อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เตาฮีต การให้อัลลอฮฺเป็นหนึ่งเดียว


บรรดานักวิชาการให้คำนิยามของคำว่า เตาฮีต ว่าการให้เอกภาพต่อพระองค์อัลลอฮฺ หรือการให้อัลลอฮฺเดียวในการเชื่อและการสักการะ

พระองค์อัลลอฮ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ ( 1 )
จงกล่าวเถิด มุฮัมมัด พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ

اللَّهُ الصَّمَدُ ( 2 )
อัลลอฮฺนั้นทรงเป็นที่พึ่ง
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอิคลาศ อายะฮฺที่1-2)
إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ ( 5 )
เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ อายะฮฺที่ 5)

เรื่องเอกภาพจำแนกเป็นประเด็นใหญ่ๆ ได้ 3 ประการ คือ

1.เอกภาพในการศรัทธา หรือ เตาฮีตรุบูบียะฮฺ หมายถึง การเชื่อหรือศรัทธาว่าพระองค์อัลลอฮฺเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ที่เกิดขึ้นจากหัวใจที่ศรัทธาอย่างแท้จริง
หากเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า แต่ขณะเดียวกันก็ยังศรัทธาต่อสิ่งอื่นอีก เช่น เชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าไปพร้อมกับการเชื่อว่าวันเวลา สถานที่ บุคคล ดิน ฟ้า อากาศ ดวงดาว เครื่องรางของขลัง ตะกรุด อะซีมัต เชือกกะแนะที่ใช้คาดเอวเด็ก ผ้ายันต์ หรือวิ่งวอนต่อผู้ตายให้ผู้ตายเป็นสื่อในการวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ มีอิทธิพลหรือศักดิ์สิทธ์ต่อตนเองด้วย เช่นนี้ไม่ถือเป็นการศรัทธาในเอกภาพ หรือความเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวของพระองค์อัลลอฮฺ
ดังบรรดามุชรีกีนในมักกะฮฺ ขณะที่ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เผยแพร่อิสลาม พวกเขาต่างเชื่อว่า “อัลลอฮฺเป็นพระเจ้า” “เป็นผู้สร้าง” แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เชื่อและศรัทธาต่อเทพเจ้าอื่นๆ ท่พวกเขาบวงสรวงหรือวิงวอนขอด้วย โดยพวกเขายังเชื่อมั่นว่ายังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกนอกเหนือจากอัลลอฮฺ

พระองค์อัลลอฮ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัส เกี่ยวกับบรรดามุชรีกีน ว่า
وَلَئِن سَأَلْتَهُم مَّنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ لَيَقُولُنَّ اللَّهُ ( 61 )
และถ้าเจ้าถามพวกเขา ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอัลกะบูต 29 อายะฮฺที่ 61)


2.เอกาภาพในการถวายสักการะ หรือ เตาฮีตอุลูฮียะฮฺ คือ การเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียวด้วยการเคารพภักดี ไม่ปฏิเสธคำสั่งใช้และคำสั่งห้าม หรือถวายการสักการะต่อพระองค์อัลลอฮฺเพียงผู้เดียว

การเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว หรือหนึ่งเดียว นั้นยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของการเป็นมุสลิม ยังต้องวิงวอนขอถวายสักการะแต่พระองค์เพียงผู้เดียวอย่างแท้จริง
พระองค์อัลลอฮ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
وَمَا أُمِرُوا إِلَّا لِيَعْبُدُوا اللَّهَ ( 5 )
“และพวกเขามิได้ถูกใช้เพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อสักการะต่อพระองค์อัลลอฮฺ”
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลบัยยินะฮฺ 98 อายะฮฺที่ 5)


وَقَضَىٰ رَبُّكَ أَلَّا تَعْبُدُوا إِلَّا إِيَّاهُ ( 23 )
และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอิสรออ์ 17 อายะฮฺที่ 23)

فَلَا تَدْعُوا مَعَ اللَّهِ أَحَدًا ( 18 )
“ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้วิงวอนต่อผู้ใดควบคู่ไปกับอัลลอฮฺ”
อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลญีน 72 อายะฮฺที่ 18)

قُلْ أَرَأَيْتَكُمْ إِنْ أَتَاكُمْ عَذَابُ اللَّهِ أَوْ أَتَتْكُمُ السَّاعَةُ أَغَيْرَ اللَّهِ تَدْعُونَ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ ( 40 )
จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ท่านได้เห็นพวกท่านแล้วมิใช่หรือ? หากการลงโทษของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน หรือวันกิยามะฮ์ ได้มายังพวกท่านอื่นจากอัลลอฮ์ กระนั้นหรือ ที่พวกท่านจะวิงวอนหากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง

بَلْ إِيَّاهُ تَدْعُونَ فَيَكْشِفُ مَا تَدْعُونَ إِلَيْهِ إِن شَاءَ وَتَنسَوْنَ مَا تُشْرِكُونَ ( 41 )
มิได้ เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกท่านจะวิงวอนขอ แล้วพระองค์ก็จะทรงปลดเปลื้องสิ่งที่พวกท่านวิงวอนให้ช่วยเหลือ หากพระองค์ทรงประสงค์ และพวกเจ้าก็จะลืมสิ่งที่พวกเจ้าให้มีภาคีขึ้น
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอันอาม 6 อายะฮฺที่ 40-41)

ดังนั้นหากยังสักการะวิงวอนหรือบวงสรวงต่อสิ่งอื่นอีก และปฏิเสธคำสั่งใช้หรือคำสั่งห้าม ถือว่าเขายังมอบหมายการสักการะต่อพระองค์อัลลอฮฺเพียงหนึ่งเดียว ดังเช่นอิบลิสแห่งชัยฏอนที่มันรู้จักอัลลอฮฺ และเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า แต่มันก็ยังปฏิเสธคำสั่งของอัลลอฮฺ

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
قَالَ مَا مَنَعَكَ أَلَّا تَسْجُدَ إِذْ أَمَرْتُكَ قَالَ أَنَا خَيْرٌ مِّنْهُ خَلَقْتَنِي مِن نَّارٍ وَخَلَقْتَهُ مِن طِينٍ ( 12 )
พระองค์ตรัสว่า อะไรที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุยูด ขณะที่ข้าได้ใช้เจ้า มันกล่าวว่า ข้าพระองค์ดีกว่าเขา โดยที่พระองค์ทรงบังเกิดข้าพระองค์จาไฟ และได้บังเกิดเขาจากดิน
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอะรอฟ 7 อายะฮฺที่ 12)

وَإِذْ قُلْنَا لِلْمَلَائِكَةِ اسْجُدُوا لِآدَمَ فَسَجَدُوا إِلَّا إِبْلِيسَ أَبَىٰ وَاسْتَكْبَرَ وَكَانَ مِنَ الْكَافِرِينَ ( 34 )
และจงรำลึกถึง ขณะที่เราได้กล่าวแก่มะลาอิกะฮฺว่า พวกเจ้าจงสุยูด แก่อาดัมเถิด แล้วพวกเขาก็สุยูดกัน นอกจากอิบลีส โดยที่มันไม่ยอมสุยูด และแสดงโอหัง และมันจึงได้กลายเป็นผู้สิ้นสภาพแห่งการศรัทธา (กาฟิรฺ)
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 34)


قَالَ أَنظِرْنِي إِلَىٰ يَوْمِ يُبْعَثُونَ ( 14 )
มันกล่าวว่า โปรดผ่อนผันข้าพระองค์จนถึงวันที่พวกเขา ถูกให้ฟื้นคืนชีพด้วยเถิด
قَالَ إِنَّكَ مِنَ الْمُنظَرِينَ ( 15 )
พระองค์ตรัสว่า แท้จริงเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ที่ได้รับการผ่อนผัน
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอะรอฟ อายะฮฺที่ 14-15)

3. เอกภาพในนามและคุณลักษณะ หรือเตาฮีตอัลอัสมาอ์วัลซิฟาติ คือ
(1)นามของพระเจ้า และ
(2) คุณลักษณะนาม

ลักษณะนามของอัลลอฮฺ

คำว่า อัลลอฮฺ มีที่มาจากการที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขนานนามพระองค์เอง

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

يَا مُوسَىٰ إِنِّي أَنَا اللَّهُ رَبُّ الْعَالَمِينَ ( 30 )
“โอ้มูซาเอ๋ย ! แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลเกาะศ็อศ 28 อายะฮฺที่ 30)


اللَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لَا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلَا نَوْمٌ لَّهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ مَن ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِندَهُ إِلَّا بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلَّا بِمَا شَاءَ وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَلَا يَئُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ ( 255 )
อัลลอฮ์นั้น คือ ไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต ผุ้ทรงบริหารกิจการทั้งหลาย โดยที่การง่วงนอน และการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์ ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ล้อมสิ่งใด จากความรู้ของพระองค์ไว้ได้ นอกจากสิ่งที่พระองค์ประสงค์เท่านั้น เก้าอี้พระองค์นั้นกว้างขวางทั่วชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการรักษามันทั้งสองก็ไม่เป็นภาระหนักแก่พระองค์ และพระองค์นั้นคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิงใหญ่
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลบากอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 255)


يَا أَهْلَ الْكِتَابِ لَا تَغْلُوا فِي دِينِكُمْ وَلَا تَقُولُوا عَلَى اللَّهِ إِلَّا الْحَقَّ إِنَّمَا الْمَسِيحُ عِيسَى ابْنُ مَرْيَمَ رَسُولُ اللَّهِ وَكَلِمَتُهُ أَلْقَاهَا إِلَىٰ مَرْيَمَ وَرُوحٌ مِّنْهُ فَآمِنُوا بِاللَّهِ وَرُسُلِهِ وَلَا تَقُولُوا ثَلَاثَةٌ انتَهُوا خَيْرًا لَّكُمْ إِنَّمَا اللَّهُ إِلَٰهٌ وَاحِدٌ سُبْحَانَهُ أَن يَكُونَ لَهُ وَلَدٌ لَّهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ وَكَفَىٰ بِاللَّهِ وَكِيلًا ( 171 )
อะฮ์ลุลกิตาบทั้งหลาย จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขต ในศาสนาของพวกเจ้า และจงอย่ากล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮฺ นอกจากสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น แท้จริง อัล-มะซีฮ์ อีซาบุตรของมัรยัมนั้น เป็นเพียงร่อซูลของอัลลอฮฺ และเป็นเพียงดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงกล่าวมันแก่มัรยัม และเป็นเพียงวิญญาณหนึ่งจากพระองค์ เท่านั้น ดังนั้นจงศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์เถิด และจงอย่ากล่าวว่าสามองค์เลย จงหยุดยั้งเสียเถิด มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ควรได้รับการเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการที่จะทรงมีพระบุตร สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้น และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอันนิซาอ์ อายะฮฺที่ 171)

บรรดามุสลิมจะเรียกนามพระเจ้าว่า “อัลลอฮฺ” ซึ่งเป็นนามที่พระองค์อัลลอฮฺพอพระทัย และคำนี้สงวนสิทธิ์ที่จะเรียกชื่อพระเจ้าเพียงองค์เดียว ไม่อนุญาตให้ตัดทอนนามของพระองค์ เช่น ฮา ,ฮู ,อาฮ์ๆๆ ซึ่งถือเป็นการเอานามของพระเจ้ามาล้อเล่น และไม่ใช้อักษรย่อนามของพระเจ้า เช่น ไม่ใช่อักษรย่อว่า อ.ล. หรือ อ.ล.(ศ.บ.) เป็นต้น

คุณลักษณะนาม

นอกเหนือจากคำว่าอัลลอฮฺ ที่พระเจ้าได้ทรงขนานนามพระองค์เองแล้ว ยังมีลัษณะนามอีกหลายประการ
พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

وَلِلَّهِ الْأَسْمَاءُ الْحُسْنَىٰ فَادْعُوهُ بِهَا وَذَرُوا الَّذِينَ يُلْحِدُونَ فِي أَسْمَائِهِ سَيُجْزَوْنَ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ ( 180 )
“และอัลลอฮ์นั้นมีบรรดาพระนามอันสวยงาม ดังนั้นพวกเจ้าจงเรียกหาก พระองค์ด้วยพระนามเหล่านั้นเถิด และจงปล่อยบรรดาผู้ที่ทำให้เฉ ในบรรดาพระนามของพระองค์เถิด พวกเขานั้นจะถูกตอบแทนในสิ่งที่พวกเขากระทำ
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 180)

คุณลักษณะนามของอัลลอฮฺ เป็นพระนามที่พระองค์ได้ทรงแจ้งลักษณะด้วยพระองค์เอง ไม่ใช่ผู้ใดจะช่วยคิดค้นหรือสรรหาลักษณะของพระองค์อัลลอฮฺด้วยปัญญา

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น