อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผลไม้หมักก่อนกลายเป็นสุราและหลังกลายเป็นน้ำส้ม



                     สำหรับน้ำผลไม้คั้น และน้ำองุ่นหมักก่อนจะเปลี่ยนเป็นสุรา ศาสนาอนุญาตให้ดื่มได้

ดังมีหลักฐานหะดิษ

                       รายงานจากท่านอบีฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎียัลลฮุอันฮุ เล่าว่า
“ฉันเคยเห็นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยถือสิอด และฉันก็คอยปรนิบัติ การถือศิลอดของท่านด้วยน้ำองุ่นที่ฉันทำขึ้น ต่อมาฉันก็ได้นำมาให้ท่านท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมดื่ม ซึ่งมันกำลังมีปฏิกิริยา(เปลี่ยนเป็นสุรา) ดังนั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวขึ้นว่า “จงทุบมันกับฝานี้ เพราะแท้จริงเครื่องดื่มนี้สำหรับคนที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอาคิเราะฮฺ" (บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด อันนะซาอีย์ และอิบนิมาญะฮฺ)

รายงานจากท่านอิบนิ อุมัร ร่อฎียัลลฮุอันฮุ ท่านกล่าวว่า
“จงดื่มมันเถิด ตราบใดที่ชัยฏอนยังไม่มาเอามัน” และคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “นานเท่าใดที่ชัยฏอนจะมาเอาไป”(หมายถึงเก็บไว้กี่วันจึงกลายเป็นสิ่งหะรอม) ท่านอิบนิ อุมัร ร่อฎียัลลฮุอันฮุ จึงกล่าวตอบว่า “ได้นานแค่ 3 วัน” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอะหฺมัด)
*******
                        สำหรับสุราที่เปลี่ยนกลายเป็นน้ำส้มนั้น อุลามะฮฺได้ลงความเห็นว่า สุรานั้นหากกลายสภาพเป็นน้ำส้มด้วยตัวของมันเองแล้ว (คือไม่ได้ใส่เชื้อเร่ง หรือส่วนผสมอื่นๆ) ก็เป็นที่อนุมัติให้รับประทานได้




والله أعلم بالصواب


✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น