อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การจัดค่ายกุรอานเป็นบิดอะฮ์หรือไม่




การจัดค่ายกุรอ่านทุกๆปีและทำเป็นกิจวัตรประจำปีในหลายๆสถานที่ ไม่เป็นบิดอะห์
เพราะการจัดค่ายศาสนาหรือค่ายอัลกุรอานนั้น เป็นกระบวนการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งศาสนาสนับสนุนและอนุญาติให้กระทำได้
เพราะการเรียนรู้ศาสนาท่านนบีและซอฮาบะห์ได้กระทำไว้หลายรูปแบบ
เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้และเหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้

     แต่มันก็จะเป็นบิดอะห์ได้ต่อเมื่อเราไปกำหนดวิธีการเรียนรู้ เวลา ฯลฯ โดยอ้างว่าศาสนาให้เรียนและเข้าค่ายอย่างเดียวโดยปฏิเสธรูปแบบและวิธีอื่นๆ  ซึ่งเป็นวิธีที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และซอฮาบะห์เคยกระทำไว้

ขอยกมาเปรียบเทียบกับการยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาดดังนี้
*** อนุญาตให้ยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาดได้ เพราะมีตัวบทหลักฐานให้ยกมือขอดุอาอ์ที่เป็นบริบททั่วไป โดยไม่ต้องยึดว่าต้องทำตลอด หลังละหมาด เพราะไม่มีหลักฐานเรื่องนี้ให้กระทำเป็นการเฉพาะ
***การจัดเข้าค่ายกุรอ่าน เป็นสิ่งที่ถูกปฏิบัติขึ้นมาใหม่ในสิ่งที่ไม่มีแบบอย่างในยุคของท่านนบี แต่มีหลักการขั้นพื้นฐานของศาสนารองรับ เพราะการเรียนรู้ศาสนาท่านนบีและซอฮาบะห์ได้กระทำไว้หลายรูปแบบเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้และเหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ รวมการสร้างโรงเรียนสอนศาสนาในระบบปัจจุบัน หรือการสร้างโรงเรียนปอเนาะในยุคก่อนๆ ซึ่ง เป็นสถานที่เพื่อการสั่งสอนวิชาการศาสนา และปกป้องศาสนาจากการสูญหาย ซึ่งการสั่งสอนวิชาการและปกป้องศาสนาจากการสูญหายนี้ เป็นหลักการขั้นพื้นฐานที่จำเป็น (วาญิบ) ของอิสลาม อันเป็นมติเอกฉันท์ของนักวิชาการ


ที่เข้าข่ายบิดอะฮ์
**การยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาด โดยกำหนดว่าต้องยกมือขอดุอาอ์ตลอด ไม่ยกไม่ได้ ถือเป็นการกำหนดการทำอิบาดะฮ์ขึ้นเฉพาะโดยไม่มีหลักฐานรองรับ
**การเข้าค่ายอัลกุรอาน รูปแบบเดียวในการศึกษาเรียนรู้ แบบอื่นไม่ได้ เป็นกำหนดวิธีการเรียนรู้ เวลา ฯลฯ โดยอ้างว่าศาสนาให้เรียนและเข้าค่ายอย่างเดียวโดยปฏิเสธรูปแบบและวิธีอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และซอฮาบะห์เคยกระทำไว้ เป็นการกำหนดรูปแบบศาสนาขึ้นมาเป็นการเฉพาะ


สำหรับคำถามที่ถามผู้ที่อ้างว่ามีบิดอะฮ์หะซะนะฮ์ตามบทบัญญัติและให้ทำบิดอะฮ์เหล่านั้นได้ แต่อุลามะฮ์ เขาว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นบิดอะฮ์น่ารังเกียจ หรือต้องห้าม  เช่น อีมาม อันนะวะวีย์ กล่าวว่าละหมาดร่อฆออิบ ละหมาดนิศฟูชะอบาน เป็นบิดอะฮที่น่ารังเกียจ การจัดเลี้ยงอาหารบ้านคนตายเป็นบิดอะฮฺ้ต้องห้าม เป็นต้น เมื่อการกระทำสิ่งเหล่านี้เป็นบิดอะฮ์หะซะนะฮ์ แล้ว ทำไมอุลามาอ์จึงกล่าวว่าเป็นบิดอะฮ์ต้องห้ามด้วย


และเมื่อถามว่าการกระทำใดบ้างเป็นบิดอะฮ์ฎอลาละฮ์ เขาตอบว่า การตะยัมมุมที่ไม่ใช้ดิน จึงถามกลับไปว่า การตะยัมมุมที่ไม่ใช้ดิน มันเป็นบิดอะฮ์ฎอลาละฮ์ แล้วมันฎอลาลาฮ์ยังไง ทำไมถึงขั้นฎอลาละฮ์ มันต่างกันอย่างไรกับบิดอะฮ์หาซานะฮ์ที่มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง แต่ก็ไร้คำตอบที่เป็นเชิงทางวิชาการ นอกจากเป็นการใช้คำที่เสียดสี ให้ร้ายและเฉไฉเท่านั้น




วัลลอฮุอะอฺลัม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น