อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวจากคนแปลกหน้า




ค่ำวันนั้น "สุ" ทะเลาะกับแม่
เธอได้หนีออกจากบ้าน ขณะที่เดินอยู่บนถนน
อย่างไร้จุดหมาย สุก็เพิ่งรู้ว่าเธอไม่มีเงินติดตัวมาเลย
ขณะที่ยืนเหม่อลอยอยู่นั้น สุก็มองเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง
เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ร้านนั้น
กลิ่นน้ำก๋วยเตี๋ยวที่หอมโชยขึ้นมา
ทำให้เธอรู้สึกอยากกิน แต่เธอไม่มีเงิน
สักครู่หนึ่ง หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว
ซึ่งมองเห็นสุยืนอยู่หน้าร้านนาน
แล้วก็ถามเธอว่า “หนู จะกินก๋วยเตี๋ยวหรือ?”
“ค่ะ แต่หนูไม่ได้เอาเงินมา...” เธอตอบอย่างอาย ๆ
“ไม่เป็นไร ป้าจะให้หนูกิน" เจ้าของร้านกล่าวด้วยความอ่อนโยน
“เข้ามานั่งในร้านก่อน เดี๋ยวป้าจะทำให้กิน”
สักพักหนึ่ง หญิงเจ้าของร้านก็ยกก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งมาให้
สุกินก๋วยเตี๋ยวเข้าไปได้สองสามคำ เธอก็น้ำตาไหล
“เป็นอะไรล่ะหนู?” หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูรู้สึกซึ้งน้ำใจป้าเท่านั้นค่ะ”
สุตอบขณะที่เช็ดน้ำตา แต่เธอก็ไม่สามารถเก็บความรู้สึกภายในใจได้
“แม้แต่คนแปลกหน้าบนถนนยังใจดีกับหนูเลยแต่แม่แท้ ๆ ของหนูเอง แค่ทะเลาะกันหน่อยก็ไล่หนูออกจากบ้านและไม่ยอมให้หนูเข้าบ้านอีกป้าเป็นคนแปลกหน้ายังเป็นห่วงหนู แต่แม่ของหนูสิ ร้ายกับหนูเหลือเกิน”
เธอระบายความในใจกับป้า
หญิงเจ้าของร้านก็ถอนหายใจและกล่าวว่า
“หนูคิดอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ?
คิดให้ดีสิ ป้าแค่ทำก๋วยเตี๋ยวให้หนูกินเพียงชามเดียว หนูก็ซึ้งใจแล้วแต่แม่หนูน่ะหาข้าวหาน้ำให้หนูกินตั้งแต่หนูยังเล็กจนกระทั่งถึงทุกวันนี้นะ หนูจะไม่ขอบคุณแม่บ้างเลยหรือ? หนูทะเลาะกับแม่ได้ลงคอหรือ?”
คำพูดของหญิงขายก๋วยเตี๋ยวทำให้สุนิ่งอึ้งและฉุกคิด
เธอรำพึงในใจว่า
“ทำไมเราไม่คิดเช่นนั้นบ้างนะ?
แค่ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวจากคนแปลกหน้า
เรายังรู้สึกว่าเป็นบุญคุณ
แต่กับแม่ที่หาข้าวหาน้ำให้เรากินมาตั้งแต่เกิด
ทำไมเราถึงไม่คิดบ้าง และที่เราทะเลาะกับแม่
ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อย ๆ เท่านั้น”
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวหมดถ้วยแล้ว
สุก็ขอบคุณหญิงขายก๋วยเตี๋ยว
และรีบกลับบ้านทันที
ขณะที่เธอเดินกลับบ้าน
เธอคิดถึงสิ่งที่เธอจะบอกแม่อยู่ในใจตลอดทางว่า...
“แม่ หนูเสียใจค่ะ หนูรู้ว่าหนูผิด ยกโทษให้หนูด้วยนะคะ”
เมื่อเธอมาถึงประตูบ้าน เธอก็เห็นแม่ของเธอกำลังกระวนกระวายใจ
มองหาเธอไปทั่ว เมื่อแม่เห็นเธอ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกดังลั่นจากแม่
“สุ เข้ามาในบ้านเร็ว แม่ทำอาหารไว้ให้แล้ว
ถ้าหนูไม่มากินตอนนี้เดี๋ยวจะเย็นหมด”
ทันทีที่สิ้นเสียง สุก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ
เธอเพิ่งรู้ว่าถึงแม้แม่จะดุเธอด้วยอารมณ์
แต่แม่ก็ยังคงรักและให้อภัยเธอ โชคดีที่เธอกลับมาบ้าน
สุเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของเด็กวัยรุ่นในครอบครัวและสังคมปัจจุบันเป็นเรื่องแปลกที่บ่อยครั้งเราจะขอบคุณคนที่อยู่รอบข้าง
เพียงเพราะคนเหล่านั้นทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้
แต่กับคนที่ใกล้ชิดเราและดีต่อเรามากที่สุด โดยเฉพาะพ่อแม่ของเราเรากลับลืมที่จะขอบคุณและกตัญญูรู้คุณ
ลองนั่งทบทวนดูก็ได้ว่า
ตั้งแต่เกิดมาเรากล่าวคำว่าขอบคุณกับพ่อแม่ของเรากี่ครั้ง
ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้เราทุกอย่าง

(รักพ่อรักแม่ ช่วยกันแบ่งปันสิ่งดีๆ เหล่านี้ ให้ลูก ๆ ทุกคนได้รับรู้)


..........................................
เรื่องจาก อาจารย์บรรจง บินกาซัน
อับดุลรอมาน หะระตี โพสต์






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น