อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทาสทางวัฒนธรรม




วัฒนธรรมการแต่งกายในรูปแบบโป้เปลือยจากตะวันตกเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว เพราะเมื่อมันเหยียบย่างเข้าสู่สังคมใดแล้ว ก็จะทำให้วัฒนธรรมท้องถิ่น และขนบทำเนียมประเพณีของชนชาตินั้นๆ ต้องหายนะ เช่นที่อินเดีย ส่าหรี่ได้หลุดจากกายของสตรีอินเดียเป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่ญี่ปุ่น ชุดกิโมโนก็หลุดจากร่างสาวญี่ปุ่นไปแล้วเช่นกัน และใครที่ยังคงใส่ส่าหรีหรือชุดกิโมโนก็จะถูกมองว่าเป็นคนล้าหลัง หัวโบราณ อย่างนี้เป็นต้น

มิใช่ว่าผมจะเรียกร้องให้หญิงไทยกลับไปนุ่งโจงกระเบน เหมือนดังรุ่นคุณย่าทวด แต่วัฒนธรรมโป้-เปลือยของตะวันตกกำลังจะกลายเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยเสียแล้ว

สังเกตได้จากหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ ต่างแข่งขันกันนำภาพโป้-เปลือยของนางแบบใจถึงมาตีพิมพ์ที่หน้าหนึ่ง โดยสังคมไทยก็มองภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ หรือเป็นภาพที่ชินตา ขณะที่ดารานางแบบหลายคนยอมถ่ายนู๊ดเพื่อแลกกับเงินและเพื่อสร้างชื่อเสียง โดยพวกเขาไม่เรียกภาพเหล่านี้ว่าโป้-เปลือย แต่กลับเรียกมันว่า ภาพศิลป์

ยิ่งมองแฟชั่นตามท้องถนนด้วยแล้ว ยิ่งอนาถใจเหลือเกิน ที่วันนี้ลูกไทยหลานไทยใจกล้าหน้าด้านกันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งสายเดี่ยว เกาะอก เดินกันเพ่นพล่าน ไม่ใช่เฉพาะโชว์ท่อนบนกันอย่างเดียว บางคนใส่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ เป้าสั้นโชว์สะดือ และบางคนก็ใส่กระโปงผ่าจนถึงโคนขา อีกทั้งบางคนนุ่งสั้นจนกางเกงในแลบ ให้แลเห็นไหวๆ ยั่วยวนใจเสือ สิงห์ เสียเหลือเกิน

เมื่อก้าวขึ้นรถ ลงเรือ มันจะเหลืออะไร ยิ่งขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ ก็ต้องคอยเอากระเป๋ามาปิดแปะไว้ พอก้าวขึ้นเดินบนสะพานลอยเมื่อไหร่ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เป็นต้องคอแข็งขึ้นมาทันที ไอ้ที่ฟุ้งซ่านเกินคิด ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการฉุดไปข่มขืนบ้าง กระทำชำเรา อนาจารกันซึ่งๆหน้าบ้าง นึกขึ้นได้ว่ากระทำผิด ก็เลยปิดคดีด้วยการข่มขืนแล้วฆ่าก็หลายราย

อย่าว่าแต่หญิงเหล่านี้ที่กลัวการข่มขืน อนาจารเลย ชายบางคน..กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ต้องทำใจกันหลายยก บางคนต้องสูดลมหายใจลึกๆ นึกเสมอว่าวันนี้จะรอดกลับมาบ้านโดยไม่ทำผิดหรือเปล่า เพราะดาวยั่วดาวโป้ เดินกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง

ขณะที่รูปแบบการแต่งกายของตะวันตกกำลังไหลทะลักเข้าสู่ท้องถิ่นต่างๆ รวมถึงการแพร่ระบาดในสังคมมุสลิมด้วย จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการต่อสู้ทางวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น หากแต่การแต่งกายของสตรีมุสลิม (มุสลิมะห์) นั้นมิได้เป็นไปตามประเพณีท้องถิ่น หรือตามแชฟั่นอาหรับอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่เป็นการแต่งกายตามข้อกำหนดของศาสนา ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นภาพสตรีมุสลิมที่เคร่งครัด คลุมฮิญาบ เหมือนกันไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม

ปกติแล้ว..ผู้คนจะภูมิใจในการสวมใส่อาภรณ์ที่ออกแบบโดย ดีไซเนอร์ ชื่อดัง แต่สตรีมุสลิมภูมิใจยิ่งกว่า เพราะการแต่งกายที่เธอสวมใส่อยู่นั้น เป็นรูปแบบที่พระเจ้าออกแบบให้ และปรากฏอยู่ในคัมภีร์อัลกุรอาน

“และจงประกาศแก่หญิงผู้ศรัทธาทั้งหลายว่า นางจงลดสายตาของพวกนาง และรักษาอวัยวะสงวนของพวกนาง และจงอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่บางส่วนที่อนุมัติ และนางจงคลุมศรีษะของพวกนางโดยปิดมาถึงทรวงอก” ซูเราะห์อัลนูร อายะห์ที่ 31

อย่าดึงฮิญาบออกจากศรีษะของสตรีมุสลิมอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการยึดถือและปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาสนา


สังคมของเราถูกวัฒนธรรมตะวันตกแทรกแซง จนย่อยยับป่นปี้ แทบไม่เหลือร่องรอยของเค้าโครงเดิมไว้เลย เขาทำลายเราด้วยการสร้างกระแส สร้างค่านิยมใหม่ๆให้เรายอมรับซึ่งมันผิดไปจากเดิม โดยเราเรียกมันว่า รสนิยม และไอ้เจ้ารสนิยมนี่เองที่เป็นตัวแบ่งแยกคนสังคมให้ต่างระดับ วันนี้เรามีสังคมที่มีรสนิยมซึ่งถูกมองว่าเป็นสังคมของคนชั้นสูงถูกเรียกว่า สังคมไฮโซ กับสังคมของคนไร้รสนิยม หรือสังคมของชนชั้นต่ำ ถูกเรียกว่าพวกโลโซ ทำไมเราถึงให้การยอมรับไอ้รสนิยม,ค่านิยมอย่างฝรั่งมังค่า ทั้งๆที่เราเป็นคนไทย มิหนำซ้ำ เรายังยอมให้ไอ้ตัวนี้มันมาแบ่งคนในสังคมเป็นชนชั้นต่างๆ


คนไทยเคยภูมิใจกันนักหนา ว่าบ้านเมืองเรารอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก แต่หารู้ไม่ว่า ขณะนี้เรากำลังตกเป็นทาสทางวัฒนธรรม หรือพูดง่ายๆว่า ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นทาส และเมื่อหัวใจเรายอมเป็นทาสเขาแล้ว เขาจะหยิบยื่นสิ่งใดมา เราก็น้อมรับและเห็นดีเห็นงามไปกับเขาหมด นี่แหละรสนิยม ที่น่าจะเรียกกันใหม่ว่า รสนิยมของความเป็นทาส

บางคนถึงขนาดดัดลิ้นให้พูดไทยไม่ชัด ดัดจริตพูดไทยสำเนียงฝรั่ง หรือไม่ก็พูดไทยคำหนึ่งฝรั่งคำหนึ่ง หรือต้องการขายความเป็นนักเรียนนอก หรือต้องการขายความเป็นลูกครึ่ง แต่ฟังดูแล้วภาษาไทยก็ไม่ชัด ภาษาฝรั่งก็ไม่กระเดียด กลายเป็นพวกลิ้นไก่สั้นไปเสียนี่

ลองย้อนมาดูรสนิยมของความเป็นทาสในเรื่องการแต่งกายกันสักนิดเถอะ วันนี้ลูกหลานไทยเกือบจะแก้ผ้าเดินกันตามถนนแล้วจริงๆ เพราะยิ่งวันก็ยิ่งเปิด ยิ่งวันก็ยิ่งอยากโชว์ของสงวนที่อยู่ใต้อาภรณ์ ทำไมลูกหลานไทยใจกล้าหน้าด้านกันขนาดนี้ ที่ต่างจากสมัยก่อนก็คือ ผู้หลักผู้ใหญ่สมัยก่อนเขาสอนให้ลูกหลานรู้จักอาย รู้จักรักนวลสงวนตัว

สมัยที่ผู้เขียนยังเด็กอยู่ จำได้ว่าดาวยั่ว,ดาวโป้ในหนัง เขานุ่งกางเกงขาสั้นฟิตๆ เปิดหลังเปิดไหล่นิดหน่อย ก็ทำให้บรรดาเสือสิงห์กระทิงเปลี่ยวในขณะนั้นสูดปากกันลั่นโรงหนัง แต่เดี๋ยวนี้...ดาวยั่ว,ดาวโป้ที่เคยอยู่ในหนังมาเดินกันเต็มถนน เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือ ยิ่งยั่ว..ยิ่งโป้กว่าในหนังในอดีตเสียอีก บางคนใส่เสื้อเอวลอยโชว์สะดือ, บางคนนุ่งกางเกงชนิดสั้นหาเป้าไม่เจอ โชว์ง่ามก้นอะร้าอร่าม บ้างก็ใส่เสื้อเกาะอกที่หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อยากพิสูจน์ว่า มันเกาะอยู่ได้อย่างไร บางก็ใส่เสื้อบาง จนทำให้ดูเหมือนกับพรีเซ็นเตอร์ขายชุดชั้นในมาเดินโชว์กันกลางถนน

เท่านั้นยังไม่พอนะ...แฟชั่นทรงและสีผมก็ดูมาแรงไม่น้อย แต่บางคนนี่ดูแล้วน่าอดสูจริงๆ ชนิดหัวแดงแล้วดั้งหัก กลายเป็นลูกครึ่งลาวลูกครึ่งฝรั่งปานนั้น บ้างก็เซ็ทผมกันหลากสีสัน บางคนตัดสั้น (สกินเฮด) แล้วดันเซาะลวดลายเหนือใบหู อะไรกันวู้ย...

หรือว่าผู้เขียนแก่แล้ว ที่แลดูรสนิยมของวัยรุ่นปัจจุบันกลายเป็นเรื่องน่าสมเพช แต่สิ่งที่อยากให้คิดก็คือ วันนี้ตัวเราเป็นไทยแต่ใจเป็นทาส จริงอะป่าว....



والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น