อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

อีมาม อันนะวะวีย์ กล่าวว่าละหมาดร่อฆออิบ ละหมาดนิศฟูชะอบาน เป็นบิดอะฮที่น่าเกลียด

อีมาม อันนะวะวีย์ -ร่อฮิมะฮุลลอฮ- ปราชญ์ใหญ่ในมัสฮับชาฟีอีย บอกว่าละหมาดร่อฆออิบ ละหมาดนิศฟูชะอบาน เป็นบิดอะฮที่น่าเกลียด ขออัลลอฮสาบแช่งคนที่อุตริละหมาดนี้

قال النووي رحمه الله في "المجموع" (3/548) :
" الصلاة المعروفة بصلاة الرغائب , وهي ثنتا عشرة ركعة تصلى بين
المغرب والعشاء ليلة أول جمعة في رجب , وصلاة ليلة نصف شعبان مائة ركعة وهاتان
الصلاتان بدعتان ومنكران قبيحتان ولا يغتر بذكرهما في كتاب قوت القلوب , وإحياء
علوم الدين , ولا بالحديث المذكور فيهما فإن كل ذلك باطل ، ولا يغتر ببعض من اشتبه
عليه حكمهما من الأئمة فصنف ورقات في استحبابهما فإنه غالط في ذلك , وقد صنف الشيخ
الإمام أبو محمد عبد الرحمن بن إسماعيل المقدسي كتابا نفيسا في إبطالهما فأحسن فيه
وأجاد رحمه الله " انتهى .
อิมาม อันนะวะวีย-ร่อฮิมะฮุลลอฮุตะอาลา –กล่าวว่า :การละหมาดที่เรียกกันว่า ละหมาดร่อฆออิบ มี 12 ร่อกะอัต ละหมาดช่วงระหว่างละหมาดมัฆริบกับละหมาดอิชาในคืนวันศุกร์แรกของเดือนร่อญับ ตลอดจน การละหมาดในคืนนิศฟุชะอบาน 100 ร่อกะอัต ละหมาดทั้ง 2 นี้เป็นบิดอะฮที่น่ารังเกียจและอย่าไปสำคัญผิดคิดว่ามันถูกเพราะมีกล่าวไว้ในหนังสือกูตุลกุลูบและอิหยาอุลูมิดดีน หรือมีหะดีสรายงาน เพราะว่าทั้งหมดเหล่านั้นเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น และอย่าคิดว่าการละหมาดนั้นเป็นเรื่องถูกเนื่องจากมีบรรดาอิมามหลายท่านที่คลาดเลื่อนในฮุก่มจนมีบางท่านได้แต่งบทความโดยสนับสนุนให้กระทำละหมาดทั้งสองดังกล่าว โดยเข้าใจว่าเป็นมุซตะหับ(สุนัต) เพราะแท้จริงแล้วถือว่าอิมามท่านนั้นผิดไปเสียแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ปรากฏว่า ท่านเชค อิมาม อะบู มุฮัมมัดอับดุรรอฮมาน บินอิสมาอีล อัลมักดิซีย์ ได้ประพันธ์หนังสือที่ทรงคุณค่าไว้เล่มหนึ่งโดยได้หักล้างหลักฐานการละหมาดทั้งสองนั้น ซึ่งท่านได้อธิบายไว้อย่างครบถ้วนสมบรูณ์ในเล่มดังกล่าวแล้ว .(ดูอัลมัจมูอเล่ม3/548)
وقال النووي – أيضاً - في "شرح مسلم" :
" قاتل الله واضعها ومخترعها , فإنها بدعة منكرة من البدع التي
هي ضلالة وجهالة وفيها منكرات ظاهرة . وقد صنف جماعة من الأئمة مصنفات نفيسة في
تقبيحها وتضليل مصليها ومبتدعها ودلائل قبحها وبطلانها وتضليل فاعلها أكثر من أن
تحصر " انتهى .
ท่านใด้กล่าวไว้อย่างรุนแรงใน ชัรหุมุสลิมว่า : ขออัลลอฮทรงสาบแช่งคนที่ทำและผู้ทีคิดค้นประดิษฐ์ละหมาดนี้ขึ้นมา เป็นการอุตริบิดอะฮที่น่ารังเกียจจากเรื่องอุตริต่างๆที่หลงผิดและโง่เขลาซึ่งรูปแบบการละหมาดนั้นมีสิ่งที่น่าเกลียดอย่างชัดเจน แน่นอนว่ามีอิมามกลุ่มหนึ่งใด้ประพันธ์ตำราที่ทรงคุณค่าเอาใว้โดยได้ชี้ให้เห็นถึงความน่าเกลียด ความหลงผิดของผู้ที่ปฏิบัติและผู้ที่คิดอุตริละหมาดนี้ และหลักฐานที่บ่งชี้ถึงความน่าเกลียด ความเท็จ ความหลงผิดของผู้ปฏิบัติละหมาดนี้นั้นมีมากมายเกินจะนับได้.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น