อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มุสลิมะฮฺกับการออกกำลังกายแอโรบิคและโยคะ


อิสลามสนับสนุนให้มุสลิมชาย(มุสลิมีน) และมุสลิมหญิง(มุสลิมะฮฺ)ดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะผู้ที่มีสุขภาพที่สมบูรณ์นั้น เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นกระบวนการพัฒนาในทุกด้าน เพื่อที่จะประกอบอิบาดะฮิต่อพระองค์อัลลอฮฺอย่างสมบูรณ์แบบและครบถ้วน

การออกกำลังกายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพร่างกายที่สมบูรแข็งแรง ทำให้มีจิตใจที่สงบร่มเย็น และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จึงจำเป็นยิ่งที่ทั้งมุสลิมชาย และมุสลิมหญิงหาเวลาว่างในการออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“และสำหรับร่างกายของเจ้านั้นเป็นหน้าที่ซึ่งเจ้าต้องดูแลมัน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรี-มุสลิม)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“ ผู้ใดตื่นเช้าขึ้นมามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจที่สงบร่มเย็น ไม่มีความวิตกทุกข์ร้อน มีอาหารสำหรับบริโภคในวันนั้น ก็ประหนึ่งว่าเขาผู้นั้นได้ครองโลกไว้ทั้งโลก” (บันทึกหะดิษโดยอิมามติรมีซีย์ อิบนิมายะฮ์ บุคอรี)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“เนี๊ยะมัต (ความโปรดปราน) 2 ประการ ที่คนส่วนใหญ่มักจะหลงลืม คือ การมีสุขภาพที่ดี และการมีเวลาว่าง”(บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรี)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“และสำหรับร่างกายของเจ้านั้น เป็นหน้าที่ซึ่งเจ้าต้องดูแลมัน”(บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรี และมุสลิม)

สำหรับมุสลิมะฮฺนั้น สามารถออกกำลังกาย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ลดพุงหรือความอ้วน นั้นมีหลายวิธีที่เหมาะสม อันได้แก่ การทำงานบ้าน การปลูกผักปลูกต้นไม้ประดับ การเดินไปเดินมาภายในบ้าน รวมถึงการควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ เป็นต้น

สำหรับการเต้นแอโรบิค(AEROBICS) มีที่มาดังนี้

แอโรบิค เกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีมานี้เอง แอโรบิคเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งชื่อว่า AEROBICS EXERCISE หมายถึง การออกกำลังกายที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สัมพันธ์กันระหว่างระบบไหลเวียนโลหิตกับปอดใช้ออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานอย่างเต็มที่ กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันโรคต่างๆได้
กีฬาเต้นแอโรบิค ได้รับความนิยมสูงสุดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดให้มีการเต้นแอโรบิคภายในสตูดิโอหรือ โรงยิมโดยรับเอาต้นแบบการเต้นแอโรบิคประกอบ ดนตรีแบบอาหรับ จากนั้นกีฬาการเต้นแอโรบิคปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยเข้ากับจังหวะดนตรี ในปัจจุบันด้วยวิธีนับจังหวะบีทเพลง

มุสลิมะสามารถออกกำลังกายแบบแอโรบิคได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขไม่มีสิ่งต้องห้ามดังนี้ คือ

1.ต้องไม่ใช่ที่ปะปนระหว่างชายหญิง(คือถ้าเป็นสถานที่รวมต้องมีเฉพาะสตรี) ต้องไม่เป็นที่เปิดเผย(คือต้องอยู่ในสถานที่ปกปิด) หรือที่สาธารณะมีผู้คนพลุกพล่าน สถานที่ออกกำลังกายแอโรบิคควรอยู่ในบริเวณบ้าน หรือบริเวณใกล้บ้าน มีญาติผู้หญิงร่วมออกกำลังกายอยู่ด้วย หรือมีมะฮฺร็อมคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ และปลอดภัยต่อสิ่งฟิตนะฮฺ

2.มุสลิมะฮฺ ต้องปกปิดเอาเราะฮฺอย่างมิดชิด ไม่แต่งกายรัดรูป หรือเห็นที่สงวน

3.ต้องไม่ออกกำลังกายแอโรบิค โดยเปิดเพลง หรือดนตรีประกอบ ไม่เต้นตามจังหวะเพลง (เสียงดนตรีเป็นที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลาม) แต่ ให้เน้นท่ากายบริหารเป็นหลัก

สำหรับการเล่นโยคะของมุสลิมะฮฺ ศาสนาอนุญาต แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขตาม ข้อ 1-ข้อ 3 ของการเต้นแอโรบิคข้างต้น และต้องไม่มีความเชื่อใดๆ เกี่ยวกับเล่นโยคะนี้ ซึ่งเดิมการเล่นโยคะกำเนิดมาจากประเทสอินเดีย ซึ่งมีความเชื่อบางอย่างในการเล่นโยคะอยู่ด้วย

ปัจจุบัน มีมุสลิมะฮฺหลายท่าน ในหลายพื้นที่ ออกกลังกายแอโรบิค หรือโยคะ ที่ฝ่าฝืนต่อบัญญัติอิสลาม กล่าวคือ มีการออกกำลังกายแอโรบิค หรือโยคะในที่เปิดเผย ปะปนระหว่างชายหญิง มีการแต่งกายที่รัดรูปทั้งที่มีผ้าคลุมผม ทำให้เห็นรูปร่างสัดส่วนอย่างชัดเจน มีการออกกำลังกายด้วยท่าเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง และดนตรีสากล ดูแล้วช่างบาดตาและหดหูอย่างมาก

แต่กระนั้นก็ตาม กลับไม่มีผู้ใด แม้กระทั้งผู้เป็นสามี พ่อแม่ ผู้นำศาสนา เช่นอิมาม โต๊ะครูบาบอ มาตักเตือน หรือสั่งห้ามการออกกำลังกายที่ปะปนกับสิ่งที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติอิสลามอย่างใดเลย ทั้งที่พวกเขามีหน้าที่ปกครองดูและต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของพวกเขาต่อผู้อยู่ใต้การปกครองนั้น

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا قُوا أَنفُسَكُمْ وَأَهْلِيكُمْ نَارًا وَقُودُهَا النَّاسُ وَالْحِجَارَةُ ( 6 )
“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก”
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัตตะห์รีม 66 อายะฮฺที่ 6)

รายงานจากท่านอิบนิอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮ์ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าว่า
“ทุกๆคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง อิมามเป็นผู้ปกครอง เป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้อยู่ใต้การปกครองของเขา สามีเป็นผู้ปกครองภายในครอบครัว เป็นผู้รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา...

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ทุกๆคนในหมู่พวกท่านเป็นผู้ปกครองดูแล และเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองดูแลของเขา” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น