อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ทางรอดจากฟิตนะฮฺทั้งหลาย







         จิตใจนอนค้างคืนอย่างหวาดผวาว่า จะรอดจากฟิตนะฮฺอย่างไร ? จะไม่มีทางรอดใดได้ จากฟิตนะฮฺทั้งหลายนั้น นอกจากถือตามนบีแห่งประชาชาติ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกไว้ คือ


1) ประจำอยู่กับญะมาอะตุ้ลมุสลิมีน และผู้นำของพวกเขา


          เป้าหมายในประเด็นนี้ ก็คือ ญะมาอะฮฺกลุ่มที่ยึดมั่นอยู่กับกิตาบุ้ลลอฮฺ และซุนนะฮฺของ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังมีรายงานของฮุซัยฟะฮฺ บินอัลยะมานีย์ กล่าวว่า

     “ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวถึง บรรดาผู้เรียกให้เข้าประตูนรกญะฮันนัม ใครที่ฟังพวกเขา พวกเขาก็จะเหวี่ยงคนนั้นลงนรกไป เขาพูดว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ เราจะรอดพ้นกันได้อย่างไร?

ท่านกล่าวว่า “ท่านก็จงประจำอยู่กับหมู่คณะของมุสลิม พร้อมอิหม่ามของพวกเขา”

ฉันถามว่า ถ้าไม่มีแม้แต่ผู้นำสักคนหนึ่งหรือญะมาอะฮฺใดๆ

ท่านตอบว่า “ท่านจงละจากกลุ่มต่างๆ ทั้งหมด แม้ว่าท่านต้องแทะรากไม้กินจนตายไปโดยที่ท่านเป็นอยู่อย่างนั้น”


2) การเรียนรู้ และสอนพร้อมปฏิบัติ


          เพราะว่าผู้รู้นั้นมีดุลยพินิจ จนสามารถทำความรู้ของตนมาป้องกันให้พ้นจากฟิตนะฮฺ เขาสามารถสั่งสอนคนอื่น เตือนให้ระวังตัวให้พ้นจากความชั่วร้ายของฟิตนะฮฺ

          ได้มีรายงานจากอับดุลลอฮฺบินมัสอู๊ด ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่ามีรายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในฮะดิษของท่านว่า

           “พวกท่านจงศึกษาวิชาความรู้ และสอนความรู้นั้นแก่ผู้คน พวกท่านจงเรียนรู้อัลกุรอานและสอนอัลกุรอานนั้นแก่ผู้คน พวกท่านจงเรียนรู้เรื่องแบ่งมรดก และสอนเรื่องการแบ่งมรดกนั้นแก่ผู้คนทั้งหลาย

          แท้จริงแล้วนั้น เป็นคนหนึ่งที่จะต้องตายจากไปและความรู้นั้น ก็ต้องถูกเก็บไป และฟิตนะฮฺ ก็จะปรากฎจนกระทั่งมีคนสองคนขัดแย้งกันในเรื่องที่เป็นฟัรฎู แต่ก็ไม่มีใครสักคนมาทำการตัดสินให้เขาสองคนนั้น”


3) การยึดมั่นอยู่กับแนวทางของผู้ตายไปแล้ว คือชาวสลัฟศอและฮฺ


4) การปฏิบัติตาม และเชื่อฟังผู้ทำ และต้องไม่ต่อต้าน

          แท้จริงแล้ว ต้นเหตุสำคัญที่จะทำให้รอดพ้นจากฟิตนะฮฺต่างๆ ได้นั้น คือ การเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำ ผู้ปกครอง และการตามผู้นำ ผู้ปกครองนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งมีข้อห้ามจะต่อต้านผู้นำตราบที่เขายังมิได้อยู่ หรือใช้ให้ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ หรือทำการประท้วง
          หากผู้นำใช้ให้ทำการฝ่าฝืนเรื่องของอัลลอฮฺ ท่านก็ไม่ต้องตามอย่างเด็ดขาด แต่ก็ต้องวางเฉยไม่ประท้วง เพราะการประท้วงนั้น นำมาซึ่งความระส่ำระสายไม่เป็นขบวนในแผ่นดิน และผู้คนจะเลยไปสู่การก่อวินาศกรรมด้วยการละเมิดสิ่งต้องห้าม มีการหลั่งเลือดทำให้สิทธิต่างๆ ต้องหมดไป หน้าที่การงานทั้งหลายก็ชะงักงัน


5) ไม่ร่วมขบวนการฟิตนะฮฺเมื่อมีขึ้น

          บัรบะฮารีย์ ได้กล่าวว่า “เมื่อเกิดฟิตนะฮฺขึ้นแล้ว ท่านจงอยู่ในบ้านของท่าน และอย่างได้เข้าใกล้ฟิตนะฮฺนั้น และจงระวังเรื่องเล่นพรรคเล่นพวก และในแต่ละครั้งที่เกิดการสู้รบกันระหว่างคนมุสลิมทั้งหลายในเรื่องของคนที่เป็นฟิตนะฮฺ จงยำเกรงอัลลอฮฺเพียงผู้เดียวโดยไม่ตั้งภาคีใดๆ กับพระองค์
          ท่านจงอย่าร่วมกันในบรรยากาศของฟิตนะฮฺนั้นอย่างมีอารมณ์ หรือสนับสนุนคล้อยตาม อย่าชื่นชมสิ่งใดในเรื่องฟิตนะฮฺนั้น เพราะใครที่ชอบร่วมสนับสนุนเขาก็เป็นจอมยุยงของคนพวกหนึ่งไป...”


6) ไม่ขายอาวุธในช่วงฟิตนะฮฺเกิด

         เพราะอาวุธนั้น เป็นเครื่องมือของการสู้รบปรบมือกันฆ่ากันและเป็นต้นที่มาของฟิตนะฮฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามขายอาวุธในยามสงคราม


7) การยึดมั่นอยู่กับแนวทางของกิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

          มีรายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า

          “แท้จริงฉันได้เหลือไว้ให้พวกท่านสองสิ่ง ซึ่งพวกท่านจะไม่มีวันหลงทางเป็นอันขาด หลังจากยึดสองสิ่งนั้นเข้าไว้คือ กิตาบุ้ลลอฮฺกับซุนนะฮฺของฉัน และสองสิ่งนั้นจะยังไม่แยกจากกันจนกว่า ทั้งสองนั้นจะมายังฉัน ณ ที่สระน้ำนั้น”







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น