อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มุสลิมที่ถูกอุปโลกน์ให้เป็นวะฮบีย์ แนวทางลัทธิบูชาเจว็จจริงหรือ?




ไม่น่าเชื่อว่า เพราะการที่ถูกปลูกฝัง ให้มี ความเกลียดชัง อคติ จึงทำให้คุณ AbdulHageem Al Ash'ari ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม ที่ชื่อว่า อะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ (ไม่แอบอ้าง)จึงหาญกล้าหุกุมพี่น้องว่า ถือลัทธิบูชาเทวรูป เพราะการยึดแนวทางบูชาเจว็จนั้น ไม่มีในอิสลาม แต่เป็นแนวทางของกาเฟร

ขอประณามและขอให้พี่น้องที่ถูกอธรรมช่วยกันประณามและตักเตือนโต๊ะครูคนนี้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่

บรรดาอายะฮ หะดิษและทัศนะของชาวสะลัฟมากมายที่แสดงบอกการอยู่ บนฟ้าของอัลลฮ ซึ่งหมายการอยู่เบื้องสูงด้วยซาตของพระองค์

ตัวอย่างหลักฐานดังกล่าว ก็คือคำตรัสของอัลลอฮ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ที่ว่า
أَأَمِنْتُمْ مَنْ فِي السَّمَاءِ أَنْ يَخْسِفَ بِكُمُ الْأَرْضَ فَإِذَا هِيَ تَمُورُ
พวกเจ้าจะปลอดภัยละหรือ จากการที่พระองค์ทรงสถิตย์อยู่ ณ ฟากฟ้า(หมายถึง ทรงสถิตอยู่เหนือฟากฟ้า)จะให้แผ่นดินสูบพวกเจ้าแล้วขณะนั้นมันจะหวั่นไหว
(สูเราะฮฺอัล-มุลกฺ 67 : 16)

และในหะดีษ
الرَّاحِمُونَ يَرْحَمُهُمُ الرَّحْمَنُ ارْحَمُوا أَهْلَ الأَرْضِ يَرْحَمْكُمْ مَنْ فِى السَّمَاءِ
“ผู้ที่เมตตาจะได้รับความเมตตาจากผู้ทรงเมตตา (ดังนั้น)จงเมตตาต่อชาวโลกเถิด (แล้ว)แล้วผู้ที่อยู่ ณ ฟากฟ้า(อัลลอฮ)ก็จะเมตตาพวกท่าน ] บันทึกโดยอบูดาวูด หมายเลขที่ 4941 และอัต-ติรมีซีย์ หมายเลขที่ 1924 ชัยคฺ อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่า หะดีษนี้เศาะฮีหฺ

อิหม่ามบุคอรี กล่าวว่า
وقال ضمرة بن ربيعة عن صدقة سمعت سليمان التيمي يقول لو سئلت أين الله لقلت في السماء فإن قال فأين كان عرشه قبل السماء لقلت على الماء فإن قال فأين كان عرشه قبل الماء لقلت لا أعلم قال أبو عبد الله وذلك لقوله تعالى { ولا يحيطون بشيء من علمه إلا بما شاء } يعني إلا بما بين
และฎอ็มเราะฮ บิน เราะบีอะฮ ได้รายงานจาก เศาะดะเกาะฮ ว่า ฉันได้ยินจากสุลัยมานอัตตัยมีย์ กล่าวว่า “ฉันถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ฉันตอบว่า “อยู่บนฟ้า แล้วถ้าเขากล่าวว่า “ อะรัชของพระองค์ อยู่ใหน ก่อนที่ มีฟากฟ้า ,ฉันก็จะกล่าวว่า “อยู่บนน้ำ แล้วถ้าเขากล่าวถามว่า อะรัชของพระองค์อยู่ใหน ก่อนที่มีน้ำ ฉันก็จะกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ ,อบูอับดุลลอฮ กล่าวว่า ดังกล่าวนั้นแหละ ที่อัลลอฮตะอาลาตรัสว่า
وَلاَ يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلاَّ بِمَا شَاء
และพวกเขาไม่ได้ล้อมรอบ (เข้าถึง) สิ่งใดจากความรู้ของพระองค์ เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
หมายถึง ยกเว้นสิ่งที่พระองค์อธิบายไว้ – คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด ของ อิหม่าม บุคอรี ๑/๓๘ หะดิษหมายเลข ๖๔ และอัลลาลุกาอีย์ ใน ชัรหุอุศูลุลเอียะติกอด หะดิษหมายเลข ๖๗๑

ฏอมเราะฮ บิน ชุอบะฮ เป็นปราชสะลัฟ เสียชีวิตปี ฮ.ศ ๒๐๒ เป็นปราชญที่เป็นที่ยอมรับว่าเชื่อถือได้ - สิยารุเอียะลามอัลนุบาลาอฺ เล่ม ๙ หน้า ๓๒๗ หัวข้อ ضَمْرَةُ بْنُ رَبِيعَةَ

มีหลักฐานมากมากมายที่ระบุถึงการอยู่เบื้องสูงอัลลอฮ แต่..สักกี่หมื่นกี่พันอายะฮ ก็คงไม่มีประโยชน์ กับคนประเภทนี้ และการกล่าวหาว่า มุสลิมที่ถูกเรียกวะฮบีย ยึดแนวทางบูชาเจว็ด มีคนกดไลน์ถูกใจ ณ เวลานี้ ๓๓๗ คน น่าหดหู่ยิ่งนัก

والله أعلم بالصواب


............................
อะสัน  หมัดอะดั้ม








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น