อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การยืนให้เกียรติศพ ไม่ใช่การไว้ทุกข์




หะดิษที่ว่าด้วยการยืนให้เกียรติศพ

ท่านญาบิร ร่อฏิยัลลอฮฺอันฮฺ เล่าว่า “มีศพหนึ่งผ่านมา ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้ลุกขึ้นยืนให้เกียรติแก่ศพนั้น และพวกเราได้ลุกขึ้นยืนพร้อมท่าน พวกเราได้กล่าวว่า “โอ้ ท่านศาสดา ความจริงศพนั้นเป็นศพหญิงชาวยิว“
ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้กล่าวว่า “ แท้จริง ความตายนั้นเป็นสิ่งที่น่าพรั่นพรึง เมื่อท่านเห็นศพ จงลุกขึ้นยืน (รายงานโดย ห้าคน นอกจากตีรมีซีย์)

ท่านอิบนุ ฮะบีบ และท่าน ก๊อยฺซฺ อิบนุ ซะอดฺ ขณะทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่เมือง อัลกอดิซียะฮฺ มีคนแบกศพผ่านมา ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืน

มีผู้กล่าวว่า นี่เป็นศพชาวคริสต์ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอิสลาม ต้องยืนด้วยหรือ ?

ทั้งสองกล่าวว่า แท้จริง ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น มีผู้แบกศพผ่านมา ท่านจึงลุกขึ้นยืน

มีผู้ถามว่า โอ้ท่านร่อซูล นี่เป็นศพชาวยิว ต้องลุกขึ้นยืนด้วยหรือ ?

ท่านร่อซูล ตอบว่า เขาก็เป็นบุคคลคนหนึ่งมิใช่หรือ?

1- عَنْ عَامِرِ بْنِ رَبِيعَةَ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ( إِذَا رَأَيْتُمْ الْجَنَازَةَ فَقُومُوا لَهَا حَتَّى تُخَلِّفَكُمْ أَوْ تُوضَعَ )
رواه مسلم (958)
2- وعَنْ ابْنِ أَبِي لَيْلَى : أَنَّ قَيْسَ بْنَ سَعْدٍ وَسَهْلَ بْنَ حُنَيْفٍ كَانَا بِالْقَادِسِيَّةِ ، فَمَرَّتْ بِهِمَا جَنَازَةٌ فَقَامَا ، فَقِيلَ لَهُمَا : إِنَّهَا مِنْ أَهْلِ الْأَرْضِ ، فَقَالَا : ( إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَرَّتْ بِهِ جَنَازَةٌ فَقَامَ ، فَقِيلَ : إِنَّهُ يَهُودِيٌّ ؟ فَقَالَ : أَلَيْسَتْ نَفْسًا )

หะดีษนี้นบีสั่งให้เกียรติต่อทุกมัยยิตที่ผ่านมาจนกว่าจะคล้อยหลังเราไปหรือถูกวางลงแล้ว

وقال ابن حزم رحمه الله :
" نستحب القيام للجنازة إذا رآها المرء - وإن كانت جنازة كافر - حتى توضع أو تخلفه , فإن لم يقم فلا حرج " انتهى.
" المحلى " (3/380)
واستدلوا بما يلي :
1- عَنْ عَامِرِ بْنِ رَبِيعَةَ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ( إِذَا رَأَيْتُمْ الْجَنَازَةَ فَقُومُوا لَهَا حَتَّى تُخَلِّفَكُمْ أَوْ تُوضَعَ )
رواه مسلم (958)
2- وعَنْ ابْنِ أَبِي لَيْلَى : أَنَّ قَيْسَ بْنَ سَعْدٍ وَسَهْلَ بْنَ حُنَيْفٍ كَانَا بِالْقَادِسِيَّةِ ، فَمَرَّتْ بِهِمَا جَنَازَةٌ فَقَامَا ، فَقِيلَ لَهُمَا : إِنَّهَا مِنْ أَهْلِ الْأَرْضِ ، فَقَالَا : ( إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَرَّتْ بِهِ جَنَازَةٌ فَقَامَ ، فَقِيلَ : إِنَّهُ يَهُودِيٌّ ؟ فَقَالَ : أَلَيْسَتْ نَفْسًا )
رواه مسلم (960)


หะดีษนี้ท่านกอยสและส้ะฮลได้ยืนให้เกียรติมัยยิตหนึ่งที่ผ่านมาทั้งสองได้ยินคำกล่าวว่าแท้จริงมัยยิตนี้คือชาวโลกด้วยกันทั้งสองจึงกล่าวว่าท่านรซู้ลฯได้ยืนให้เกียรติมัยยิตซึ่งมีผู้บอกว่าเปนยิวท่านนบีจึงกล่าวมิใช่หรือที่เขาก็เปนชีวิตหนึ่งเหมือนกับเรา


การยืนให้เกียรติศพไม่ว่าศพนั้นจะเป็นมุสลิม หรือต่างศาสนิกก็ตาม ตามที่ท่านรสูลุลลอฮ์ (ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และบรรดาเศาะหาบะ ฮ์ (รอฎียัลลอฮุอันฮุม) ได้ทำไว้เป็นแบบอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นการไว้ทุกข์ ตามที่คนต่างศาสนิกเขาทำกันอยู่ในปัจจุบัน คือการแต่งชุดดำ หรือการโกนผม ซึ่งปะปนด้วยความเชื่อประเพณีของคนต่างศาสนิก ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่มีพระ หรือพิธีกรรมมาเกี่ยวข้องก็ตาม มันก็ไม่ต่างกับประเพณีอื่นๆที่ปะปนด้วยความเชื้อ ไม่ว่า จะเป็นประเพณีลอยกระทง หรือประเพณีวันสงกรานต์ก็ตาม จึงไม่เป็นที่อนุญาตที่จะกระทำโดยเจตนามุ่งปฏิบัติในเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็ใช่ว่ามุสลิมจะแสดวงความอาลัยไม่ได้ และก็ไม่เป็นที่อนุญาตที่มุสลิมจะปฏิบัติตนเพื่อการเยี่ยดหยามการกระทำของคนต่างศาสนิกนั้นด้วย


 


วัลลอฮุอะอฺลัม



1 ความคิดเห็น: