ่นในการห้ามการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ภายใต้โครงการ “ปราบปรามการปฎิบัติตามศาสนาอิสลาม และประเภณีท้องถิ่นของมุสลิม” ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลท้องถิ่น”
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับชายชาวมุสลิมที่ไวเครา และสตรีมุสลิมที่แต่งกายตามหลักการอิสลาม
“นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าชาวมุสลิมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกห้ามมิให้มีการศึกษาด้านศาสนา โดยมีการกำหนดอัตราโทษปรับที่สูงสำหรับครอบครัวที่ให้เด็กเรียนกุรอาน, เปิดเผยตัวว่าเป็นมุสลิม หรือถือศีลอด”
ทุกปีในเดือนรอมฎอนทางการจีนจะมีการออกมาตรการในการจำกัดสิทธิทางศาสนาต่อชาวมุสลิมอุยกูร์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ออกมาตรการในการห้ามสตรีสวมผ้าคลุมหน้า ในสถานที่สาธารณะของเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียง
กฏหมายที่มีขึ้นในพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ถูกดำเนินการภายใต้โครงการต่อต้าน “ความคลั่งไคร้ในศาสนา”
“ตามรัฐธรรมนูญของประเทศจีน ได้มีการรับประกันเสรีภาพในการนับถือศาสนาอิสลาม โดยจีนได้ลงนามในกฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ การประชุมสหประชาชาติเกี่ยวกับการขจัดทุกรูปแบบของการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ, สาธารณรัฐประชาชนจีนควรต้องสร้างความมั่นใจว่าชาวมุสลิมในซินเจียงและทั่วประเทศจีนจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ปลอดจากการเลือกปฏิบัติใด ๆ ของรัฐ และต่อต้านการเลือกปฏิบัติในการยั่วยุใด ๆ “จดหมายระบุ
“ชุมชนชาวมุสลิมอเมริกัน และแคร์ ขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาชนจีนดำเนินการเพื่อรักษากฎหมายของตัวเองและการประชุมระหว่างประเทศโดยการขจัดอุปสรรคทั้งหมดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันเสรีภาพทางศาสนาของชาวมุสลิมในซินเจียง, และสำหรับชาวมุสลิมทั่วประเทศจีน และเพื่อสิทธิของผู้อื่น ๆ สำหรับความเชื่อมั่นในประเทศของคุณ. “
แคร์ยังเรียกร้องขอพบทูตจีนในกรุงวอชิงตันดีซี และตัวแทนของชุมชนมุสลิมอเมริกัน และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาของเสรีภาพทางศาสนา
ชาวมุสลิมอุยกูร์เป็นชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาตุรกีมีประมาณ 8 ล้านบาทในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซินเจียง
ตั้งแต่ในปี 1955 บางส่วนของชาวซินเจียงได้ลุกขึ้นเรียกร้องเอกราชเป็นประเทศ เติร์กิสถานตะวันออก แต่ถูกปราบปรามอย่างหนักจากรัฐบาลจีน ต่อเนื่องจนปัจจุบัน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าทางการจีนของการปราบปรามทางศาสนากับชาวมุสลิมอุยกูร์ ในเขตปกครองตนเองซินเจียง โดยอ้างเรื่องการก่อการร้าย
ก่อนหน้านี้ในปี 2014 ซินเจียงห้ามการแสดงออกถึงความเป็นมุสลิมในสถานที่ราชการเช่นการสวยใส่เสื้อผ้าที่แสดงออกถึงความเป็นมุสลิม โดยทางการจีนอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการคลั่งไคล้ศาสนา
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาร้านค้าและร้านอาหารมุสลิมในหมู่บ้านในซินเจียงถูกสั่งให้ ขายบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งขัดต่อหลักการศาสนาอิสลาม



ที่มา - i-newsmedia.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น