อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดุอาอ์กุนูตในละหมาดวิตรฺเป็นญะมาอะฮฺใน15คืนหลังรอมฎอน




ดุอาอ์ในละหมาดวิตรฺ

การกุนูตวิตรฺเป็นญะมาอะฮฺไม่มีหลักฐานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   แต่มีจากซอฮาบะฮฺ รายงานส่วนมากบอกว่าซอฮาบะฮฺจะกุนูตญะมาอะฮฺในวิตรฺเฉพาะ 15 คืนสุดท้าย สรุป ทรรศนะที่มีน้ำหนักคือ กุนูตวิตรฺเป็นญะมาอะฮฺตั้งแต่คืนที่ 15 ของเดือนรอมฎอน



จากท่านอฺลีย์ บุตรของอบูฏอลิบ
"แท้จริงเขาไม่ดุอาอฺกุนูต(ในละหมาดวิตรฺ) ยกเว้นครึ่งเดือนหลังของ(เดือน)รอมฎอน"(หะดิษเศาะเฮียะฮฺ บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดิษที่ 466)

การกุนูตใน 15 คืนหลังของเดือนรอมฎอน

จากหะดีษของท่านอับดุรเราะหฺมาน อิบนุลกอรียฺ บอกว่า เมื่อกุนูตในละหมาดวิตรฺ บรรดาซอฮาบะฮฺจะสาปแช่งบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาใน 15 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน โดยกล่าวว่า

اللَّهُمَّ قَاتِلِ الْكَفَرَةَ الَّذِيْن  يَصُدُّوْنَ  عَنْ سَبِيْلِكَ
โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงต่อต้านผู้ปฏิเสธศรัทธาซึ่งขัดขวางหนทางของพระองค์

وَيُكَذِّبُوْنَ رُسُلَكَ
ปฏิเสธบรรดาศาสนทูตที่พระองค์ทรงส่งมา

وَلا يُؤْمِنُوْنَ بِوَعْدِكَ
ผู้ที่ไม่ศรัทธาในคำสัญญามั่นของพระองค์ท่าน

وَخَالِفْ بَيْنَ كَلِمَتِهِمْ
โอ้อัลลอฮฺ  ขอให้มีความขัดแย้งระหว่างหมู่พวกเขา

وَأَلْقِ فِيْ قُلُوْبِهِمُ الرُّعْبَ
และขอทรงโปรดให้หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

وَأَلْقِ عَلَيْهِمْ رِجْزَكَ وَعَذَابَكَ
และขอพระองค์ทรงลงโทษพวกเขาสู่ความหายนะ

إِلَهَ الحَقِّ
โอ้องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสัจธรรม


ทรรศนะอุละมาอฺส่วนมากบอกว่าหากต้องการขอมากกว่า 2 บท ก็ย่อมได้ แต่ถ้าเป็นวิตรฺญะมาอะฮฺ อิมามสมควรขอดุอาอฺกว้าง ๆ ให้แก่พี่น้องมุสลิมทั่วไป เช่น พี่น้องมุสลิมะฮฺ บรรดาเยาวชนมุสลิม เป็นต้น ไม่ใช่ขอดุอาอฺในเรื่องส่วนตัว เช่น ครอบครัว เป็นต้น และบรรดาอุละมาอฺได้ติงว่าอย่าขอดุอาอฺให้นานเกินไป (ประมาณ 10-20 นาทีเพียงพอ) เพื่อไม่ให้ขัดกับซุนนะฮฺของท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และหลังจากขอดุอาอฺสามารถซอละวาตท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา

สำหรับดุอาอ์กุนูตต่อไปนี้เป็นดุอาอ์กูนูตตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกมัซฮับ


รายงานจากท่านอัลหะซัน อิบนิอาลี ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยสอนฉันถึงถ้อยคำที่ฉันจะกล่าวในละหมาดวิตรฺว่า


اَللَّهُمَّ اهْدِنِيْ فِيْمَنْ هَدَيْتَ وَعَافِنِيْ فِيْمَنْ عَافَيْتَ وَتَوَلَّنِيْ فِيْمَنْ

تَوَلَّيْتَ وَبَارِكْ لِيْ فِيْمَا أَعْطَيْتَ وَ قِنِيْ شَـرَّ مَاقَضَيْتَ فَإِنَّكَ

تَقْضِيْ وَلاَ يُقْضىَ عَلَيْكَ وَإِنَّهُ لاَ يَذِلُّ مَنْ وَالَيْتَ وَلاَ يَعِزُّ مَنْ

عَادَيْتَ تَبَارَكْتَ رَبَّنَا وَتَعَالَيْتَ


คำอ่าน : "อัลลอฮุมมะฮฺดินีฟีมันหะดัยต้า วะอาฟินีฟีมันอาฟัยต้า วะตะวัลละนีฟีมันตะวัลลัยต้า 
วะบาริกลีฟีมาอะอฺฏอยต้า วะกินีชัรร่อมาก้อฏอยต้า 
ฟะอินนะกะตักฏีวะลายุกฏออะลัยก้า วะอินนะฮูลายะซิลลุมันวาลัยต้า 
วะลายะอิซซุมันอาดัยต้า ตะบาร็อกตะร็อบบะนา วะตะอาลัยต้า"


ความว่า : "โอ้ อัลลอฮฺ ขอพระองค์ได้โปรดนำทางฉันและขอพระองค์ได้โปรดให้ทางนำและขอพระองค์ได้ทรงโปรดประทานความสุขให้แก่ฉันร่วมกับผู้ที่พระองค์ได้ทรงประท่านสุขให้ และขอพระองค์ได้โปรดคุ้มครองฉันร่วมกับผู้ที่พระองค์ได้ทรงคุ้มครอง และขอพระองค์ได้โปรดประทานความจำเริญแก่ฉันร่วมกับผู้ที่พระองค์เคยประทานให้ และขอพระองค์ทรงโปรดปกป้องรักษาฉันให้พ้นจากความชั่วที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตัดสิน และไม่มีผู้ที่ตัดสินค้านกับพระองค์ได้ ความจริงพระองค์นั้นจะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ที่พระองค์คุ้มครองตกต่ำ และจะไม่ทรงทำให้ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์แข็งแกร่ง พระองค์ทรงจำเริญยิ่ง โอ้ผู้อภิบาลของเรา และทรงสูงส่งยิ่ง"

(บันทึกโดย : อะฮฺหมัด อบูดาวูด ติรมีซี นะซาอี และ อิบนุมาญะฮฺ)

***สำหรับดุอาอ์กุนูตในละหมาดศุบฮฺที่มุสลิมบ้านเราส่วนใหญ่อ่านกันนั้น ไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่ได้นำดุอาอ์กุนูตในละหมาดวิตรฺ จากหะดิษข้างต้น มากล่าวกัน


การยกมือในกุนูตในละหมาดวิตร

 ไม่มีตัวบทจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับเรื่องการยกมือในกุนูตเฉพาะ มีเพียงหลักฐานว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ขอดุอาอฺแน่นอน แต่ไม่มีตัวบทว่ายกมือหรือไม่ ส่วนการขอดุอาอ์กุนูตในช่วงครึ่งเดือนหลังของเราะมะฎอนนั้น อนุญาตให้ยกมือได้ เพราะมีแบบอย่างจากบรรดาเศาะหาบะฮฺกระทำ


ท่านอนัส บุตรของมาลิก ได้เล่าเกี่ยวกับนักอ่านอัลกุรอานถูกฆ่าตาย เขากล่าว่า อนัสได้กล่าวแก่ฉันว่า "ฉันเห็นท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ทุกครั้งที่ละหมาดศุบฮฺ ท่านรสูล ยกมือทั้งสอง เพื่อขอดุอาอ์สาปแช่งพวกเขา หมายถึงบรรดาผู้ซึ่งสังหารนักอ่าน"
(บันทึกโดยบัยหะกีย์ หะดิษเลขที่ 3145)


อบู รอฟิอฺเล่าว่า "ฉันละหมาดข้างหลังท่านอุมัรฺ บุตรของค็อฏฏ็อบ ซึ่งเขาอ่านกุนูตภายหลังเงยจากรุกัวอ์ และยกมือของเขาทั้งสอง และท่านอุมัรดุอาอ์กุนูตด้วยเสียงดัง"
(บันทึกโดยบัยหะกีย์ หะดิษเลขที่ 3234)


หะดิษ 2 บทนี้เป็นดุอาอ์กูนูตขณะละหมาดฟัรดู ทุกวักตูซึ่งเป็นดุอาอ์นะวาซิล(กุนูตวิกฤต)ป้องกันเคราะห์กรรมกุนูตในสถานการณ์ที่เกิดปัญหากับประชาชาติอิสลาม เมื่อพี่น้องมุสลิมเดือดร้อน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บัญญัติให้อิมามรณรงค์ขอดุอาอฺในการละหมาดทุกวักตู (ถ้าทำได้) หรือเลือกบางวักตูก็ได้ โดยการกุนูตก่อนหรือหลังรุกัวอฺในร็อกอะฮฺสุดท้าย ขอดุอาอฺให้อัลลอฮฺช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมและลงโทษผู้อธรรม และในละหมาดวิตรฺ

"ท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) อ่าน(ดุอาอ์กูนูต)เสียงดัง และยกมือทั้งสองของท่าน และมะมูมที่อยู่ข้างหลังก็กล่าวอามีน"
(หะดิษเศาะเฮียะฮ์ บันทึโดยอะหมัด และฏ้อบรอนีย์ ...หนังสือศิฟะตุ เศาะลาตินนะบีย์ หน้า 178)

หะดิษบทนี้เป็นหลักฐานที่กล่าวว่าท่านนบียกมือทั้งสอง ขณะขอดุอาอ์กุนูต แต่ไม่ระบุว่าก่อนหรือหลังรุกัวะฮ์ของร็อกอะฮฺสุดท้าย

การยกมือในดุอากุนูตนาซิละฮ์ มีหลักฐานที่ถูกต้องรายงานมาจากท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม, ... แต่การยกมือในดุอากุนูตวิตรฺ ไม่มีหลักฐานรายงานมาจากรอซู้ลฯ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ว่า ท่านจะเคยยกมือหรือไม่ .


บรรดานักวิชาการในยุคเศาะหาบะฮ์ และโดยเฉพาะ, ในยุคตาบิอีน มีความขัดแย้งกันในการปฏิบัติเรื่องนี้ ... คือบางท่านเห็นชอบให้มีการยกมือในดุอากุนูตนมาซวิตรฺ ขณะที่บางท่านไม่สนับสนุนให้มีการยกมือ

หนังสือ “อัล-มะซาอิล” อันเป็นหนังสือรวบรวมการตอบปัญหาของบิดาของท่าน คือท่านอิหม่ามอะห์มัด มีข้อความว่า ....


قَالَ : سَأَلْتُ أَبِىْ عَنْ : رَجُلٍ إِذَا اَرَادَ أَنْ يُوْتِرَفِى الصَّلاَةِ يَرْفَعُ يَدَيْـهِ ؟ فَقَالَ : إِذَا قَنَتَ الرَّجُلُ يَرْفَعُ يَدَيْـهِ حَذْوَ صَدْرِهِ، وَرَفَعَ يَدَيْـهِ فِىْ قُنُوْتِـهِ فِى الْوِتْرِ ...

ท่านอับดุลลอฮ์กล่าวว่า .. “ฉันได้ถามคุณพ่อ (อิหม่ามอะห์มัด) เกี่ยวกับชายผู้หนึ่งที่ต้องการจะนมาซวิตรฺ ว่า เขาจะต้องยกมือทั้งสองของเขา (ในการอ่านกุนูตไหม ?) ท่านตอบว่า : เมื่อเขาอ่านกุนูต ก็ให้เขายกมือทั้งสองขึ้นเสมอหน้าอก, และให้เขายกมือทั้งสองของเขาในการอ่านกุนูตวิตรฺด้วย” การ “กิยาส” ของท่านอิหม่ามอะห์มัด ระหว่างการยกมือในกุนูตรฺนมาซวิตรฺกับ การยกมือในกุนูตนาซิละฮ์ในนมาซซุบห์นั้น เป็นเรื่องอนุญาตตามหลักวิชาการ และตามเงื่อนไขของการกิยาส, ด้วยเหตุนี้ ท่านอิหม่ามอะห์มัด จึงได้นำหลักกิยาสมาใช้ในกรณีนี้ ทั้งๆที่ตามปกติ ท่านค่อนข้างรังเกียจที่จะใช้การกิยาส ... ยกเว้นในกรณีจำเป็นเท่านั้น

สรุป ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยกมือขอดุอาอฺกุนูตขณะละหมาดวิตรฺซึ่งกระทำเป็นญะมาอะฮฺในเดือนรอมฎอนหรือไม่

ทัศนะที่ว่า แท้จริงการกูนูตคือการขอดุอาอฺ ซึ่งการขอดุอาอฺนั้นให้ยกมือ โดยท่านนบีได้ยกมือในการขอดุอาอฺกุนูตนาซิละฮฺ

ทัศนะที่ว่า ไม่มีการยกมือ ขอดุอาอ์กุนูตขณะ ละหมาดเพียงลำพัง แต่ให้ยกมือในขณะขอดุอาอฺกุนูตขณะละหมาดวิตรฺในเดือนรอมาฎอน เพราะว่ามีการขอดุอาอฺกันเป็นญะมาอะฮฺ ซึ่งคล้ายครึ่งกับการการขอดุอาอฺกุนูตนาซิละฮฺ เพราะท่านรสูลยกมือขอดุอาอฺกุนูตนาซิละฮฺด้วยเหตุที่ขอกันเป็นญะมาอะฮฺ แม้ไม่พบหลักฐานว่าท่านนบียกมือในการขอดุอาอฺกุนูตในเดือนรอมฎอนก็ตาม นั้นคือ หลัก ไม่มีหลักฐานให้ยกมือขอดุอาออฺกุนูตละหมาดวิตรฺแบบญะมาอะฮฺในเดือนรอมฎอน แต่ถ้าจะยกมือก็อนุญาต

ช่วงการอ่านดุอาอ์กูนูตในละหมาดวิตร


ให้อ่านดุอาอ์กูนูตในร็อกอะฮฺสุดท้ายของละหมาดวิตรฺ ภายหลังอ่านสูเราะฮฺเสร็จแล้ว ก่อนจะรุกัวะฮ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่นบีทำเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งท่านนบีก็กุนูตภายหลังรุกัวะฮ์ในร็อกอะฮฺสุดท้าย

รายงานจากท่านอุบัยย์ บุตรของกะอฺบ์เล่าว่า
وأصحاب النبي ( صلى الله عليه وسلم ) كانوا يقنتون في الوتر قبل الوكوع . وهذا سند جيد
وهو على شرط مسلم

ความว่า "ปรากฏว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบีมุหัมมัด พวกเขาจะขอดุอาอ์กุนูตในละหมาดวิตรฺก่อนรุกูอฺ" (สายรายงานเศาะหี้หฺ บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ หะดิษเลขที่ 1238)

عن عبد الرحمن بن الأسود عن أبيه قال : " كان عبد الله لا يقنت في شئ من الصلوات إلا في الوتر قبل الركعة " . وسنده صحيح

จากท่านอับดุรเราะมาน บุตรของอัสวัด จากพ่อของเขาเล่าว่า "ปรากฏว่าท่านอับดุลลอฮฺ (ซึ่งเป็นเศาะหาบะฮฺ) จะไม่ดุอาอ์กุนูตสิ่งใดในละหมาดต่างๆ ยกเว้น(กุนูต) ในละหมาดวิตรฺก่อนรุกูอฺ" (สายรายงานเศาะหี้หฺ)

ดุอาอ์หลังละหมาดวิตรฺ

عن أبي بن كعب أن رسول الله صلى الله عليه وسلم كان يوتر بثلاث ركعات كان يقرأ في الأولى بسبح اسم ربك الأعلى وفي الثانية بقل يا أيها الكافرون وفي الثالثة بقل هو الله أحد ويقنت قبل الركوع فإذا فرغ قال عند فراغه سبحان الملك القدوس ثلاث مرات يطيل في آخرهن
تحقيق الألباني :
صحيح ، ابن ماجة ( 1171 )

จากท่านอุบัยฺ บุตรของกะอฺบ์
"ปรากฏว่าท่านรสูลุลลอฮฺนมาซวิตรฺสามร็อกอะฮฺ โดยอ่านสูเราะฮฺอัลอะอฺลาในร็อกอะฮฺแรก, อ่านสูเราะฮฺกาฟิรูนในร็อกอะฮฺที่สอง และอ่านสูเราะฮฺอัลอิคลาศในร็อกอะฮฺที่สาม แล้วท่านนบีก็ดุอาอ์กุนูตก่อนรุกูอฺ ครั้งเมื่อละหมาดเสร็จ ท่านรสูลก็กล่าว "สุบหานัลมะลิกิลกุดดูส สามครั้ง และลากเสียงยาวในครั้งสุดท้าย" (บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ, เชคอัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดีษเศาะหี้หฺ)

จากหะดิษหลังจากให้สลามละหมาดวิตรฺ
 ให้กล่าวประโยคต่อไปนี้ 3 ครั้ง

سُبْحَانَ الْمَلِكِ الْقُدُّوْس


"สุบหานัลมะลิกิลกุดดูส "


“มหาบริสุทธิ์แด่พระผู้ทรงอำนาจผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง”

ในการรายงานของท่านอบูดาวูด บอกว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวด้วยเสียงดังในครั้งที่สาม แต่ไม่มีจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรือซอฮาบะฮฺให้กล่าวซิกรฺนี้โดยพร้อมเพรียงกัน ที่ถูกต้องคือต่างคนต่างกล่าว

สำหรับวรรค  رَبُّ الْمَلائِكَةِ وَ الْرُوْح สายรายงานฎออีฟ (อ่อน)







 والله أعلم




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น