อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ฮันซอละฮฺผู้ัที่มลาอิกะฮฺอาบน้ำให้


วันที่ 7 แห่งสงครามอุฮุด ขณะที่มุสลิมีนกับมุชริกีนทั้งสองฝ่ายหยุดเผชิญหน้ากันชั่วครู ยังไม่เปิดฉาก
สู้รบกันอีกครั้ง ฮันซอละฮฺบุรุษหนุ่มนามอุโฆษขออนุญาตท่านนบี(ศอลัลลัลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)แต่งงานและเป็นอยู่ฉันท์สามีภรรยากับญะมีละฮฺ บินติ อับดิลลาฮ

หลังจากที่ทั้งสองได้เข้าพิธเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นคู่ครองกันแล้ว ทั่งคู่ได้ถ่ายโอนความสุขแก่กันได้ไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง ในคืนแรกแห่งการอยู่ร่วมกันของอดีตสองคนแปลหน้านี้เอง เสียงประกาศแห่งสัจธรรมได้ดังก้องกังวลาไปทั่วอณาบริเวณที่มุสลิมตั้งหลักปักฐาน

“ฮัยยะอะลัลญิฮาด ฮัยยะอะลัลญิฮาด”

ฮันซอละฮฺคือหนึ่งในผู้ที่ตอบรับเสียงเรียกขานในบัดดล เขายอมละทิ้งความสุขทุกประการ สละจากภรรยาสุดที่รัก สละจากการนอนหลับใหล สละจากความสุขแห่งดุนยาทั้งปวง สละกระทั่งเวลาที่จะอาบน้ำญะนาบะฮฺสำหรับคืนแรกแห่งการเป็นเจ้าบ่าว

ฮันซอละฮฺเข้าเผชิญหน้ากับบรรดามุชริกแบบไม่กลัวตาย ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮย่างกล้าหาญ ฟาดฟันศัตรูอย่างห้าวหาญเยี่ยงสิงห์ แต่ท้ายที่สุดเขาได้ถูกปลดชีวิตลงด้วยปลายหอกและคมดาบในสภาพของอัชชะฮีด

สงครามสงบลง ท่านนบีได้ตรวจสอบดูความเสียหาย และการเสียชีวิตของเหล่าศอหาบะฮฺในสมรภูมิอุฮุด

แล้วนำเรื่องราวของฮันซอละฮฺกลับมาถามเหล่าศอหาบะฮฺอย่างฉงนสงสัย

เรื่องรางของฮันซอละฮฺเป็นอย่างไรกัน? ฉันเห็นมลาอิกะฮฺอาบน้ำศพให้แก่สหายของพวกท่านผู้นี้” บรรดาศอหาบะฮฺจึงนำเรื่องดังกล่าวไปซักถามครอบครัวของจนทราบความจากภรรยาของฮันซอละฮฺว่า
“บังได้ออกไปสงครามโดยที่ยังไม่ทันเปลื้องญะนาบะฮฺเลยค่ะ…”

ท่านนบีจึงกล่าวว่า “มิน่าล่ะ ฉันจึงเห็นมลาอิกะฮฺมาอาบน้ำให้”

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ฮันซอละฮฺจึงได้รับสมญานามว่า “ฆ่อซีลุลมลาอิกะฮฺ” ผู้ที่มลาอิกะฮฺอาบน้ำให้
เรื่องราวของฮันซอละฮฺไม่ได้จบแค่นี้หรอกครับ เพียงแต่ว่าในประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวไว้ถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่ฮันซอละฮฺพึงได้รับสำหรับตำแหน่งอัชชะฮีด

 ฮันซอละฮฺยังคงเสวยสุขจากผลงานที่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเรื่องนี้คงมีหลากด้าน หลายมุม ที่จะได้รับต่างกันไป แต่มุมหนึ่งที่เห็นได้ชัดและสามารถตอบคำถามข้างต้นได้ คงบอกได้เต็มปาดว่า ฮันซอละฮฺนี่แหล่ะคือ “นักเผยแผ่สัจธรรม” หรือ “นักต่อสู้เพื่อสัจธรรม” ตัวจริงคนหนึ่ง

สัจธรรมที่หมายถึง ไม่ใช่เพียงการเผชิญหน้ากับศัตรูแล้วต่อสู้ด้วยคมหอกคมดาบอย่างเดียวนะครับ การชนะอารมณ์ตนเอง การยืนหยัดบนหลักการศาสนา การลำดับความสำคัญ การเชื่อฟังท่านนบีก็นับเป็นบทเรียนที่เราควรได้นับจากวีรบุรุษผู้นี้

การที่ผมนับให้ฮันซอละฮฺเป็น “นักต่อสู้เพื่อสัจธรรม” ตัวจริงเนื่องจากท่านสามารถปฏิบัติตามคำสั่งของท่านนบีได้ทุกสภาวการณ์นั่นเอง

จะมีใครละครับ ในภาวพสงครามที่เขาพร้อมนำเอาซุนนะฮฺเรื่องการแต่งงานมาเจริญรอยตาม และจะมีใครอีกเล่าครับในภาวะแห่งการมีความสุขกับภรรยาคืนแรรกที่จะกล้าปฏิบัติตามคำเรียกร้องของท่านนบีให้ออกมาญิฮาด

....................
เขียนโดย อบูนัซซอเราะฮฺ


ที่มา : คอลัมบ์ คนในประวัติศาสตร์ วารสารโรตีมะตะบะ ฉบับที่ 26
http://bushrohouse.wordpress.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น