อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โครงกลอน ลำนำเพลงที่ไม่มีเสียงดนตรีในอิสลาม

บทกลอนและบทเพลงที่อนุมัติในอิสลาม

ทัศนะที่ว่าโครงกลอนในต้นตอของมันนั้นไม่สมควร  เป็นมักรูฮ์ไม่สมควรที่จะเอามาใช้ เพราะเป็นการแสดงโอ้อวดที่หลงผิด บางที่อาจนำไปสู่การด่าทอบุคคลที่ศาสนาไม่อนุญาตให้ด่าทอ และสรรเสริญบุคคลที่ไม่ควรสรรเสริญ ซึ่งเป็นทัศนะของนักวิชาการบางส่วน

นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่า ต้นตอของโครงกลอนเป็นสิ่งอนุมัติ เพราะเป็นคำพูดที่ดีและเลว ที่ดีต้องนับว่าดี และที่เลวก็ถือว่าเลว

รายงานจากอิบนิอุมัร จากท่านรสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า "การที่ท้องของใครจากพวกท่านจะเต็มด้วยน้ำหนอง ก็ยังดีสำหรับเขากว่าท้องของเขาเต็มด้วยโครงกลอน(หมายถึงโครงกลอนที่ถูกตำหนิ)"
(บันทึกหะดิษโดยบุคอรี มุสลิม อบูดาวูด)

ส่วนหนึ่งของคำโครงเป็นปรัชญา ได้แก่หลักวิชาการต่างๆที่ประพันธ์ขึ้นในรูปร้อยกรอง หรือคำสั่งสอน

รายงานจากท่านอุบัยย์ บุตรอะอับ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ส่วนหนึ่งของคำกวีนั้นเป็นปรัชญา"
(บันทึกหะดิษโดยบุคอรี อะบูดาวูด และติรฺมีซี)

การว่ากาพย์กลอนต่อท่านรสูลุลลอฮ์ 
รายงานจากยาบิร บุตร ซะมุเราะฮ์ ได้กล่าวว่า "ฉันได้นั่งร่วมกับท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม มากกว่าร้อยครั้ง โดยบรรดาอัครสาวกของท่านกล่าวคำกลอน(คือคำกลอนที่เป็นเรื่องจริง เช่น การกล่าวโจมตีพวกผู้ตั้งภาคี) และทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เป็นเรื่องในสมัยญาฮิลีญะฮ์ โดยท่านนบีนิ่งเฉย และบางครั้งท่านก็ยิ้มพร้อมกับพวกเขา(โดยเห็นด้วยและคล้อยตามไปกับพวกเขา"
(บันทึกหะดิษโดยติรฺมีซี)

โดยสรุปได้ว่าพื้นฐานของโครงกลอน และบทเพลง หรืออนาซีดที่ไม่ประกอบด้วยเสียงดนตรี ในที่ของมัน และตามสภาพของมันนั้น เป็นที่อนุมัติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ที่อนุญาตก็เป็นที่อนุญาต การฟังบทโครงกลอน หรือบทเพลงที่ไม่ประกอบเสียงดนตรีเหล่านั้น ก็เป็นที่อนุญาต

ตัวอย่าง การกล่าวบทกลอนหรือร้องเพลงที่อนุมัติ(ฮาลาล)
-ผู้หญิงกล่าวบทกลอนหรือร้องเพลงให้ลูกของนางฟัง หรือกล่อมหรือกล่อมลูกน้อยของนางให้นอน
-กล่าวบทกลอนหรือร้องเพลงปลุกใจเพื่อการต่อสู้
-กล่าวบทกลอนหรือร้องเพลงในวันตรุษ หรือวันสำคัญๆ เพื่อแสดงความดีใจ

และการกล่าวบทกลอนหรือร้องเพลงนั้น ให้ใช้คำสุภาพ สวยงาม ดี ไม่หยาบคาย และน่าเกลียด
แต่ถ้าบทกลอนหรือเพลงที่กล่าวหรือร้องออกไปเกินจากขอบเขตที่หะลาล เช่นทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศ เรียกร้องไปสู่ความชั่ว ความเบื่อหน่าย การตั้งภาคีต่อพระองค์อัลลอฮ์ หรือทำให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อการภัคดีต่อพระองค์อัลลอฮ์ บทกลอนหรือบทเพลงดังกล่าว จึงไม่เป็นที่อนุมัติ

บทกลอนหรือบทเพลง(อนาซีด)ที่ประกอบเสียงดนตรี
แต่เมื่อใดบทกลอน บทเพลง(อนาชีด) มีเสียงดนตรีประกอบ แม้ว่าบทกลอนหรือบทเพลงนั้น จะใช้คำสุภาพ สวยงาม ไม่มีบทความที่ต้องห้ามที่กล่าวมาข้างต้น ก็ตาม ก็ไม่เป็นที่อนุมัติ มุสลิมไม่สามารถกล่าวหรือร้องได้ รวมถึงการห้ามฟังบทกลอน หรือบทเพลงเหล่านั้นด้วย

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า "จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันพยายามทำให้เรื่องซินา เรื่องผ้าไหม เรื่องสุรา และเครื่องดนตรี เป็นที่ฮาลาล..."
(บันทึกโดยท่านอีหม่ามบุคอรี ฮะดิษเลขที่ 5590)

. والله أعلم










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น