อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เผ่าเร่ร่อนที่ถูกพระเจ้าสาปแช่ง



เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ(เวทย์มนต์สิ่งเร้นลับ) และอัฏ-ฏอฆูต(สิ่งที่นำไปสู่การละเมิดขอบเขตศาสนาของอัลลอฮฺ)  และกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ว่า พวกเขาเหล่านี้แหละเป็นผู้อยู่ในทางที่เที่ยงตรงกว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ชนเหล่านี้คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงละอนัต(สาปแช่ง) แก่พวกเขา และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงละอนัต(สาปแช่ง) แก่พวกเขาแล้ว เจ้าจะไม่พบว่ามีผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเขาเลย  [อันนิซาอฺ :51-52]

ยิว (Jewish) ชาวยูดาห์ Yəhuda        

ประวัติของชาวยิวเกี่ยวข้องกับอาณาจักรของเผ่ายูดาห์ Yəhuda นามบุตรชายหนึ่งใน12คนของนบียะกูบ Jacobพวกเขาใช้สิงโตเป็นสัญลักษณ์ประจำเผ่า   ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยุ่ในส่วนอื่นๆไม่มีสิทธิเรียกตัวเองว่าชาวยิว พวกเขาใช้คัมภีร์พันธสัญญาเก่า ฮิบรูไบเบิล เป็นกฏหมายปกครอง มิใช่เฉพาะลูกหลานของยูดาห์เท่านั้นที่เป็นส่วนหนึ่งของยิวที่ฝ่าฝืน แต่ทว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ยึดกุมอำนาจ และสร้างความเสียหายไว้มากที่สุด ในหมู่ลูกหลานของอิสราเอล (นบียะกูบ)

ประมาณ900ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรยูดาห์รุ่งเรืองขึ้น หลังการแตกแยกกันของชาวอิสราเอลในสมัยของนบีสุลัยมาน อาณาจักรอิสราเอลกลายเป็นอาณาจักรเหนือและใต้ อาณาจักรเหนือเรียกตัวเองว่าอาณาจักรอิสราเอล ส่วนอาณาจักรใต้ถูกปกครองโดยเผ่ายูดาห์  ยิวทั้งหมดคืออิสราเอล แต่ไม่ใช่อิสราเอลทั้งหมดที่เป็นยิว

ประมาณ700ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรเหนือของอิสราเอลถูกตีแตกโดยชาวอัสซีเรียนอารยธรรมเมโสโปเตเมีย (อิรักปัจจุบัน) ชาวอาณาจักรเหนือ แตกออกเป็นเผ่าย่อยๆของอิสราเอลสิบเผ่าที่ระเหเร่ร่อนไปทั่วโลก

ประมาณ600ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรใต้ของชาวยูดาห์ที่รอดพ้นการรุกรานของชาวอัสซีเรียน  ถูกทำลายล้างราบคาบโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ Nebukadnezer ชาวเมืองถูกกวาดต้อนไปยังบาบิโลเนีย

ประมาณ 400ปีก่อนคริสตกาล ชาวยิวที่อยู่ในทางนำได้กลับสู่อิสราเอลอีกครั้งด้วยการปลดปล่อย ของกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย(ซุลกอรนัยน์) ส่วนยิวหัวกบฏในบาบิโลนกลายเป็นพวกบูชาชัยตอน อ้างว่าเชื้อสายของนบีอุไซร Ezra เป็นบุตรของพระเจ้า ใช้คัมภีร์ตัลมูดไสยศาสตร์แห่งบาบิโลน และปฏิเสธคัมภีร์เตารอต

ประมาณ 300ปีก่อนคริสตกาล ยิวเผยแพร่ความเชื่อเรื่องพระบุตรของพระเจ้า เข้าสู่อาณาจักรกรีกในยุคสมัยของ อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ผู้เดินทางพิชิตดินแดนตะวันออก (เปอร์เซีย) กษัตริย์ชาวกรีกจึงอ้างตัวเป็นพระบุตรของ  ซีอุส Zeus

ประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล ชาวยิวรบกับโรมันถูกกวาดต้อนเป็นเชลย และตั้งรกรากในอาณาจักรโรมัน เยรูซาเล็มล่มสลาย หลังการล่มสลายชาวยิวก็ไม่สามารถกู้และผนึกรวมอาณาจักรของนบีสุไลมานนี้กลับมาได้อีกเลย ในอีก300 ปีต่อมาต่อมาชาวยิวจึงยุยงให้พวกวิสิโกธและฮัน ชาวยุโรปตะวันออก เข้ารุกรานโรมันตะวันตก เมื่ออาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลายลง ชาวคริสเตียนโรมันจึงเข้าสู่กลียุค ที่เรียกว่ายุคกลาง Medieval



ตราราชสีห์ประจำเผ่าเยฮูดาYəhuda บนตราประจำเมืองเยรูซาเล็ม
ปัจจุบันเรามักพบเห็นตราราชสีห์นี้ในองค์กรต่างๆของชาวคริสเตียน


รูปปั้น Lion of judah สัญลักษณ์แห่งผู้ปกป้องของชาวยิว



คับบาลา(Cabalists) คำสั่งสอนแห่งอำนาจลี้ลับ

  ชาวยิวในอาณาจักรเหนือซึ่งถูกยึดครองโดยชาวอัสซีเรียน ได้ศึกษาศาสตร์ลี้ลับของชาวตะวันออก พวกเขาผูกโยงเรื่องราวของพระเจ้าของพวกเขาเข้ากับเทพเจ้าและอำนาจลึกลับของจักรวาล นักบวชของพวกเขาได้แก้ไขและเขียนคัมภีร์โดยอ้างว่าพวกเขาเข้าถึงอำนาจลี้ลับที่ทำให้เข้าถึงสถานะของพระเจ้า เมื่อถูกจับเป็นเชลยในบาบิโลน พวกเขาได้ต่อยอดการศึกษาศาสตร์ลี้ลับจากชาวบาบิโลเนีย หลังอาณาจักรถูกตีแตก ชาวยิวทั้งหมดถูกจับไปเป็นเชลย พวกเขาได้พบเห็นความร่ำรวย ความหรูหราจากการค้าขายเทวรูป และธุรกิจบนความงมงายของผู้คนทั่วทุกสารทิศซึ่งมาค้าขายที่บาบิโลน ด้วยความเฉลียวฉลาดของพวกเขาทำให้เหล่านักบวชยิวได้รับตำแหน่งในราชสำนักและเป็นโหราจารย์ซึ่งทำหน้าที่ทำนายทายทักให้แก่กษัตริย์ของบาบิโลน

พวกเขาศึกษาศาสตร์ลี้ลับ เพื่อการค้นหาและอธิบายความสัมพันธ์ของความเป็นนิรันดร์ กับ การสร้างสรรค์จักรวาลบนธรรมชาติที่มีจุดสิ้นสุด เพื่อไขปัญหานี้ พวกเขาจึงค้นคว้าเพื่อการกำหนดธรรมชาติของเอกภพการดำรงอยู่ของมนุษย์ และวัตถุประสงค์แห่งการดำรงอยู่ บนคำว่าวิวัฒนาการ  Evolutionคำสอนนี้ยังดำรงอยู่อย่างเด่นชัดในปรัชญาทางวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน 

                 
 
ฟาริซีย์ (The Pharisees) สมาคมยิวกบฏ

กลุ่มยิวชาตินิยมนักเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่งในช่วงยุคสุดท้ายของอาณาจักรยูดา ซึ่งเชื่อว่าเมไซอาห์จะมาในเชื้อสายของพวกตน หลังการมาของผู้ปลดปล่อยยิวออกจากบาบิโลเนีย ผู้สร้างลัทธิคับบาลา สมาคมลับชาวยิวเพื่อนำชาวยิวกลับสู่อิสราเอล คำสอนของพวกเขาถูกถ่ายทอดในรูปแบบคัมภีร์ที่ชื่อ(Talmud )ตัลมูด และถูกปรับแก้ไขจนกลายเป็นคัมภีร์สุดท้ายที่ชื่อ Sepher ha Zohar (เซเฟอร์ ฮา โซฮาร์) พวกเขารวมกลุ่มกันด้วยภราดรภาพความเป็นพี่น้องทางสายเลือด กำหนดกฏเกณฑ์การอยู่ร่วมกัน และสร้างพิธีกรรมทางไสยศาสตร์จากลัทธินอกรีต เพื่อใช้กันในกลุ่มโดยสั่งการและชี้นำโดยนักบวชซึ่งมีอำนาจในอาณาจักร นักบวชเหล่านี้ยังตำหนิพระเจ้าและคำสอนในคัมภีร์เดิมซึ่งทำให้อาณาจักรของพวกเขาล่มสลายลงอีกด้วย ฟาริซีย์ยังมีความเชื่อมโยงกับ(Judeo-Freemasons) ยูดีโอฟรีเมสันและ (modern Zionists)ไซออนิสต์สากลในหลายๆด้าน พวกเขาตีความอำนาจเหนือจักรวาลของพระเจ้าในคำสอนของโมเสสให้กลายเป็นอำนาจที่จับต้องและวัดตวงได้ทางวัตถุ อันทำให้ชาวยิวได้ปกครองโลก ความเป็นสมาชิกของพวกเขาถูกเก็บงำไว้เป็นความลับสุดยอด เพื่อนำพวกเขาไปสู่อำนาจทางการเมืองการปกครอง โดยครอบงำผู้มีอำนาจในบ้านเมือง เพื่อตั้งสภาของชาวยิว และสร้างลำดับขั้นของชนชั้นทางสังคมตามรูปแบบคำสอนลับของพวกเขาเพื่อให้ลูกหลานของตัวเองขึ้นปกครองชนชาติอื่น


พระเยซูถูกส่งตัวให้แก่กษัตริย์โรมัน โดยกลุ่มนักบวชยิวฟาริซีย์
เพราะไม่ชอบใจที่นบีอีซากล่าวตำหนิพวกเขา ในการบิดเบือนและฝ่าฝืนคัมภีร์เตารอต

ชุมนุมนักบวชแห่งขุนเขา (The Essense) ผู้บรรลุแก่นแท้ของสรรพสิ่ง

ชุมชนนักบวชผู้อาศัยในทะเลทรายโกโมรา(Gomorrah) ใกล้กับทะเลตาย พวกเขาสืบทอดพิธีกรรมลึกลับของชาวตะวันออก เชี่ยวชาญเรื่องเทววิทยา และฝึกฝนการใช้ไสยศาสตร์ การปลุกเสก มนต์คาถา ทั้งสายขาวและสายดำ ซึ่งหยิบยืมเรียนรู้มาจาก บาบิโลเนีย อียิปต์ เปอร์เซีย แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เป็นรูปแบบของชาวยิว ด้วยอักขระตัวอักษรฮิบรู และพระนามพระเจ้าของชาวยิว พวกเขาเป็นผู้อารักขาคัมภีร์คับบาลา นักบวชเอสเซนส์ยังรับปรัชญาและพิธีกรรมทางพุทธของชมพูทวีปมาใช้ ดังปรากฏศิลปะตะวันออกอย่างเด่นชัดในรูปแบบเทวรูปพระเม่ของชาวกรีก (Diana of Ephesus) ไดอานาแห่ง อีฟิซุส เมืองอีฟิซุสยังเป็นวิทยาลัยของเหล่าเอสเซนส์ พวกเขาเป็นนักบวชที่เคร่งครัดและเป็นที่ยอมรับในหมู่ชาวยิว พวกเขารวมกลุ่มกันเผยแพร่ลัทธิบูชาสติปัญญาและความรู้ (Gnostic) นักบวชกลุ่มนี้ยังรวมกลุ่มกันอยู่ในเมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์และตั้งกลุ่มที่ชื่อ(The Alexandrian Gnostics) พวกเมสันในปัจจุบันยังแอบอ้างสถานะเอสเซนส์ให้แก่นบีอีซาและนบียะห์ยา และสถาปนาเมืองโกมาราให้กลายเป็นโบสถ์แห่งเยรูซาเล็ม(Jerusalem Church)  ทั้งหมดนี้คือลัทธิความเชื่อเรื่องเร้นลับของชาวยิวก่อนที่จะแทรกซึมแพร่เข้าไปสู่อาณาจักรคริสเตียนแห่งโรมัน โดยนักบุญวาเลนตินุส(Valentinus) ในสมัยของโปป ปิอุส(Pius)

วิหารแห่งเมืองอีฟิซุส เมืองที่รุ่งเรืองในยุคอาณาจักรกรีก และ อาณาจักรไบเซนไทน์ของโรมันตะวันออก

Jewish community in rome (ชุมชนชาวยิวในโรม)

ชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่ากลุ่มแมคคาบี (Maccabees ) เคยได้รับความช่วยเหลือให้อพยพมาตั้งรกรากในอาณาจักรโรมันอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาเจ็ดสิบปีหลังคริสตกาล อาณาจักรยิวก็ถูกอาณาจักรโรมันตีแตกชาวยิวมากมายถูกจับเป็นเชลย พวกเขาจึงมาตั้งรกรากอยู่โดยรอบวาติกัน (Vatican) ชื่อเมืองนี้มีความหมายในภาษาละตินว่าVatis=Diviner(ศักดิ์สิทธ์) และCan=Serpent(งู)   งูศักดิ์สิทธ์ (divining serpent ) เมืองนี้ตั้งอยู่บนเมืองโบราณที่เรียกว่า CITTÁ DEL VATICANO แปลว่าเมืองแห่งคำพยากรณ์ จักรพรรดิแห่งโรมันจูเลียส ซีซาร์ยังได้ฉายาว่าเป็นพันธมิตรแห่งชาวยิว แม้แต่ จักรพรรดิ์ออกุสตุสและอากริปปาทาสที่ขึ้นครองบัลลังค์ ก็ต่างได้รับความช่วยเหลือจากชาวยิว จักรพรรดิ์ทั้งสองสร้างโบสถ์เป็นการตอบแทนให้แก่ชาวยิวเหล่านั้น ชาวยิวจึงใช้โรมันเป็นแหล่งซ่องสุมอำนาจการปกครองและอำนาจทางการเงินในภูมิภาคยุโรป  และใช้อำนาจนี้บงการกษัตริย์ต่างๆของยุโรป ข้อมูลเหล่านี้ถูกเผยแพร่โดยนักบวชยิวซึ่งเข้ารีตคาธอลิก พวกเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดในยุคสมัยของจักรพรรดิ์เนโร เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินซึ่งถือนิกาย กรีกออโธดอกซ์ เริ่มบีบบังคับชาวยิวในเรื่องศาสนา พวกเขาก็ยุแยงให้จูเลียนผู้เป็นหลานชายล้มบัลลังค์ จักรพรรดิจูเลียนคนนี้เองเป็นผู้ดำริเริ่มโครงการบูรณฟื้นฟูวิหารของโซโลมอนเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนให้แก่ชาวยิว ในขณะที่ชาวคริสต์ในนิกายโรมันคอธอลิกใช้กฏหมายของคัมภีร์ใหม่ แต่กลับยอมรับความเชื่อและปฏิบัติตามพิธีกรรมของชาวยิวดั้งเดิม เราจึงไม่พบความแตกต่างและกลับพบสิ่งที่เป็นคู่ขนานของคริสต์ในนิกายโรมันคาธอลิกกับศาสนายูดาห์ นั่นหมายความว่า ความเชื่อและพิธีกรรมของยูดาห์ถูกแฝงเข้ากับโบสถ์แห่งโรม (วาติกัน) เรียบร้อยแล้ว 
 

คงไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับเสาโอเบลิสก์ต้นนี้ Obeliskหากไม่มียิวแทรกซึมอยู่ในวาติกัน

Crypto-jewry (ยิวซ่อนเร้น) 

ในเมื่อศาสนายูดายคือพื้นฐานและจุดริเริ่มของโรมันคาทอลิก จึงสรุปได้ว่า โรมันคาทอลิก คือโครงการที่ถูกวางแผนไว้โดยชาวยิวตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขาวางรูปแบบและดำเนินการอยู่ เบื้องหลังโบสถ์โรมันคาทอลิกอย่างแนบเนียน พวกเขาวางแผนให้อาณาจักรโรมันยุโรปก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและอำนาจ  เพื่อเปลี่ยนแปลงอาณาจักรคริสเตียนให้กลายเป็นอาณาจักรของแมสไซอาห์แอนตี้คริสต์ พวกเขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเยรูซาเล็มให้กลายเป็นดินแดนของชาวยิว Christian Zionist ผู้ก่อตั้ง UN ยีน เคิร์กปาทริก Jeane Kirkpatrick ประธานาธิบดีอิสราเอล เบญจามินเนทันยาฮู Benjamin Netanyahu เจพีมอร์แกน J. P. Morgan เจ้าของบริษัทสินเชื่อและการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งหมดล้วนบริจากเงินทุนสนับสนุน Rothschild-funded กองทุนเพื่อสนับสนุนกิจการศาสนาของชาวคริสเตียนในนิกายเยโฮวาวิทเนส Jehovah’s Witnesse เป็นที่เข้าใจได้ว่ายิวคับบาลาได้แอบแฝงความศรัทธาในศาสนายูดาไว้ในลมหายใจของพวกเขา และใช้ความตลบแตลงสร้างความเสียหายได้อย่างใหญ่หลวง ชาวยิวผู้บูชาเจว็ดได้บ่อนทำลาย ศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว อย่างยูดาห์ คริสเตียน และอิสลาม ยิวคับบาลาได้รับการชี้นำจากชัยตอน ซึ่งได้มอบอำนาจเหนือธรรมชาติให้แก่พวกเขา ด้วยการศึกษาคัมภีร์เวทย์มนต์ไสยศาสตร์ วิทยาการเกี่ยวกับตัวเลขและดวงดาว พวกเขาแทรกซึมสู่สถาบันต่างๆทางสังคม อันเป็นกลไกสำหรับควบคุมชนชาติต่างๆ  ในระหว่างยุคกลางการแทรกซึมของชุมชนชาวยิวได้เกิดขึ้นในสองรูปแบบ ในปี 1478 ชาวยิวถูกบีบบังคับให้เข้ารีตคริสเตียน แต่พวกเขายังคงแอบแฝงความเชื่อไว้ภายใน และยังคงพิธีกรรมต่างๆของตนไว้ในบ้านของตัวเอง พวกเขาเรียกตัวเองว่าConversos และMarranos  ในขณะที่พวก Conversos เป็นชาวเมืองธรรมดาที่แอบแฝงความเป็นยิวเพื่อรักษาอัตลักษณ์ของพวกเขาไว้ พวก  Marranos นักบวชยิวที่แฝงตัวเป็นบาทหลวงก็บ่อนทำลายศาสนจักรจากภายใน สร้างความเสียหายให้แก่สถาบันพระศาสนาของชาวคริสเตียน ดังปรากฏเด่นชัดจากบทบาทของวาติกัน ในการยุแยงให้ชาวคริสเตียนยุโรปรบพุ่งกันจากความขัดแย้งกันระหว่างนิกายต่างๆในศาสนาของตัวเอง เพื่อรีดเก็บเงินภาษีจากแม่หม้ายและเด็กกำพร้า เพื่อนำมาตอบสนองตัณหาราคะของเหล่านักบวช และชีวิตอันสุขสบายหรูหรา ของโปปและคณะบาทหลวงในวาติกัน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการบิดเบือนคัมภีร์ของศาสดาอีซา 

ชาวยิวได้นำความรู้ที่สั่งสมมาในลัทธิคับบาลามาใช้ประโยชน์ตลอดมา พวกเขาได้รับอำนาจและอิทธิพลในระดับสูงเหนือประชาชาติต่างๆ ผ่านผู้นำกษัตริย์และโปป ทั้งหมดต่างเคยได้รับการชี้แนะและทำนายทายทักจากโหราจารย์ชาวยิว อำนาจทางการเมืองจึงตกสู่ชาวยิว ในอีกด้านหนึ่งด้วยอำนาจทางการเงิน เมื่อนายธนาคารชาวยิวต่างเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนและขึ้นภาษีของรัฐบาล ชัยชนะครั้งสุดท้ายของชาวยิว ฟรีเมสัน และยิวคอมมิวนิสต์ นับแต่สิ้นสุดศตวรรษที่ 18 จวบจนยุคของเรา เกิดจากชาวคริสเตียนที่พยายามต่อต้านพวกเขาจนทำให้ชาวยิวJewish Fifth Column เหล่านั้นแทรกซึมลึกเข้าสู่ภายในสถาบันซึ่งเป็นหัวใจหลักของพวกเขาเอง ในช่วงยุคกลางโปปได้กำจัดเหล่าชาวยิวหัวกบฏจอมกลับกลอกเหล่านี้จนทำให้พวกเขาต้องรวมกลุ่มกันอย่างลับๆ เช่นกลุ่ม Catarensers, Patarines, Albignensians, Hussites, Illuminati และกลุ่มอื่นๆ พวกเขาแทรกซึมอำพรางตัวจนเข้าถึงตำแหน่งในระดับสูงของโบสถ์คาทอลิกโดยไม่มีใครจับตัวได้ และดำเนินการก่อตั้งสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมืองขึ้นในยุโรปตะวันตก ด้วยวิธีการกลับกลอก ปิดบังอำพรางตัวเอง ทำให้สายตระกูลของพวกเขามีชื่อสกุลอยุ่ในเหล่า ราชวงศ์ของยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศษ อิตาลี อังกฤษ เสปน โปรตุเกส เยอรมัน โปแลนด์ และในดินแดนต่างๆของคริสเตียนแห่งยุโรป พวกเขาให้การศึกษาทางศาสนาแก่ลูกหลาน ที่เป็นกษัตริย์ และนักบวช ทำให้ได้รับเกียรติและชื่อเสียง และเป็นผู้ชี้นำสังคม 


The Merovingians (เมโรวิงเจียน)

เพื่อยืนยันการแทรกซึมของยิวเข้าสู่ โบสถ์แห่งโรมัน นักประวัติศาสตร์ยิวผู้เชี่ยวชาญ เซซิล โรทCecil Roth (1925-70) ได้กล่าวเจอะจงเกี่ยวกับเรื่องราวการแอบแฝงแทรกซึมของชาวยิว ในยุคกลางของยุโรป History of the Marranos  ซึ่งกล่าวไว้อย่างละเอียดถึงการถ่ายทอดความเชื่อของพวกเขาสู่ลูกหลานอย่างลับๆ ในขณะที่ต้องดำรงอยู่ในหมู่พลเมืองชาวคริสเตียน ช่วงปลายศตวรรษที่13 Anjou ผู้ปกครองเนเปิลแห่งอิตาลีประตูการค้าสู่ยุโรป ก็คือยิวที่แฝงตัวเข้ารีตคริสเตียน สภาพการณ์เช่นนี้ของชาวยิวไม่ได้เกิดในยุโรปดินแดนของชาวคริสต์แต่เพียงอย่างเดียว ชาวยิวที่อำพรางตนเหล่านี้ยังอาศัยอยู่ในดินแดนอิสลามอีกด้วย พวกเขาทำทีเข้ารับอิสลามแต่ลับหลังแอบแฝงความเชื่อดั้งเดิมของตัวเองไว้ (มุนาฟิก) และเผยแพร่ความเสื่อมเสียต่างๆเข้าสู่ อาณาจักรอิสลาม เช่นการยุแยงจนเกิดกลุ่มลัทธิชีอะจากปมความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติ และการบิดเบือนแนวทางซูฟีจนหลงไป พวกดอนเมห์แห่งซาโลนิกาของอาณาจักรไบเซนไทน์ก็คือยิว Sabbateansที่แอบแฝงตัวในสภาพมุสลิมและดำเนินการบ่อนทำลายระบอบคอลีฟะฮฺแห่งอิสลามของตุรกีเป็นผลสำเร็จในปัจจุบัน  สิ่งที่เซซิล โรทไม่กล่าวถึงเลยคือ ความเป็นยิวของกษัตริย์ดาโกเบิรท์ Dagobert  เมโรวิงเจียนยิว ซึ่งสั่งให้ยิวทั้งหมดเข้ารับเบปติสท์ เพราะ ดอกเตอร์ โรท รู้ดีถึงข้อเท็จจริงของราชวงศ์เมโรวิงเจียนผู้ปกครองอาณาจักรฝรั่งเศษ ซึ่งมีอิทธิพลเหนือยุโรปทั้งหมดในเวลานั้น เพราะทั้งตระกูลยิวพ่อค้าในอิตาลี และยิวกษัตริย์ของฝรั่งเศษล้วนเป็นหัวเรือใหญ่ในการริเริ่มสงครามครูเสด และการริเริ่มของยุคเรอเนสซองRenaissance “The Dark Ages. Jews in Christian Europe 711–1096, which is Vol.11 of The World History of the Jewish People:” 

สาเหตุใดที่ทำให้ ดอกเตอร์โรทต้องปกปิดประวัติศาสตร์ในช่วงยุคศตวรรษที่ 5-8 ของยุโรป เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าใครกันแน่ที่ปกครองยุโรปในช่วงเวลานั้น กษัตริย์คลอวิซClovis  กษัตริย์คริสเตียนคนแรกในราชวงศ์เมโรวิงเจียน ประกาศตนเป็นผู้สืบเชื้อสายของกษัตริย์เดวิด โซโลมอน และพระเยซู ผ่านเชื้อสาย นางแมรี่ แมกดัลเลน พร้อมกองทหารชาวยิวกว่า 3000 คน และเชื้อสายยิวในราชวงศ์เมโรวิงเจียนก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป และครองสถานภาพทางสังคมในหมู่กษัตริย์คริสเตียนของหัวเมืองต่างๆทั่วยุโรป หลังศตวรรษที่ 8 กษัตริย์ชาร์ลมานแฟรงค์ Charlemagne ได้ปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์เมโรวิงเจียนลง แต่เขาก็แต่งงานกับสตรีเชื้อสายเมโรวิงเจียน เพื่อสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ์แห่งโฮลีโรมัน และครองเชื้อสายแห่งกษัตริย์ของพระเยซูเอาไว้เช่นเดิม ในอดีตยุโรปทั้งหมดคือเมืองขึ้นของอาณาจักรแฟรงค์ (ฝรั่งเศส) อาณาจักรเดียวหาใช่ ประเทศต่างๆที่ตั้งขึ้นใหม่ ในปัจจุบันการดำเนินการทั้งหมดผ่านคำสั่งการจากวาติกัน คำสั่งของโปปแห่งวาติกันในปัจจุบัน ก็คือคำสั่งเหนือ ชาวโฮลีโรมัน ที่อาศัยอยู่ทั่วโลกนั่นเอง มีมุสลิมจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจและไม่ทราบว่า อาณาจักรโฮลีโรมัน ยังดำรงอยู่และขยายตัวไปทั่วทุกดินแดนที่ชาวตะวันตกผิวขาวเข้าไปครอบครอง สงครามครูเสดและคำสั่งการต่างๆจะยังมีอยู่ต่อไป ตราบที่มุสลิมยังคงปฏิบัติตามแนวทางที่ท่านรอซูลลุลลอฮฺอยู่ต่อไป   อาณาจักรแฟรงค์ ของชาวโฮลีโรมัน ในปัจจุบันก็คือยุโรปและดินแดนที่ยอมรับกฏหมายตะวันตก อันมีวาติกันเป็นเมืองหลวงนั่นเอง
 
⊙△⊙ ⊙△⊙ ⊙△⊙ ⊙△⊙ ⊙△⊙ ⊙△⊙ 


โดย ชุกรี การิมี กลุ่มอัซซาบิกูน

2 ความคิดเห็น:

  1. ฉันชื่อ Clement Amir ฉันเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ Bruges ฉันเป็นลูกคนโตในครอบครัวของฉันทั้งสามคน จะบอกว่าเราสกปรกน่าสงสารก็ไม่ต้องพูดอะไร บางครั้งเราไม่มีอาหารที่เหมาะสมเป็นเวลาหลายวัน เราจะสวมผ้าขี้ริ้วและนอนในที่โล่ง ดี, ฉันเบื่อหน่ายกับเรื่องทั้งหมดนี้และหนีออกจากบ้านเมื่อฉันอายุได้ 39 ปี ฉันมีธุรกิจเล็ก ๆ ที่กำลังทำอยู่ แต่ก็ไม่มีอะไรได้ผลสำหรับฉันก่อนที่ฉันจะถูกแนะนำให้รู้จักกับคำสั่งซื้อที่เรียกว่า illuminati โดยเพื่อนที่ฉันเข้าร่วมดังนั้นโชคดีที่ฉันเป็นสมาชิกหลังจากลงทะเบียนฉันได้รับเงินหนึ่งล้านยูโรในธนาคารของฉัน บัญชีผู้ใช้, และพวกเขาก็เพิ่มธุรกิจของฉันฉันได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก illuminati ฉันแต่งงานแล้วและฉันกลายเป็นมหาเศรษฐีขอบคุณ Lord Patrick ที่ช่วยให้ฉันเป็นสมาชิกที่ถูกต้องตามคำสั่งของ illuminati หากคุณสนใจเช่นกันคุณสามารถติดต่อเขาได้ ผ่าน WhatsApp/โทร +2348055329159 หรือส่งอีเมลถึงเขาทาง agentpatrick5@gmail.com

    ตอบลบ
  2. คุณ เป็น นัก ธุรกิจ นักการเมือง ดนตรี
    นักเรียน และ ต้องการ
    ร่ำรวย มี อำนาจ และ มี ชื่อเสียง ใน ชีวิต ต้องการ พลัง
    เพื่อ บรรลุ
    ความ ฝัน ของ คุณ คุณ สามารถ บรรลุ
    ความ ฝัน สำหรับ
    สมาชิก ของ Illuminati กับ คุณ ทุก อย่าง
    ความ ฝัน และ
    ความ ปรารถนา ของ หัวใจ ได้ สามารถ สามารถ หาก เต็มที่
    ฉัน ต้องการ จริงๆ
    เป็น สมาชิก ของ ที่ ชื่อ ของ ยอด เยี่ยม
    ตรัสรู้ แล้ว
    คุณ สามารถ ติดต่อ (illumenatirichtemple@gmail.com)
    ประเทศ ................. ....... ...................... รัฐ.
    หรือ
    โทร หา ซา ร่า ห์ และ คุณ ยัง สามารถ เพิ่ม แฮ ร์ ใน แอ ป whats ได้ อีก ด้วย ขอบคุณ +2349040992927

    ตอบลบ