ความว่า “และสูเจ้าจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงชีวินผู้ทรงไม่ตาย และจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ และพอเพียงแล้วด้วยพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้ในความผิดทั้งหลายของปวงบ่าวของพระองค์”
(อัล-ฟุรกอน 58)
ส่วนหนึ่งของอิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่นั้นคือการมอบหมายต่ออัลลอฮฺผู้สูงส่งในทุกการงาน จะทำสิ่งใด ก็ต้องกล่าวนามของอัลลอฮ์ แล้วจึงมอบหมายตัวต่อพระองค์อัลลอฮ์ อย่างเมื่อออกจากบ้าน ก็ให้กล่าวดุอาอ์ดังนี้
"บิสมิ้ลละฮิ ต้าวักกัลตุ อ้าลัลลอฮิ ว่าลาเฮาเฮาล่า ว่าลา กูว่าต้า อิลลา บิ้ลลาฮฺ"
ความว่า "ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ฉับมอบหมายตัวยังพระองค์อัลลอฮ์ ซึ่งไม่มีพลัง และอำนาจใด เว้นแต่(ที่มาจาก) พระองค์อัลลอฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น"
มิใช่ออกจากบ้านแล้ว ได้ยินจิ้งจกร้อง ก็มีความเชื่อว่ามีลางร้าย หรือต้องก้าวออกจากบ้านเวลา 09.09 นาฬิกา โดยเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาดี อันเป็นการทำชีริกต่อพระองค์อัลลอฮ์ เพราะมีความเชื่อว่าเวลา หรือการทักของจิ้งจกมีผลดีผลร้ายต่อตน มาเทียบเคียงต่อพระองค์อัลลอฮฺ
...^^^และก่อนมอบหมายต่ออัลลอฮ์นั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อน จึงตะวักกัลต่อพระองค์อัลลอฮ์ มิใช่มอบหมายต่ออัลลอฮ์โดยที่ไม่กระทำหน้าที่นั้นเสียก่อนเลย
จากหะดิษ
วันหนึ่งท่านรอซูล มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม
สังเกตเห็นว่าชาวเบดูอินท่านหนึ่งได้ปล่อยอูฐของเขาไว้
โดยไม่ผูกมันเอาไว้ ท่านจึงถามชาวเบดูอินท่านนั้นว่า
“เหตุใดท่านจึงไม่ผูกอูฐของท่านไว้เล่า” ชาวเบดูอินตอบว่า
“กระผมมอบหมายต่ออัลลอฮฺไว้แล้วขอรับ”
ท่านรอซูลจึงกล่าวว่า
“จงผูกอูฐของท่านไว้ก่อน แล้วจึงมอบหมายต่ออัลลอฮฺ”
(ติรมิซียฺ(ติรมิซียฺ)
จึงเห็นได้ว่าก่อนมอบหมายต่ออัลลอฮ์นั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราเสียก่อน จะให้สัตว์เลี้ยงของเราอิ่ม เราก็ต้องปล่อยให้กินหญ้า หรือเอาหญ้ามาให้มันกิน เราป่วย เราต้องหายามารักษา เราได้ริสกีมาเลี้ยงครอบครัว เราก็ต้องทำงาน แล้วเมื่อเราทำสุดความสามารถแล้ว จะบรรลุผลประการใดนั้น เราก็ต้องมอบหมายต่อพระองค์อัลลอฮ์ ไม่ใช่อยู่ๆก็เดียวอัลลอฮ์ให้สัตว์อิ่มเอง อัลลอฮ์ให้หายเอง หรือเดียวอัลลอฮ์เลี้ยงเอง อย่างนี้เป็นต้น
والسلام )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น