อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คนต่างศาสนิกรับประทานเนื้อกุรฺบานได้


ศาสนาให้ช่วยเหลือ หรือทำความดีกับผู้ที่ใช่มุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาเป็นญาติใกล้ชิด เช่นนี้อนุญาตให้มุสลิมทำความดี หรือเชื่อมสัมพันธ์กับเขาได้ ตราบเท่าที่ไม่ผิดหลักการศาสนา อิสลามจึงอนุญาตให้นำเนื้อกุรบานไปให้คนต่างศาสนิกรับประทานได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อกุรฺบานแบบปรุงเป็นอาหารแล้ว หรือยังไม่ปรุงเป็นอาหารก็ตาม แต่ต้องไม่ใช่เนื้อกุรฺบานวาญิบ เช่น เนื้อกุรฺบานที่ถูกบนบาน (นะซัรฺ) ไว้

แต่มีเงื่อนไว้ว่า คนต่างศาสนิกผู้นั้นต้องไม่ใช่ศัตรูอิสลาม หรือทำสงครามกับมุสลิม

พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮาฮุวะตาอาลา

لَّا يَنْهَاكُمُ اللَّهُ عَنِ الَّذِينَ لَمْ يُقَاتِلُوكُمْ فِي الدِّينِ وَلَمْ يُخْرِجُوكُم مِّن دِيَارِكُمْ أَن تَبَرُّوهُمْ وَتُقْسِطُوا إِلَيْهِمْ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِينَ ( 8 )
อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม"(อัลกุรอานสุเราะฮฺอัล-มุมตะหะนะฮฺ 60:8)

ท่านหญิงอัสมาอ์ บุตรของท่านอบูบักรฺเคยถามท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า

يا رسولَ اللهِ ! إِنَّ أُمِّيْ قَدِمَتْ عَليَّ و هِيَ رَاغِبَةٌ
أَفَأَصِلُهَا ؟ قال نعم ، صِلِيْهَا

“โอ้ ท่านรสูลของอัลลอฮฺ แท้จริงแม่ของฉันได้มาหาฉัน นางปรารถนาเชื่อมสัมพันธ์กับฉัน (ทั้งที่นางไม่ใช่มุสลิม) ฉันจะเชื่อมสัมพันธ์กับนางได้ไหม? ท่านรสูลตอบว่า ได้สิ เธอจงเชื่อมสัมพันธ์กับนางเถิด" (บันทึกหะดิษโดยบุคอรี หะดิษเลขที่ 2427 และมุสลิม หะดิษเลขที่ 1670)

ทัศนะของนักวิชาการ

เนื่องจากไม่มีหลักฐานอันชัดแจ้งจากอัลกุรอานและหะดิษถึงเรื่องนี้โดยตรง นักวิชาการจึงมีความขัดแย้งกัน ในที่นี้ขอยกทัศนะของนักวิชาการที่อนุญาตให้คนต่างศาสนิกรับประทานเนื้อกุรฺบานได้


มัซฮับฮัมบาลีย์ มีทัศนะว่า  อนุญาตให้เนื้อกุรบานกับกาเฟรซิมีย์ได้   หมายถึงกาเฟรที่อยู่ร่วมภายใต้กฏหมายเดียวกับเรา และไม่มีความเป็นศรัตรูต่อกัน  เพราะการให้เนื้อกุรบานเป็นการทำดีอย่างหนึ่ง  ซึ่งการกระทำดีต่อผู้อื่นนั้น  ศาสนาอนุญาตให้กระทำได้  แม้จะเป็นกาเฟรก็ตาม  ตราบใดที่พวกเขาไม่เป็นศัตรูกับเรา

ท่านอิมามมาลิกกล่าวว่า "ผู้อื่นจากพวกเขานั้น เป็นที่รักยิ่งมายังเรา(ในการให้รับประทานเนื้อกุรบาน)

ท่านอิมามอัลบาญูรีย์ ได้กล่าวว่า  "ไม่อนุญาตให้เนื้ออะกีเกาะห์แก่ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมดังที่อิมามชาฟิอีย์ได้ ระบุไว้ในหนังสือของท่านอัลบุวัยฏีย์  แต่ในหนังสืออัลมัจญ์มัวะห์ระบุว่าอนุญาตให้คนจนจากกาเฟรซิมมีย์รับประทาน จากเหนืออุดฮียะห์ที่เป็นสุนัตได้แต่ไม่อนุญาตอนุญาตเนื้ออุดฮียะห์ที่เป็น วายิบ

อุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์บางท่าน เช่น ท่าน อัลมุหิบ อัฏฏ๊อบรีย์ ได้วินิจฉัยว่า อนุญาติให้รับประทานเป็นอาหารกับคนจนที่เป็นกาเฟรซิมมีย์ (กาเฟรที่อยู่ในปกครองของรัฐอิสลาม) จากเนื้อกุรบานที่เป็นสุนัติ และไม่ใช่วายิบ(เช่น บนบานเอาไว้ว่าจะเชือด หรือสั่งเสียว่าให้ทำการเชือด) โดยเปรียบเทียบ(กิยาส)กับการบริจาคท่านทั่วไปที่เป็นสุนัต"


والله أعلم بالصواب

✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น