อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เมื่อจะละศิลอด


บวช
เมื่อจะละศิลอด

ให้รีบเร่งในการละศิลอด

                เมื่อเข้าเวลามัฆริบเเล้ว สุนัตให้รีบเร่งละศีลอด ด้วยการปฎิบัติเช่นนี้ ผู้ที่รีบเร่งละศีลอด จะได้ผลบุญมากกว่าผู้ที่ล่าช้าในการละศีลอด เมื่อถึงเวลาละศิลอดแล้ว

รายงานจากซะห์ละฮ์ บินซะอ์ดุ  ว่าเเท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
" มนุษย์นั้นจะคงดำรงอยู่บนความดีตราบเท่าที่พวกเขารีบเร่งในการละศีลอด"(บันทึกโดยบุคอรีเเละมุสลิม)


             
แก้บวช
ร่วมละศิลอด

ให้ละศิลอดก่อนทำละหมาดมัฆริบและไม่เร่งรีบ

         
            การถือศีลอดก่อนทำละหมาดมัฆริบในการละศีลอดนั้นจะต้องไม่รีบเร่ง เเต่ทว่าให้รับประทานอาหารอย่างสุภาพในช่วงเวลาที่สมควร ไม่ใช่จนหมดเวลาละหมาดมัฆริบสำหรับผู้ที่ถือศีลอดเเล้ว เขาควรรับประทานอาหารละศีลอดที่ได้ถูกนำไปวางเตรียมเอาก่อนทำละหมาดมัฆริบ

รายงานจากอานัสว่าท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
" เมื่ออาหารค่ำได้ถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าให้สูเจ้ารับประทานอาหารค่ำก่อนทำละหมาดมัฆริบเเละจงอย่าเร่งรีบในขณะที่รับประทานอาหาร”(บันทึกโดยบุคอรีเเละมุสลิม)



ขณะที่จะละศิลอด ให้ขอดุอาอ์มากๆ

                 ผู้ที่ละศีลอดนั้นเขาได้รับคำสัญญาจากอัลลอฮฺว่า ดุอาของเขานั้นย่อมจะถูกตอบรับอย่างเเน่นอน กล่าวคืออัลลอฮฺจะไม่ทรงเพิกเฉยต่อการขอของคนที่ละศีลอดนั้นๆ  ดังนั้นช่วงเวลาในขณะที่จะละศีลอด คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พวกเราสมควรต้องขอดุอาให้มากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งดุอาขอการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ


ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า

ثَلَاثَةٌ لَا تُرَدُّ دَعْوَتُهُمْ الْإِمَامُ الْعَادِلُ وَالصَّائِمُ حَتَّى يُفْطِرَ وَدَعْوَةُ الْمَظْلُومِ

สามคนด้วยกัน ที่การขอดุอาอฺของพวกเขาจะไม่ถูกปฏิเสธ อิหม่ามที่ยุติธรรม คนถือศีลอดจนกว่าจะละศีลอด และการขอดุอาอฺ ของคนที่ถูกข่มเหง” (บันทึกโดยอะหฺมัด :7983)


รายงานจากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรุ บินอัลอาซว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“แท้จริงการขอดุอาของผู้ที่ถือศีลอดในขณะที่ละศีลอดนั้นจะไม่ถูกปฎิเสธ”  ดังนั้นเมื่อบ่าวของอัลเลาะห์คนหนึ่งนั้นจะละศีลอด เขาจงกล่าวเถิดว่า:โอ้อัลลอฮฺ! ฉันขอวิงวอนขอเราะห์มัตจากพระองค์ที่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ขอได้โปรดประทานอภัยโทษเเก่ฉันด้วยเถิด" (บันทึกหะดิษโดยอิบนุมาญะห์)

...ดุอาอ์ละศิลอด...

ذَهَبَ الظَمَأُ وَابْتَلَّتِ العُرُوقُ وَثَبَتَ الأَجْرُ إِن شَاءَ اللهُ

คำอ่าน "ซะฮะบัซ เซาะมะอุ วับตัลละติลอุรูก วะษะบาตัลอัจญ์รุ อินชาอัลลอฮฺ"

ความหมาย "ความกระหายได้หมดไปแล้ว เส้นโลหิตก็เปียกชื้น ผลบุญก็ได้รับแล้ว ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺ" (บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 2359)

รอมา
ละศิลอดกับอินทผลัม

ให้ละศิลอดกับอินทผลัมหรือน้ำเป็นอันดับแรก

          อาหารที่ดีที่สุดในการละศีลอดคือผลอินผลัม ถ้าหากว่าไม่มีผลอินทผลัม ก็ให้เขาละศีลอดด้วยน้ำสะอาด ทั้งนี้เนื่องจากว่า น้ำสะอาดนั้นคือยาสำหรับผู้ที่ถือศีลอด นอกจากนี้ผู้ที่ละศีลอดด้วยกับอินทผลัมหรือน้ำยังจะได้รับผลบุญเนื่องจากปฎิบัติตามซุนนะฮฺของท่านรสูลอีกด้วย


รายงานจากสุลัยมาน บินอามีรอัดดอบี อัซซอฮาบี  ว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

إِذَا أَفْطَرَ َأَحَدُكُمْ فَلْيُفْطِرْ عَلىَ تَمْرٍ فَإِنْ لَمْ يَجِدْ فَلْيُفْطِرْ عَلىَ مَاءٍ فَإِنَّهُ طَهُوْرٌ
“เมื่อคนใดจากพวกท่านได้ละศีลอด ให้เขาจงละศีลอดด้วยอินทผลัม ถ้าหากไม่มีให้เขาละศีลอดด้วยน้ำ เพราะมันสระอาด” (เศาะเหี๊ยะหฺอัลญามิอฺ  หะดิษเลขที่36 อาบูดาวุดเเละติรมีซี )





ศิลอด
สำคัญผิดว่าถึงเวลาละศิลอด


กรณีละศิลอดก่อนเข้าเวลามัฆริบเพราะความสำคัญผิด

       


             กรณีผู้ถือศิอดเข้าใจว่าเข้าเวลาละหมาดมัฆริบแล้ว  อันเนื่องจากท้องฟ้าอาจมืดมน หรือมีฝนตกจนกระทั่งช่วงเวลากลางวันนั้นมืดมิด เเละความมืดที่ยาวนาน ไม่มีนาฬิกา หรือเครื่องวัดเวลาอื่นๆ จนไม่อาจรู้เวลาได้อย่างเเน่นอน  จึงได้ละศิลอด แต่หลังจากที่ได้ละศีลอด ปรากฎว่าฝนได้หยุดตกเเละท้องฟ้าก็เเจ่มใส ดวงอาทิตย์ก็ปรากฎออกมาดังเดิม จึงทราบว่ายังไม่เข้าเวลามัฆริบ ในเหตุการณ์เช่นนี้ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซํลลัม ไม่ได้กล่าวว่า การถือศีลอดเป็นโมฆะ ดังนั้นการถือศีลอดจึงถือว่าใช้ได้


รายงานจากอัซมาอ์ บินตี้ อาบูบักร ว่า
" วันหนึ่งฉันได้ละศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยที่วันๆนั้น มีเมฆหมอกปกคลุมในสมัยที่ท่านรสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลัม ยังมีชีวิตอยู่  หลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็โผล่ออกมา”(บันทึกหะดิษโดย บุคอรี)
  والله أعلم







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น