อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หลักฐานที่ว่าท่านอุมัรทำบุญบ้านคนตาย








  ท่านอัล-หาฟิซ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์  ได้กล่าวรายงานจากท่านอะหฺมัด บิน มะนีอฺ  ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ในมุสนัดของเขาว่า …

عَنِ اْلأَحْنَفِ بْنِ قَيْسٍ قَالَ :  كُنْتُ أَسْمَعُ عُمَرَ يَقُوْلُ : لاَ يَدْخُلُ أَحَدٌ مِنْ قُرَيْشٍ فِىْ بَابٍ إِلاَّ دَخَلَ مَعَهُ نَاسٌ،  فَلاَ أَدْرِىْ مَا تَأْوِيْلُ قَوْلِهِ حَتَّى طُعِنَ عُمَرُ  فَأَمَرَ صُهَيْبًا أَنْ يُصَلِّىَ بِالنَّاسِ ثَلاَثاً،  وَأَمَرَ أَنْ يَجْعَلَ لِلنَّاسِ طَعَامًا فَلَمَّا رَجَعُوْا مِنَ الْجَنَازَةِ جَاؤُاْ وَقَدْ وُضِعَتِ الْمَوَائِدُ،   فَأَمْسَكَ النَّاسُ    عَنْهَا لِلْحَزَنِ الَّذِىْ هُمْ فِيْهِ،   فَجَاءَ الْعَبَّاسُ بْنُ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ،  فَقَالَ  :  يَاأَيُّهَاالنَّاسُ قَدْ مَاتَ … الْحَدِيْثَ ..

“รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ  เขากล่าวว่า  ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า “คนหนึ่งจากกุร็อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย” ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร  จนกระทั่ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด (ญะนาซะฮ์) สามรอบด้วยกัน  และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน  ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก (ฝัง) ญะนาซะฮ์  พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดาสำรับอาหารวางอยู่แล้ว   แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่   ดังนั้น ท่านอัลอับบาส บินอบูฏอลิบก็มา  แล้วกล่าวว่า  โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย  แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.) ได้เสียชีวิตไปแล้ว …..” สายรายงาน “หะซัน” ดูหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซะวาอิด อัลษะมานียะฮ์   เล่ม 1  หน้า 198   หะดีษที่  709
.
หะดิษบทนี้ยังมีรายต่อว่า ซึ่งอันถูกอ้างว่าเป็นคำพูดของท่านอับบาส ร.ฎ. ดังนี้

“يَا أَيُّهَاالنَّاسُ! قَدْ مَاتَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَكَلْنَا بَعْدَهُ وَشَرِبْنَا، وَمَاتَ أَبُوْبَكْرٍفَأَكَلْنَا بَعْدَهُ وَشَرِبْنَا، أَيُّهَاالنَّاسُ! كُلُوْا مِنْ هَذَاالطَّعَامِ”، فَمَدَّ يَدَهُ وَمَدَّ النَّاسُ أَيْدِيَهُمْ فَأَكَلُوْا  فَعَرَفْتُ تَأْوِيْلَ قَوْلِهِ

“ประชาชนทั้งหลาย! แน่นอน (ตอนที่)ท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมสิ้นชีวิต พวกเราก็มีการกินและการดื่มหลังจาก(การตาย)นั้น, และ(เมื่อ)ท่านอบูบักรฺสิ้นชีวิต พวกเราก็มีการกินการดื่มหลังจาก(การตาย)นั้น, .. ประชาชนทั้งหลาย!  เชิญพวกท่านกินอาหารนี้เถิด” .. แล้วท่านอับบาสและประชาชนก็เอื้อมมือไปหยิบและกินอาหารกัน .. ดังนั้น ฉัน (อะห์นัฟ บินก็อยซ์) จึงเข้าใจการไขความหมายจากคำพูดของท่าน(อุมัรฺข้างต้น) …

(จากหนังสือ “إِتْحَافُ الخِْيَرَةِ”  หะดีษที่ 2723


สายรายงานของหะดีษบทนี้  มีดังนี้ …

قََالَ أَحْمَدُ بْنُ مَنيعٍٍ حَدَّثَنَا يَزِيْدُ بْنُ هَارُوْنَ،  ثَنَا حَمَّادُ بْنُ سَلِمَةَ،  عَنْ عَلِىِّ بْنِ زَيِدٍ،  عَنْ الْحَسَنِ،  عَنِ اْلأَحْنَفِ بْنِ قَيْسٍ قَالَ  :   كُنْتُ أَسْمَعُ عُمَرَ …….


1.  อะห์มัด บิน มะเนี๊ยะอฺ

2.  ยะซีด บิน ฮารูน

3.  หัมมาด บิน สะลิมะฮ์

4.  อะลีย์ บิน ซัยด์ บิน ญุดอาน

5.  หะซัน อัล-บัศรีย์

6.  อะห์นัฟ บิน ก็อยซ์


หะดีษบทนี้  เป็นหะดีษที่  “เฎาะอีฟ”  ทั้งสายรายงานและตัวบท,   เนื่องจากมีจุดบกพร่องอยู่  3  ประการด้วยกัน, …   เป็นความบกพร่องในสายรายงาน  2  จุด และบกพร่องในข้อความหรือตัวบทอีก  1  จุด  คือ ….

(1). ผู้รายงานลำดับที่  4  คือ ท่านอะลีย์ บิน ซัยด์ บิน ญุดอาน (สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 131)  เป็นผู้รายงานที่เฎาะอีฟ, ..   ดังคำกล่าวของท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์เองในหนังสือ  “อัต-ตักรีบ”  เล่มที่  2  หน้า  37 …

นักวิชาการส่วนมากถือว่า  ท่านอะลีย์ บินซัยด์ผู้นี้  เป็นผู้รายงานหะดีษที่ขาดความเชื่อถือ, แม้กระทั่งท่านบุคอรีย์  และท่านอบู หาติม ก็ยังกล่าววิจารณ์ว่า لاَ يُحْتَجُّ بِهِ .. คือ จะอ้างเขา (อะลีย์ บิน ซัยด์ บิน ญุดอาน) เป็นหลักฐานไม่ได้ …

(จากหนังสือ  “มีซาน อัล-เอี๊ยะอฺติดาล”   เล่มที่  3  หน้า  128)


(2).   ผู้รายงานลำดับที่  5  คือ ท่านหะซัน อัล-บัศรีย์  (สิ้นชีวิตปีที่  110)  แม้โดยทั่วไปจะเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง  แต่ก็มีชื่อเสียงในด้านการรายงานหะดีษในลักษณะมั่วนิ่ม(ตัดลีซ) .. คือ  อ้างการรายงานหะดีษจากบุคคลหนึ่ง ในขณะที่หะดีษนั้น ท่านได้รับฟังมาจากบุคคลอื่น  ..  ซึ่งเรื่องนี้ ถือเป็นข้อบกพร่องที่ทำให้หะดีษที่ท่านรายงาน  ไม่ได้รับความเชื่อถือจากนักวิชาการหะดีษโดยทั่วๆไป ….

(ดูประวัติย่อของท่านหะซัน อัล-บัศรีย์ จากหนังสือ  “ตักรีบ อัต-ตักรีบ”   เล่มที่  1  หน้า  165,  และหนังสือ  “อัต-ตัดลีซ ฟิล หะดีษ  หน้า  291  เป็นต้น) ….

และหะดีษบทนี้  ท่านหะซันใช้สำนวนในการรายงานว่า .. عَنِ اْلأَحْنَفِ بْنِ قَيْسٍ :  จากท่านอะห์นัฟ บิน ก็อยซ์ .. (ดูสายรายงานจากหน้า 4) ซึ่งถือว่า เป็นการรายงานในลักษณะ “ตัดลีซ”  ตามหลักวิชาการหะดีษ  ….

ดังนั้น  หะดีษนี้จึงเรียกว่าเป็น  “หะดีษ มุดัลลัซ”  คือ หะดีษที่ถูกรายงานในลักษณะมั่วนิ่ม อันเป็นหะดีษเฎาะอีฟประเภทหนึ่ง


3). ส่วนการบกพร่องในข้อความหรือตัวบทหะดีษ ก็คือ   ข้อความที่ว่า ..  “และท่านอุมัรฺก็ได้ใช้ให้เขา (สุฮัยบ์) ทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ……..”  ถือว่า เป็นข้อความที่ “มุงกัรฺ” คือ อ่อนมาก ..
ทั้งนี้  เนื่องจากข้อความดังกล่าวนี้ มีอยู่เฉพาะในหะดีษบทนี้ (ซึ่งเป็นหะดีษที่สายรายงานเฎาะอีฟดังกล่าวมาแล้ว) เพียงบทเดียว ..  ในขณะที่หะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์บทอื่นที่รายงานมาเกี่ยวกับเรื่องการถูกฆาตกรรมของท่านอุมัรฺ ร.ฎ. จากการบันทึกของท่านบุคอรีย์  หะดีษที่3700 ก็ดี,   หรือจากการบันทึกของท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ ในหนังสือ  “อัล-มะฏอลิบ อัล-อาลิยะฮ์”  เล่มที่  8  หน้า  366  (หะดีษที่  3902) ที่มีเนื้อหาละเอียดยืดยาวกว่าหะดีษบทนี้มากก็ดี,    จะไม่ปรากฏมีข้อความเรื่องท่านอุมัรฺ ร.ฎ. ได้สั่งท่านสุฮัยบ์ให้จัดอาหารเพื่อเลี้ยงผู้คนหลังจากการตายของท่าน  ดังที่มีระบุไว้ในหะดีษบทนี้แต่ประการใด


นอกจากนี้  เนื้อหาตอนท้ายของหะดีษเฏาะอีฟบทนี้ซึ่งสรุปว่า  ท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ ร.ฎ.. ได้กินและได้สั่งให้ประชาชนกินอาหารที่ถูกนำมาเลี้ยง หลังจากการฝังท่านอุมัรฺ ร.ฎ.แล้ว โดยอ้างว่า  เมื่อตอนที่ท่านศาสดาและท่านอบูบักรฺตาย  ก็เคยมีการจัดเลี้ยงอาหารกันในลักษณะนี้ .. ก็ขัดแย้งกับหะดีษที่เศาะเหี๊ยะฮ์ (ถูกต้อง) ที่ท่าน ญะรีรฺ บิน อับดุลลอฮ์ อัล-บะญะลีย์ ร.ฎ. (สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ.  51)  ได้กล่าวเอาไว้ว่า ….

كُنَّا نَعُدُّ اْلإِجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ  وَصُنْعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنَ النِّيَاحَةِ

“พวกเรา (เศาะหาบะฮ์) ถือว่า  การไปชุมนุมกันที่บ้านผู้ตาย  และทำอาหารเลี้ยงกันหลังจากการฝังมัยยิตเสร็จแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของนิยาหะฮ์ (การแสดงออกถึงความเศร้าโศกอย่างรุนแรงเกินพอดี  ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามตามหลักการศาสนา)” …

(บันทึกโดย  ท่านอะห์มัด  หะดีษที่  6905  จากการตะห์กีกของท่านอะห์มัดชากิรฺ, และท่านอิบนุมาญะฮ์  หะดีษที่  1612  ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง  ดังการรับรองของท่านอิหม่ามนะวะวีย์ในหนังสือ  “อัล-มัจญมั๊วะอฺ”  เล่มที่  5  หน้า  320) …

สำนวนดังกล่าวนี้  เป็นสำนวนจากการบันทึกของท่านอะห์มัด


จะเห็นได้ว่า  ข้อความของหะดีษเฎาะอีฟข้างต้นอ้างว่า ท่านอับบาส ร.ฎ. ได้กินและส่งเสริมให้ประชาชนกินอาหารที่บ้านผู้ตายหลังจากฝังมัยยิตแล้ว, ..  ขัดแย้งกับข้อความของหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์ จากท่านญะรีรฺ ร.ฎ. ที่กล่าวว่า  บรรดาเศาะหาบะฮ์ถือว่า การไปร่วมกินอาหารที่บ้านผู้ตายหลังจากฝังมัยยิตแล้ว  เป็นเรื่องต้องห้าม …

หะดีษเฎาะอีฟบทใดที่ถูกรายงานมา,  หรือรายงานเพิ่มเติมบางส่วนมา ให้ขัดแย้งกับรายงานจากหะดีษเศาะเหี๊ยะฮ์  หะดีษบทนั้นหรือส่วนที่รายงานเพิ่มเติมมานั้น ตามหลักวิชาการหะดีษถือว่า เป็นหะดีษ  “มุงกัรฺ”  คือ หะดีษซึ่งถูกปฏิเสธความถูกต้อง


หะดิษบทนี้้ไม่มี อิหม่ามมุจญตะฮิดท่านใดหรือนักวิชาการท่านใดในอดีต เคยอ้างหะดีษบทนี้เป็นหลักฐานในเรื่องการทำบุญบ้านคนตาย มาก่อน


อ.ปราโมทย์  ศรีอุทัย












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น