อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผู้หญิงในฐานะแม่


โดย ชัยคฺ ยูซุฟ อัล-เกาะเราะฏอวียฺ
ตัสนีม แปลและเรียบเรียง
....................................
ความสัมพันธ์แรกของผู้หญิงคือความสัมพันธ์ที่มีต่อแม่ ซึ่งได้บากบั่นใน การอุ้ม ครรภ์ การคลอด การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลายของเธอ ประวัติศาสตร์นึกไม่ออกว่าศาสนา หรือ ระบอบใดที่ให้เกียรติแก่ผู้หญิงในฐานะของมารดาและ ยกฐานะเธอเหมือนที่ อิสลาม ได้ยก อิสลามได้ให้เกียรติผู้หญิงครั้งแล้วครั้งเล่าและสิ่งนี้ปรากฏขึ้นมาทันทีภายหลังจาก คำสั่งในการสักการะบูชาและศรัทธาต่ออัลลลอฮฺเพียงองค์เดียว อัลลลอฮฺทำให้มารดา ได้รับเกีรยติ ด้วยคุณงามความดีและพระองค์ทรงวางสิทธิของมารดาให้อยู่เหนือกว่าบิดา เนื่องจากความเหนื่อยยาก ในการอุ้มครรภ์ การคลอด การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลายของเธอ

สิ่งนี้ถูกกล่าวไว้ในอัล กุรอานหลายๆซูเราะฮฺประทับเรื่องนี้ไว้ในหัวใจของผู้เป็นลูก ดังอายะฮฺต่อไปนี้
“และเราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดามารดาของเขา โดยที่มารดาของเขาได้อุ้ม ครรภ์เขาอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขาในระยะสองปี เจ้าจง ขอบคุณข้า และบิดามารดาของเจ้า ยังเรานั้นคือการกลับไป”ลุกมาน 14 และอีกอายะฮฺ ที่ว่า “และเราได้สั่งเสียมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาด้วยความเหนื่อยยากและได้คลอดเขาด้วยความเจ็บปวด การอุ้มครรภ์เขาและ การหย่า นมของเขาในระยะเวลาสามสิบเดือน…”อัลอะฮฺก็อฟ 15

มีชายคนมาหาท่านเราะซูลได้ถามว่า ใครที่ควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่มากที่สุด ท่านเราะซูลตอบว่า แม่ ชายคนนั้นถามต่ออีกว่า แล้วจากนั้นใคร ท่านเราะซูลตอบว่า แม่ ชายคนนั้นถามอีกว่า แล้วจากนั้นใคร ท่านเราะซูลตอบว่า แม่ ชายคนนั้น ก็ได้ถามเป็นครั้ง ที่สี่ว่า แล้วจากนั้นใคร ท่านเราะซูลตอบว่า พ่อ (บันทึกโดย อิมามบุคอรีและมุสลิม)

อัล บัซซารรฺเล่าว่าชายคนหนึ่งกำลังฏอว๊าฟรอบกะอฺบะฮฺที่กำลังเอาใจใส่ต่อแม่ของ เขา ท่านเราะซูลถามเขาว่า ท่านกำลังตอบแทนความดีให้หล่อนกระนั้นหรือ? ชายคนนั้น ตอบว่า ไม่ครับ แม้แต่เสียงโอดครวญของเธอยังไม่สามารถตอบแทนได้เลย (บันทึกโดย อัลบัซซารฺ)

การทำดีต่อมารดามันหมายถึงการปรนนิบัติเป็นอย่างดี การให้ความเคารพ การให้ ความพึงพอใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ การเชื่อฟังในสิ่งที่ไม่ขัดกับการเชื่อฟังอัลลอฮฺ การแสวง หาความพอใจจากเธอในทุกๆเรื่องแม้เป็นเรื่องการทำญิฮาด ถ้าเลือกได้ท่าน

จะต้องได้รับการอนุญาตจากเธอเสียก่อน เนื่องจากว่าการทำความดีต่อเธอก็เป็นญิฮาด ประการหนึ่ง (ญิฮาดคือการต่อสู้ในทางจิตวิญญาณ กายภาพ จิตวิทยา และในทางจิตใจ) เพื่อที่จะรักษาความบริสุทธิ์และการปฏิบัติในอิสลาม

มีชายคนหนึ่งได้มาหาท่านเราะซูลและกล่าวว่า โอ้ ท่านเราะซูลของอัลลอฮฺ ฉัน ต้องการที่จะออกไปญิฮาด(ในหนทางของอัลลอฮฺ) และฉันต้องการคำแนะนำจากท่าน ท่าน ได้ถามชายผู้นั้นว่า แล้วท่านมีแม่ไหม ชายผู้นั้นตอบว่า มีครับ ท่านเราะซูลกล่าวว่า ท่านอย่าได้ทิ้งเขาเพราะว่าสวรรค์นั้นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ (บันทึกโดยอันนาซาอี, อิบนุ มาญะฮฺ, อัล ฮากิม)
กฏเกณฑ์บางศาสนาก่อนการ
มาของอิสลามได้ปล่อยปละละเลยในเรื่องบทบาทของ มารดา ทำให้พวกเธอไม่มีความหมาย ซึ่งการมาของอิสลามนั้นได้เชิดชูให้การเอาใจใส่ ต่อป้าน้าอาทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ ชายคนหนึ่งได้มาหาท่านเราะซูลและ กล่าวว่า ฉันได้ทำ การละเมิด ฉันจะไถ่โทษได้อย่างไร? ท่านเราะซูลถามว่า เจ้ามีแม่ไหม? ชายคนนั้น ตอบว่า ไม่มี ท่านได้ถามต่ออีกว่า แล้วท่านมีป้า น้า อาบ้างไหม? ชายคนนั้น ตอบว่า มีครับ ท่านเราะซูลบอกว่า ถ้างั้นจงทำดีต่อพวกเธอ (บันทึกโดย อัต ติรมีซียฺ)
เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ว่าอิสลามได้สั่งใช้พวกเราทำดีต่อแม่ ถึงแม้ว่าเธอเป็นผู้ปฏิเสธ ก็ตาม อัสมาอฺ บินติ อบูบักร ได้ถามท่านเราะซูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอ กับแม่ที่ ปฏิเสธศรัทธาที่ได้มาหาเธอ ท่านได้กล่าวว่า ใช่ เธอต้องทำความดีให้กับแม่ของเธอ (ดู อัล ลุลุ วัล มัรญาณ 587)

การชี้ให้เห็นว่าอิสลามนั้นเอาใจใส่ต่อความเป็นแม่ สิทธิของแม่และความรู้สึกของ พวกเธอนั่นคือแม่ที่ถูกหย่าร้างนั้นมีสิทธิอันยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ที่คู่ควรแก่การเลี้ยงดูบุตร มากกว่าพ่อ อับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ บิน อัล อัศ ได้รายงานว่ามีหญิงคนหนึ่งได้ถามว่า โอ้ ท่าน เราะซูลของอัลลอฮฺลูกชายของฉันคนนี้มีครรภ์ของฉันเป็นภาชนะทรวงอก ฉันเป็นที่ดื่มนม ตักของฉันเป็นที่นอนแต่พ่อของเขากลับเอาเขาไปจากฉัน ท่านเราะซูลกล่าวว่า “เธอจะมี สิทธิมากกว่า ถ้าเธอไม่แต่งงาน” (บันทึกโดยอิมามอะฮฺมัด,อบูดาวูด)
อิมาม อัล ค็อตเตาะบียฺกล่าวไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า มะอาลิม อัซ ซุนัน ในคำว่า “ภาชนะ” คือชื่อของสถานที่หนึ่งที่ไว้บรรจุอะไรบางอย่าง นี่หมายความแม่นั้นเป็นผู้คู่ควร ในฐานะที่เธอและสามีของเธอร่วมกันให้กำเนิดบุตรมา จากนั้นเธอต้องอยู่ตามลำพัง ต้อง เลี้ยงดู โดยสามีของเธอไม่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเธอจะได้รับ (สิทธิ) เป็นคนแรก เมื่อมีการขัดแย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับบุตร

ในสายรายงานของอิบนุ อับบาสที่กล่าวว่า ท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏ๊อบได้หย่าภรรยา คนหนึ่งของท่านนางเป็นชาวอันศ็อรฺ ซึ่งเธอเป็นแม่ของอาศิม เขาพบเธอกำลังอุ้มลูกอยู่ใน มัชอัร (ตลาดที่หนึ่งอยู่ระหว่างกุบาอฺกับมะดีนะฮฺ)ซึ่งเด็กนั้นได้หย่านมและก็เดินได้แล้ว อุมัรได้ยื่นมือของเขาเพื่อที่จะเอาลูกจากเธอและได้เกิดการขัดแย้งกันในเรื่องนี้จนกระทั่ง ลูกได้ร้องไห้ อุมัรพูดว่า ฉันสมควรที่จะเอาลูกไปเลี้ยงมากกว่าเธอ พวกเขาได้ร้องเรียน เรื่องนี้ ต่ออบู บักรซึ่งให้คำตัดสินว่า ผู้เป็นแม่สมควรที่จะได้เลี้ยงดูลูกของเธอ เขากล่าวว่า สถานที่ของเธอ เตียงของเธอ ตักของเธอดีกว่าสิ่งที่ท่านมีอยู่ จนกว่าเขาจะเติบโตและจะ เลือกด้วยตัวเขาเอง (ดู มะอาลิม อัซ ซุนัน 2181)

ผู้เป็นแม่นั้นได้รับความอุปถัมภ์เป็นอย่างมากในอิสลามและได้ให้สิทธิต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นภาระที่จะต้องกระทำ เธอจะต้องเอาใจใส่ลูกๆของเธอเลี้ยงดูเขาอย่างดี ปลูกฝัง คุณธรรมและทำให้พวกเขารังเกียจความชั่ว เธอจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้เชื่อฟังอัลลอฮฺ กระตุ้นพวกเขาให้ออกมาปกป้องในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และอย่าได้รั้งพวกเขาในการต่อสู้ เพื่ออัลลอฮฺเนื่องจากว่าความรู้สึกอ่อนไหวที่อยู่ในหัวใจของนาง แต่ความถูกต้องอยู่เหนือ ความรู้สึก

เราเห็นแม่ที่มีความศรัทธาที่ชื่อว่า อัล ค็อนซาอฺ ในสงครามกอดีซียะฮฺที่เธอได้กระตุ้นลูกชายของเธอทั้งสี่คนให้มีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว พอสงครามก็ยุติลงและข่าวในเรื่องการตายของพวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงเธอ เธอมิได้ร้องครวญครางแต่ยังคงดำเนินชีวิตต่อไป แถมยังกล่าวด้วยความหนักแน่นและความอิ่มอกอิ่มใจว่า อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ ที่อัลลอฮฺทรงให้เกียรติฉันด้วยการตายการชะฮีดของพวกเขาเพื่อ ความศรัทธาที่มีต่ออัลลอฮฺ
……………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น