อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ค่ำคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ




ลัย
ลัยละตุ้ลก็อดรฺ

อัลก็อดรฺในด้านภาษาสื่อถึงความหมายต่างๆ ดังนี้
- หมายถึง จำนวน หรือความมากมาย (الكمية والمبلغ)
- หมายถึง ระดับและเกียรติ (الدرجة)
- หมายถึง คุณค่าและราคา (القيمة)
- หมายถึง ความประเสริฐ (الشرف)
- หมายถึง สถานะ (المقام)
- หมายถึง ความสามารถและพละกำลัง (อำนาจ) (الطاقة والقوة)
- หมายถึง ความยิ่งใหญ่ (العظمة)
- หมายถึง การจำแนกและชี้ขาด (الحكم والفصل)
ความหมายต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสภาพของค่ำคืนอัลก็อดรฺ

ค่ำคืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนหนึ่งของเดือนรอมฏอนอัล-มุบาร๊อก( شهر رمضان المبارك ) ที่อัลลอฮได้ให้ชื่อว่า"ค่ำคืนอัลก็อดรฺ" เนื่องจากในค่ำคืนนั้นมีเกียรติและความประเสริฐต่างๆ ดังนี้

- เป็นค่ำคืนอัลกุรอานถูกประทานลงมา

- เป็นค่ำคืนที่ญิบรีลและบรรดามะลาอีกะฮฺลงมา (ยังโลกดุนยา)

- เป็นค่ำคืนที่ความบะรอกะฮ์/ความปลอดภัยและการอภัยโทษถูกประทานลงมา


อัลลอฮฺทรงตรัสว่า ...

((لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ))
"(การประกอบอิบาดะฮ์ในค่ำคืน) อัลก็อดรฺดีกว่า (การประกอบ อิบาดะห์) หนึ่งพันเดือน (ในค่ำคืนอื่นจากค่ำคืนอัลก็อดรฺ)" (ซูเราะห์อัลกอดัร อายะห์ที่ 3)


ท่านรสูล กล่าวว่า

((ومن قام ليلة القدر إيماناً واحتساباً ، غفر له ما تقدم من ذنبه))

"และผู้ใดที่ดำรงไว้ (อิบาดะห์) ในค่ำคืนอัลก็อดรฺด้วยความศรัทธาต่ออัลลอฮฺและหวังในความโปรดปรานและผลตอบ แทนจากพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น แท้จริงเขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปทั้งหลายที่ผ่านมา" (มุตตะฟะกุนอะลัยห์" (เศาะเฮี๊ยะห์ อัลบุคอรี 2/253 และเศาะเฮี๊ยะห์มุสลิมเลขที่ 760 (1/524))

 จากอบีฮุรอยเราะห์ เราะฎิยัลลอฮุอินฮุ แท้จริงท่านรอซูลกล่าวถึงเกี่ยวกับค่ำคืน อัลก็อดรฺว่า
"แท้จริงมันเป็นคืนที่ยี่สิบเจ็ด หรือยี่สิบเก้า (ของรอมฏอน) แท้จริงแล้วบรรดามะลาอิกะห์ในค่ำคืนนั้น (ลงมายัง) พื้นโลกมากกว่าจำนวนเม็ดทราย" (หะดีษอิหม่ามอะห์มัด อัลบัซซาร์ และอัต-เตาะบะรอนีย์ในอัล-เอาซาต และริญาลุน ศิก็อต : มัจญ์มูอ์ อัซ-ซะวาอิด 3/176)
ท่านอิหม่ามอันนะวะวีย์กล่าวว่า
"ค่ำคืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนที่ประเสริฐที่สุดในรอบปี ผู้ใดที่ประกอบอิบาดะห์ (กิยามุลลัยล์) ในค่ำคืนอัลก็อดรฺ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเตาฟีกในการมองเห็นสัญญาลักษณ์ของค่ำคืนอัลก็อดรฺก็ตาม แท้จริงแล้วเขาจะได้รับผลตอบแทนด้วยผลตอบแทนดังกล่าว"

แสวงหาความดีคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ


ช่วงคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ

นักวิการส่วนใหญ่มีความเห็นว่ามันอยู่ในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมาฏอน

لحد يث أبي سعيد الخدري أن رسو ل الله صلى الله عليه وسلم : ((... فا بتغوها في العشر الأواخر ))
หะดีษที่รายงายโดยท่าน อาบูสะอีด อัลกุดรีย์ แท้จริงท่าน รอซูลุลอฮซอลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม ได้กล่าวว่าพวกท่านจงแสวงหามัน ( หมายถึงคืนลัยละตุดก็อดรฺ ) ในช่วงสิบคืนสุดท้าย)
(บันทึกโดย บุคอรีย์ 2018 มุสลิม 1167)


บรรดานักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่า ลัยละตุลกอดรนั้นจะเกิดในคืนคี่

لقو له صلى الله عليه وسلم : (( تحروا ليلة القدر في الوتر من العشر الأ واخر ))
คำพูดของท่านนบีซอลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม ที่ว่า ( พวกท่านจงแสวงหา ลัยละตุล
ก็อดรฺในคืนที่คี่ ของสิบคืนสุดท้าย ) (บันทึกโดย บุคอรีย์ 2017)

และนักวิชาการบางท่านลัยละตุลก็อดรฺนั้นคือค่ำคืนที่ 27 ซึ่งเป็นทัศนะของบรรดา ซอฮาบะห์ กลุ่มหนึ่ง

โดยที่ท่าน อุบัย บิน กะฮบฺ ได้มีความ
· มั่นใจว่า มันเป็นค่ำคืนที่ 27 โดยที่ท่านได้สาบานเพื่อยืยยันถึงความหนักแน่น
· ในเรื่องนี้เหมือนที่มีรายงานในซอเอียะ มุสลิม 762 / อัตติรมีซีย์ 3351





كما في حد يث أبي سعيد أن النبي صلى الله عليه وسلم خطبهم فقال : (( أني أرأيت ليلة القد ر ثم أنسيتها , فالتمسوها في العشر الأواخر في الوتر , وأني رأيت أسجد في ماء وطين )) قا ل أبو سعيد : مطرنا ليلة إحدى وعشرين فوكف المسجد في مصلى رسول الله صلى الله عليه وسلم فنظر ت إليه و قد انصرف من صلا ة الصبح ووجهه مبتل طينا و ماء ))
มีหะดีษที่รายงานโดย อาบูสะอีด ว่าแท้จริงท่านนบีซอลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่พวกเขา ดังนั้นท่านได้กล่าวว่า ( แท้จริงฉันได้เห็นลัยละตุลก็อดรฺ หลังจากนั้นฉันได้ถูกให้ลืมไป ดังนั้นพวกท่านจงแสวงหามันในสิบคืนสุดท้าย ในคืนที่เป็นคี่ และแท้จริงฉันได้เห็นฉันได้ ซูยูดในน้ำ และดิน ) อาบูสะอีดได้กล่าวว่า ฝนได้ตกยังพวกเราในคืนที่ 21 โดยที่มันรั่วในมัสยิดที่ละหมาดของท่านรอซูลุลลอฮซอลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม ฉัน( หมายถึงอาบูสะอีด ) ได้มองไปยังท่าน โดยที่เมื่อท่านเสร็จจากการละหมาดที่หน้าของท่านเปียกไปด้วยดินโคลน และน้ำ" (บันทึกโดย บุคอรีย์ 2018 มุสลิม 1167)



ลักษณะคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ


อิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึง (สัญญาณของ) ค่ำคืนอัลก็อดรฺว่า
«ليلة القدر ليلة سمحة طلقة لا حارة ولا باردة تصبح الشمس صبيحتها ضعيفة حمراء»

“ค่ำคืนอัลก็อดรฺเป็นค่ำคืนที่อ่อนละมุน อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อน และไม่หนาว ดวงอาทิตย์ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นแสงของมันจะเป็นสีแดงอ่อน”

อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวเกี่ยวกับสัญญาณของค่ำคืนอัลก็อดรฺว่า
«إنها ليلة سابعة أو تاسعة وعشرين، إن الملائكة تلك الليلة في الأرض أكثر من عدد الحصى»
มันเป็นค่ำคืนที่ 27 หรือ 29 แท้จริงในค่ำคืนนั้น บรรดามะลาอิกะฮฺจะอยู่บนพื้นดินมากกว่าจำนวนของเม็ดทราย”

หะดีษ ซิรริ บิน ฮุบัยร์ ท่านกล่าวว่า ฉันได้ถามอุบัย บิน กะอับ เราะฏิยัลลอฮุอันฮุว่า แท้จริงพี่น้องของท่านอิบนุ มัสอูดกล่าวว่า ผู้ใดที่กิยามุลลัยเป็นเวลาครบหนึ่งปี แน่นอนเขาจะพบกับค่ำคืนอัลก็อดรฺ อุบัยจึงตอบว่าอัลลอฮทรงให้ความโปรดปรานแก่ อบา มัสอูด ท่านต้องการให้มนุษย์นั้นไม่เพลิดเพลินและให้มีความคาดหวังมาก ๆ แท้จริงแล้วท่านได้ทราบว่าคืนอัลก็อดรฺนั้นเกิดขึ้นในเดือนรอมฏอน (เท่านั้น) แน่แท้จะอยู่ในสิบคืนสุดท้าย และแท้จริง (คืนนั้น) อยู่ในคืนที่ยี่สิบเจ็ด จากนั้นอุบัยกล่าวปฎิญาณว่า ไม่เป็นการยกเว้นอีก แท้จริงแล้ว คืนอัลก็อดรฺเป็นคืนที่ยี่สิบเจ็ดเท่านั้น ฉันถามต่อไปว่า ท่านมั่นใจอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้นโอ้ อบัล มุนซิร? ท่านตอบว่า ด้วยสัญญาลักษณ์!! ที่ท่านรอซูลได้เล่าให้เราทราบนั่นคือ…แท้จริงดวงอาทิตย์ขึ้นมาในเช้าของคืน วันนั้นไม่มีแสงเจิดจ้า (หะดีษเศาะเฮี๊ยะห์มุสลิม 2/828 และเศาะเฮี๊ยะห์ อิบนุ คุซัยมะห์ หมายเลข/2193)


รายงานจากท่านอุบาดะฮ์ บิน อัสศอมิต  ว่า  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

التمسوها في ليلة الواحد والعشرين، أو ثلاث وعشرين، أو خمس وعشرين، أو سبع وعشرين، أو تسع وعشرين، أواخر رمضان، من قامها احتساباً غفر له ما تقدم من ذنبه وما تأخر

"พวกท่านจงแสวงหาคืนลัยละตุลกอดร์  ในคืนที่ยี่สิบเอ็ด หรือคืนที่ยี่สิบสาม  หรือคืนที่ยี่สิบห้า  หรือคืนที่ยี่สิบเจ็ด  หรือคืนที่ยี่สิบเก้า  หรือช่วงท้ายรอมะดอน   ผู้ใดที่ทำการละหมาดในค่ำคืนลัยละตุลกอดร์  โดยมีความบริสุทธิ์ใจ  เขาจะได้รับการอภัยโทษบาปที่ผ่านมาแล้วและบาปที่จะมีหลังจากนั้น"  หมายถึงบาปทั้งหมดจะได้รับการอภัยโทษให้   และการละหมาดในค่ำคืนนี้  อย่างน้อยให้ไปทำการละหมาดตะรอวิห์ในมัสยิดอย่างสมบูรณ์  แต่ที่สมบูร์ยิ่งนั้น  คือให้เขาลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อทำการละหมาดและทำอิบาดะฮ์ตลอดทั้งคืนดังกล่าว  โดยมุงไปยังอัลเลาะฮ์ตาอาลา  ทำการอิสติฆฟาร  กลับตัวกลับใจเคาะประตูแห่งความพึงพอพระทัยแห่งพระผู้เป็นเจ้า  เคาะประตูแห่งการขออภัยโทษ  เพื่อพระองค์จะทรงเปิดประตูแห่งการเตาบัตและทรงประทานอภัยโทษจากบาปทั้งหลาย" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอะห์มัด)




เมื่อรู้ถึงคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ 


รายงานจากท่านหญิงอาอีซะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา
กล่าวว่า : โอ้ท่านร่อซูล ! หากฉันรู้ถึง คืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ ฉันจะกล่าวอะไรในคืนนั้น ?

ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม
กล่าวว่า เธอจงกล่าวว่า :

اَللَّهُمَّ إِنَّكَ عَفُوّ ٌتُحِبُّ الْعَفْوَفَاعْفُ عَنِّيْ

คำอ่าน : อัลลอฮุมม่า อินนะก้า อะฟูวุน ตุหิบบุลอัฟว่า ฟะอฺฟุ อันนี

คำแปล : โอ้อัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ทรงรักการให้อภัย ดังนั้นขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้ฉันด้วยเถิด
(หะดีษอัตติรมีซีย์หมายเลข/3580:ฮะซันเศาะเฮี๊ยะห์และอันนะซาอีย์ในอะมัล วัล-ลัยละห์ หมายเลข/872 และอะห์มัดในมุสนัดของท่าน 6/171, 182 และอิบนุมาญะห์ หมายเลข/3850 และ อัล-ฮากิม 1/350))


ลัยละตุ้ลก็อดรฺคืนแห่งทำความดี



فعن عا ئشة قا لت (( كا ن رسو ل الله صلى الله عليه وسلم يجتهد ما لا يجتهد في غيرها ))


รายงานจากท่านหญิง ฮาอิชะห์ ( ท่านนบีซอลลัลลอฮูอะลัยอิวะซัลลัม นั้นทุ่มเทความพยายาม ไม่เหมือนกับคืนอื่นๆ ( หมายถึงสิบคืนท้ายๆของเดือนรอมาฏอน )(บันทึกโดยมุสลิ)



รายงานโดยท่านหญิงฮาอิชะห์ รอฏิยัลลอฮูอันฮา

اللهم إنك عفو كريم تحب العفو فا عف عني “

"โอ้อัลลอฮ แท้จริงท่านเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงใจบุญ ท่านรักการอภัยโทษขอพระองค์ทรงอภัยโทษ ให้แก่ฉัน"




 إ ني خرجت لأخبركم بليلة القدر فتلا حى فلان و فلا ن فرفعت ( يعني رفع علمها ) وعسى أن يكو ن خيرا لكم فالتمسوها....))
( แท้จริงฉันได้ออกมาเพื่อที่ต้องการที่จะบอกถึงคืนลัยละตุลก็อดรฺ แล้วก็มีคนทะเลาะกัน ฉันเลยลืมมันไป และหวังว่า มันเป็นการดีแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกท่านจงแสวงหามัน )(บันทึกโดยบุคอรีย์ 2023)


อาอิชะฮฺภรรยาเล่าว่า “ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะทำอิอฺติกาฟในสิบวันสุดท้ายจากเราะมะฎอน และท่านกล่าวว่า
«التمسوها في العشر الأواخر؛ يعني ليلة القدر»
พวกเจ้าจงแสวงหามัน – หมายถึงค่ำคืนอัลก็อดรฺ – ในค่ำคืนสิบวันสุดท้าย (ของเดือนเราะมะฎอน)”


อบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า “ญิบรีลได้นำเสนอ (อ่าน) อัลกุรอานให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ฟังทุกๆ ปี ปีละหนึ่งครั้ง และในปีที่ท่านเสียชีวิตญิบรีลได้อ่านอัลกุรอานให้ท่านฟังสองครั้ง...”

والله أعلم بالصواب


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น