อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การขริบหนวดไว้เคราในอิสลาม


การไว้เคราและขริบหนวดถือเป็นบทบัญญัติอิสลาม เป็บแบบอย่างจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นักวิชาการบางทัศนะเห็นว่าการไว้เคราและขริบหนวด เป็นสุนัตมุอักกะดะฮฺ(เน้นหนักให้กระทำ) นักวิชาการบางทัศนะเห็นว่ามันเป็นวาญิบ โดยอธิบาย ไว้ว่า การไว้เคราขริบหนวดตามทรรศนะที่ถูกต้องและมีน้ำหนักแล้วถือว่าเป็นวาญิบ โดยอาศัยหลักฐานต่อไปนี้

ท่านเซดบินอัรก็อม ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
مَنْ لَمْ يَأْخُذْ مِنْ شَارِبِهِ فَلَيْسَ مِنَّا
“ ผู้ใดไม่ตัดเล็มหนวด ผู้นั้นย่อมไม่ใช่พวกเรา ”
(บันทึกหะดิษโดยอัดติรมิซีย์)


عن ابن عمر عن النبي ( ص ) قال خالفوا المشركين وفروا اللحى وأحفوا الشوارب أخرجه البخاري ومسلم وغيره
จากท่านอิบนุ อุมัรฺเล่าว่า จากท่านนบีมุหัมมัด ( صلى الله عليه وسلم ) กล่าวว่า
"พวกท่านจงแตกต่างจากพวกมุชริกเถิด (โดย) พวกท่านจงปล่อยเครา และขริบหนวด" (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)

อีกสายรายงานหนึ่งระบุว่า " أحفوا الشوارب وأعفوا اللحى " ความว่า "พวกท่านจงขริบหนวด และปล่อยเคราเถิด"
ท่านอิบนุ อับดิลบัรฺกล่าวไว้ว่า
" يحرم حلق اللحية ولا يفعله إلا المخنثون من الرجال " يعني بذلك المتشبهين بالنساء "
ความว่า "ห้ามโกนเครา และไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น ยกเว้นบุคคลที่เป็นกะเทยเท่านั้น"
อีกทั้งท่านนบีมุหัมมัดเองก็มีเคราเป็นจำนวนมาก,ท่านญาบิรฺเล่าว่า " وكان النبي صلى الله عليه وسلم كثير شعر اللحية " ความว่า "ท่านนบีมุหัมมัดมีเคราเป็นจำนวนมาก" (บันทึกโดยมุสลิม)

จากหะดีษที่กล่าวมาข้างต้น นักวิชาการมีความเห็นว่า การขริบหนวด(ตามหลักฐานศาสนาให้ขริบหนวดไม่ใช่โกนหนวด)

ไว้เคราถือเป็นวาญิบ โดยเฉพาะอุลามาอฺในประเทศซาอุดิอาระเบียเกือบทั้งหมดมีทัศนะว่า การไว้หนวดไว้เคราเป็นวาญิบ (واجب) เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เป็นที่ต้องห้ามโกนหนวดโกนเคราทิ้งโดยเด็ดขาด หากมุสลิมีนคนใดกระทำการโกนหนวดโกนเครา ถือว่ามีความผิด

แต่อาจอนุญาตให้เล็มเคราออกได้เพียงเล็กน้อยเพื่อความสวยงามและความเรียบร้อย เนื่องจากมีหะดิษ
รายงานว่า “ท่านอับดุล ลอฮ์อิบนุอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้น เมื่อท่านทำฮัจย์หรือทำอุมเราะฮ์ ท่านจะกำเคราแล้ว เล็มส่วนที่ยาวเลยกำมือนั้น ” (บันทึกหะดิษโดยอัลบุคอรีย์)

และศาสนาไม่อนุญาตให้ปล่อยเคราสกปรกรกรุงรัง ต้องมั่นดูแลรักษา สระถูทำความสะอาด และหวีมันให้เรียบร้อย

รายงานจากท่านอะฏออฺอิบนุยะซาร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า มีชายคนหนึ่งมาที่ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะซัลลัม ในสภาพที่หัวยุ่งเครารุงรังดูไม่งาม ท่านจึงทำท่าคล้ายกับแนะนำให้เขาไปหวีผมหวีเครามาให้เรียบ ร้อยเสียก่อน แล้วชายคนนั้นก็กลับมาอีกครั้งในสภาพที่หวีผมและเครามาอย่างเรียบร้อย
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า
أَلَيْسَ هَذَا خَيْرًا مِنْ أَنْ يَأْتِيَ أَحَدُكُمْ ثَائِرَ الرَّأْسِ كَأَنَّهُ شَيْطَانٌ
“ อย่างนี้จะไม่ดูดีกว่ากระนั้นหรือ ? มีบางคนจากพวกท่านมาหาฉันในสภาพหัวฟุ้งเหมือนกับชัยฏอน ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมาลิก)

และการไว้หนวด(ขริบ) ปล่อยเครานั้น เป็นเอกลักษณ์ของมุสลิมชาย แตกต่างจากเพศหญิง หรือหลีกเลี่ยงการเลียนแบบเพศหญิง เว้นแต่เสียว่าเขาไม่มีหนวด ไม่มีเครา

อีกทั้งการขริบหนวดปล่อยเครา ยังเป็นการทำตัวให้แตกต่างจากพวกมุชริกอีกด้วย สาเหตุเพราะพวกมุชริกไม่ไว้หนวดไว้เครา และถือว่าเป็นการเลียนแบบพวกยะฮูดีย์ (ยิว) และนัศรอนีย์ (คริสเตียน) อีกด้วย
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า "من تشبه بقوم فهو منهم " ความว่า" บุคคลใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใดเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มนั้น" (บันทึกโดยอะหฺมัด)

อีกหะดีษหนึ่งระบุว่า " ليس منا من تشبه بغيرنا لا تشبهوا باليهود ولا بالنصارى "ความว่า "ไม่ใช่พวกของเรา บุคคลที่เลียนแบบอื่นจากแนวทางของเรา โดยเฉพาะอย่าเลียนแบบพวกยะฮูดีย์ และพวกนัศรอนีย์" (บันทึกโดยติรฺมิซีย์)

บางครั้งคนต่างศาสนิกบางคนโดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง (หรือแม้แต่มุสลิมด้วยกันเองที่สร้างเงื่อนไขว่าหากไม่โกนหนวดโกนเคราจะไม่ร่วมหลับนอนด้วย) มีอคติกับการปล่อยเคราของชายมุสลิม พยายามโน้มน้าวให้ไปโกนเคราทิ้ง โดยอ้างว่า เขาไม่ชอบ ไม่สบตา มันรกลูกตา หรือเป็นหนวดแพะ เป็นต้น ทั้งที่การไว้เคราเป็นเรื่องของศาสนา เหมือนดั่งที่พุทธศาสนา ที่พระต้องโกนหัว เพราะมันเป็นกฏเกณฑ์ที่พุทธเจ้าได้กำหนดไว้เช่นนั้น เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพระกับฆราวาส ซึ่งพระองค์ใดที่ไม่โกนศีรษะหรือไม่โกนคิ้ว เราสามารถพูดได้ว่าพระ องค์นี้ไม่ยึดมั่น,ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา

อิสลามก็เช่นเดียวกัน การที่มุสลิมต้องขริบหนวดไว้เครา ก็เป็นบทบัญญัติศาสนา เนื่องจากเป็นกฎเกณฑ์ที่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กำหนดไว้เช่นนั้นเหมือนกัน เพื่อให้ผู้คนทั้งหลายแลเห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้ชายที่เป็นมุสลิมกับมุสลิมะฮฺ หรือชายมุสลิมกับผู้ชายที่ไม่ใช่มุสลิม และถือว่ามุสลิมผู้นั้นปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัดเหมือนกันนั้นเอง

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น