อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ลักษณะการวางนิ้วชี้ของท่านรสูลในการอ่านตะชะฮฺฮุด


ลักษณะการวางนิ้วชี้ของท่านรสูลในการอ่านตะชะฮฺฮุด


หลักฐานหะดีษที่มีรายงานมาเกี่ยวกับเรื่องนี้จากเศาะหาบะฮ์บางท่าน อาทิเช่นท่านอับดุลอฮ์ อิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ และท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. เป็นต้น  ได้รายงานลักษณะการวางนิ้วชี้ของท่านศาสดาในขณะอ่านตะชะฮ์ฮุดมา ซึ่งสรุปแล้วจะมีการกล่าวไว้ 3 ลักษณะด้วยกันคือ 

1. กล่าวเพียงว่า ท่าน يُشِيْرُ بِالسَّبَّابَةِ   คือ ท่านสื่อสัญญาณด้วยนิ้วชี้ (หรือยกนิ้วชี้ขึ้น)  แต่ไม่มีรายงานต่อไปว่า ท่านกระดิกหรือไม่กระดิกมัน 

2. มีการระบุชัดเจนว่า ولاَ يُحَرِّكُهاَ يُشِيْرُ بِالسَّبَّابَةِ  คือ ท่านสื่อสัญญาณด้วยนิ้วชี้(หรือยกนิ้วชี้ขึ้น) แต่ท่านไม่ได้กระดิกมัน 

3. มีการระบุชัดเจนว่า فَرَأَيْتُهُ يُحَرِّكُهَا رَفَعَ إصْبَعَهُ .. คือ ท่านยกนิ้ว(ชี้)ขึ้น แล้วฉันก็เห็นท่านกระดิกมัน

ซึ่งคำว่า  يُشِيْرُ بِالسَّبَّابَةِ ไม่จำเป็นต้องแปลว่า “ชี้ด้วยนิ้วชี้” เสมอไป คำว่า أَشَارَ، يُشِيْرُ ตามหลักภาษาจะหมายถึง “การสื่อสัญญาณ, การทำสัญญาณ (ด้วยสิ่งใดๆ)” ซึ่งเป็นความหมายกว้างๆ  ดังนั้น ในหะดีษข้างต้น  ความหมายของคำว่า  يُشِيْرُ بِالسَّبَّابَةِ ในแง่ภาษาจึงหมายถึง “การสื่อสัญญาณด้วยนิ้วชี้” หรือ “การยกนิ้วชี้ขึ้น”ซึ่งความหมายนี้จะตรงกับอีกสำนวนหนึ่งของหะดีษบทนี้ที่ว่า رَفَعَ إِصْبَعَهُ (ท่านนบีย์ได้ยกนิ้วชี้ของท่านขึ้น) อันเป็นการรายงานของท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ที่จะถึงต่อไป


>>>รายงานที่หนึ่ง เรื่องยกนิ้วชี้ขึ้น แต่ไม่ระบุเรื่องกระดิกหรือไม่กระดิก 

(1) รายงานจากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ ร.ฎ.(สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 73)

รายงานในเรื่องนี้จากท่านอับดุลลอฮ์ มี 3 กระแสด้วยกันคือ

ก. จากท่านอุษมาน บินหะกีม, จากท่านอามิรฺ บินอับดุลลอฮ์, จากบิดาของท่านคือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อัซ-ซุบัยร์ ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า
     كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ  إِذَا قَعَدَ فِى الصَّلاَةِ جَعَلَ قَدَمَهُ الْيُسْرَى بَيْنَ فَخِذِهِ وَسَاقِهِ، وَفَرَشَ قَدَمَهُ الْيُمْنَى، وَوَضَعَ يَدَهُ الْيُسْرَى عَلَى رُكْبَتِهِ الْيُسْرَى، وَوَضَعَ يَدَهُ الْيُمْنَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُمْنَى وَأَشَارَ بِإِصْبَعِهِ
“เมื่อท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะวัลลัมนั่งในนมาซนั้น ท่านจะวางฝ่าเท้าซ้ายของท่านไว้ระหว่างขาอ่อนกับแข้ง(ขวา)ของท่าน และแบฝ่าเท้าขวาของท่าน (ในลักษณะตั้งชันขึ้นอันเป็นการนั่งแบบตะวัรฺรุก)  แล้วท่านก็วางมือซ้ายของท่านลงบนเข่าซ้าย และวางมือขวาของท่านบนขาอ่อนด้านขวา  และท่านก็ทำสัญญาณด้วยนิ้ว(ชี้  คือยกนิ้วชี้ขึ้น)” 
(บันทึกโดยท่านมุสลิม หะดีษที่ 112/579,  ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 988,  ท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ หะดีษที่ 696   และท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 130)
 รายงานนี้เป็นรายงานที่ถูกต้อง และสำนวนในที่นี้เป็นสำนวนจากการบันทึกของท่านมุสลิม


ข. จากท่านมัครอมะฮ์ บินบุกัยรฺ,  จากท่านอามิรฺ บินอับดุลลอฮ์ จากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า
   كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا جَلَسَ فِى الثِّنْتَيْنِ أَوْ فِى اْلأَرْبَعِ يَضَعُ يَدَيْهِ عَلَى رُكْبَتَيْهِ ثُمَّ أَشَارَ بِإِصْبَعِهِ

“เมื่อท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั่ง(อ่านตะชะฮ์ฮุด)ในร็อกอะฮ์ที่สองหรือร็อกอะฮ์ที่สี่  ท่านจะวางมือทั้งสองของท่านลงบนเข่าทั้งสองของท่าน  จากนั้นท่านก็ทำสัญญาณด้วยนิ้ว(ชี้)ของท่าน”
(บันทึกโดย ท่านอัน-นะซาอีย์ หะดีษที่ 1160  และท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 132) ...
สายรายงานนี้ ถูกต้องหรืออย่างน้อยก็หะซัน (สวยงาม)


ค. จากท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน,  จากท่านอามิรฺ บินอับดุลลอฮ์ จากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อัซ-ซุบัยรฺ ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า
   إِنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ إِذَا قَعَدَ فِى التَّشَهُّدِ وَضَعَ كَفَّهُ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ الْيُسْرَى، وَأَشَارَ بِالسَّبَّابَةِ لاَ يُجَاوِزُبَصَرُهُ إِشَارَتَهُ
“เมื่อท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั่งตะชะฮ์ฮุด  ท่านจะวางฝ่ามือซ้ายบนขาอ่อนข้างซ้าย,  และท่านจะทำสัญญาณด้วยนิ้วชี้ โดยที่สายตาของท่านจะมองไปยังการชี้นั้น”
(บันทึกโดย ท่านอัน-นะซาอีย์ หะดีษที่ 1274,  ท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 132 และท่านผู้บันทึกท่านอื่นๆ)
สายรายงานนี้หะซัน (สวยงาม) เพราะท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน มีความบกพร่องด้านความจำเล็กน้อย 




(2) รายงานจากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. (สิ้นชีวิตในสมัยท่านมุอาวิยะฮ์เป็นคอลีฟะฮ์)
หะดีษนี้จากการรายงานของท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. มีรวม 7 กระแสด้วยกัน แต่ขอยก 1 กระแส และจะนำเสนอข้อความที่ตรงประเด็นเรื่องลักษณะนิ้วชี้โดยเฉพาะเท่านั้น

 จากท่านซุฟยาน อัษ-เษารีย์,  จากท่านอาศิม บินกุลัยบ์,  จากบิดาของท่าน, จากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. กล่าวว่า 
                   "...... وَأَشَارَ بِالسَّبَّابَةِ، يَدْعُوْ بِهَا"
“....... แล้วท่านก็ทำสัญญาณด้วยนิ้วชี้ (โดย)วิงวอน (คืออ่านตะชะฮ์ฮุด)ด้วยมัน (นิ้วชี้)”
(บันทึกโดย ท่านอัน-นะซาอีย์ หะดีษที่ 1263,  และท่านอะห์มัด เล่มที่ 4 หน้า 318)

!!!   นอกจากนี้ ก็ยังมีหะดีษในลักษณะเดียวกันนี้ที่รายงานมาจากเศาะหาบะฮ์อีกท่านหนึ่ง คือท่านอิบนุอุมัรฺ ร.ฎ.  จากการบันทึกของท่านมุสลิม หะดีษที่ 115/580,  ท่านอิหม่ามมาลิกในหนังสือ “อัล-มุวัฏเฏาะอ์” หะดีษที่ 195,  ท่านอัต-ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 294,  ท่านอะห์มัด เล่มที่ 2 หน้า 65  และท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 130 เป็นต้น

::: เมื่อพิจารณาดูเนื้อหาและสำนวนของหะดีษนี้ที่รายงานมาโดยเศาะหาบะฮ์ 3 ท่าน คือท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุอัซ-ซุบัยรฺ,  ท่านวาอิล บินหุจญริน และท่านอิบนุอุมัรฺ ร.ฎ. ก็จะเห็นได้ว่า แม้สำนวนในการรายงานจะแตกต่างกัน  แต่ในด้านเนื้อหาแล้วจะตรงกัน คือ ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจะทำสัญญาณด้วยนิ้วชี้ (คือยกนิ้วชี้ขึ้น)ในการอ่านตะชะฮ์ฮุด 
ข้อความของหะดีษนี้ทั้งหมดทุกกระแสข้างต้นมีกล่าวไว้เพียงแค่นี้  ไม่มีกระแสใดรายงานเพิ่มเติมเลยว่า ท่านกระดิกนิ้วชี้หรือไม่กระดิก 


>-----------------------<

>>>รายงานที่สอง เรื่องยกนิ้วชี้ขึ้น แล้วมีระบุชัดเจนว่า ไม่กระดิกนิ้ว 

ลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีรายงานมาดังนี้ 

ท่านซิยาด บินสะอฺด์ บินอับดุรฺเราะห์มาน ได้รายงานจากท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน,  จากท่านอามิรฺ บินอับดุลลอฮ์,  จากท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุอัซ-ซุบัยรฺ ร.ฎ. กล่าวว่า 

         إِنَّ النَّبِىَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يُشِيْرُ بِإِصْبَعِهِ إِذَا دَعَا،  وَلاَ يُحَرِّكُهَا
“แท้จริง ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ทำสัญญาณด้วยนิ้วของท่าน (คือยกนิ้วชี้ขึ้น) ขณะกล่าววิงวอน (คืออ่านตะชะฮ์ฮุด)และท่านไม่ได้กระดิกมัน ” 
(บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 989,  ท่านอัน-นะซาอีย์ หะดีษที่ 1269,  ท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 132  และท่านอัล-บัฆวีย์ในหนังสือ “ชัรหุ อัซ-ซุนนะฮ์” หะดีษที่ 677) 

สถานภาพของหะดีษบทนี้
ท่านอิหม่ามนะวะวีย์ได้กล่าวในหนังสือ “อัล-มัจญมั๊วะอฺ” เล่มที่ 3 หน้า 454 ว่า สายรายงานของหะดีษนี้ ถูกต้อง .

...แต่ตามความเป็นจริงแล้ว นักวิชาการหะดีษหลายท่านได้กล่าววิจารณ์หะดีษนี้ว่ามีความบกพร่องทั้งในด้านสายรายงานและในด้านตัวบท 
กล่าวคือ
ข้อบกพร่องในด้านสายรายงานก็คือ  ท่านมุหัมมัด บินอัจญลานซึ่งเป็นผู้รายงานท่านหนึ่งของหะดีษนี้ (เป็นตาบิอีน, สิ้นชีวิตปี ฮ.ศ. 148) แม้ตามปกติเป็นผู้ที่พอจะเชื่อถือได้(صَدُوْقٌ) และได้รับความเชื่อถือจากนักวิชาการบางท่าน  แต่ขณะเดียวกันก็ถูกนักวิชาการจำนวนมากกล่าวว่า  سَيِّئُ الْحِفْظِ .. คือ เป็นผู้ที่ความจำแย่ 
(จากหนังสือ “อัล-กาชิฟ” ของท่านอัษ-ษะฮะบีย์  เล่มที่ 3 หน้า 69) 

หะดีษซึ่งผู้รายงานที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนี้รายงานมาจะถือว่า เป็น “สายรายงานที่ถูกต้อง” ดังคำกล่าวของท่านอิหม่ามนะวะวีย์ ย่อมไม่ได้  แต่ตามหลักการแล้วต้องถือว่า เป็นหะดีษที่สายรายงานค่อนข้างอ่อน, หรืออย่างดีที่สุดก็อาจกล่าวได้เพียงว่า สายรายงานของมัน หะซัน (สวยงาม) เท่านั้น 
(โปรดดูหนังสือ “ศิฟะตุ ศ่อลาติ้นนบีย์ฯ”  หน้า 159  และหนังสือ “ตะมามุ้ลมินนะฮ์” หน้า 217) 

...ส่วนข้อบกพร่องในด้านเนื้อหาก็คือ ข้อความของหะดีษนี้ที่ว่า “และท่าน(นบีย์)ไม่ได้กระดิกมัน(นิ้วชี้)” ถือเป็นข้อความที่ผิดเพี้ยน(شَاذٌّ) ดังคำกล่าวของนักวิชาการหลายท่านอาทิเช่นท่านอิบนุ้ลก็อยยิม, ท่านอัล-อัลบานีย์,  ท่านเช็คอบูอุบัยดะฮ์ มัชฮูรฺ บินหะซัน เป็นต้น 
(โปรดดูหนังสือ “ซาดุ้ลมะอาด” เล่มที่ 1 หน้า 81,  หนังสือ“เฎาะอีฟสุนันนะซาอีย์”  หน้า 44,  และหนังสือ “อัล-เกาลุ้ลมุบีน ฟี อัขฏออิ้ล มุศ็อลลีน”  หน้า 163) ...
วิเคราะห์
สาเหตุที่นักวิชาการกล่าวว่า ข้อความดังกล่าวของหะดีษนี้ผิดเพี้ยน ก็เพราะข้อความนี้มีรายงานมาเพียงกระแสเดียว คือ จากท่านซิยาด บินซะอฺด์,  จากท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน,  จากท่านอามิรฺ บินอับดุลลอฮ์,

>-----------------------<

>>>รายงานที่สาม กรณียกนิ้วชี้ขึ้นแล้วมีระบุชัดเจนว่า มีการกระดิกนิ้วชี้ด้วย

ท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. กล่าวว่า ...
   لَأَنْظُرَنَّ إِلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَيْفَ يُصَلِّىْ  فَنَظَرْتُ إِلَيْهِ فَقَامَ فَكَبَّرَ وَرَفَعَ يَدَيْهِ حَتىَّ حَاذَتَا بِأُذُنَيْهِ،   ثُمَّ وَضَعَ يَدَهُ الْيُمْنَى عَلَى كَفِّهِ الْيُسْرَى وَالرُّسْغِ وَالسَّاعِدِ،  فَلَمَّا أَرَادَ أَنْ يَرْكَعَ رَفَعَ يَدَيْهِ مِثْلَهَا،  قَالَ : وَوَضَعَ يَدَيْهِ عَلَى رُكْبَتِيْهِ ثُمَّ لَمَّا رَفَعَ رَأْسَهُ رَفَعَ يَدَيْهِ مِثْلَهَا،  ثُمَّ سَجَدَ فَجَعَلَ كَفَّيْهِ بِحِذَاءِ أُذُنَيْهِ،   ثُمَّ قَعَدَ وَافْتَرَشَ رِجْلَهُ الْيُسْرَى وَوَضَعَ كَفَّهُ الْيُسْرَى عَلَى فَخِذِهِ وَرُكْبَتِهِ الْيُسْرَى،   وَجَعَلَ حَدَّ مِرْفَقِهِ اْلأَيْمَنِ عَلَى فَخِذِهِ الْيُمْنَى،   ثُمَّ قَبَضَ اثْنَتَيْنِ مِنْ أَصَابِعِهِ،  وَحَلَّقَ حَلْقَةً،  ثُمَّ رَفَعَ إِصْبَعَهُ،  فَرَأَيْتُهُ يُحَرِّكُهَا يَدْعُوْ بِهَا  
“ขอยืนยันว่าฉันได้พิจารณาดูท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่าท่านจะนมาซอย่างไร  ฉันเห็นท่านยืนขึ้นแล้วกล่าวตักบีรฺ โดยท่านจะยกมือทั้งสองขึ้นจนเสมอกับหูทั้งสองของท่าน  หลังจากนั้นท่านก็วางมือขวาทับบนมือซ้าย ข้อมือ และท่อนแขนซ้ายของท่าน เมื่อท่านต้องการจะรุกั๊วะอฺ ท่านก็ยกมือทั้งสองขึ้นในลักษณะเดิม (ท่านวาอิลกล่าวต่อไปว่า) และวางมือทั้งสองของท่านบนเข่าทั้งสองของท่าน  ต่อมาเมื่อเงยศีรษะขึ้น (มายืนเอี๊ยะอฺติดาล) ท่านก็ยกมือทั้งสองขึ้นในลักษณะเดิมอีก  แล้วท่านก็สุญูด ซึ่งท่านจะวางฝ่ามือทั้งสองของท่านให้เสมอกับหูทั้งสองของท่าน  ต่อมา ท่านก็(ลุกขึ้นมา)นั่ง โดยจะแบเท้าซ้ายออก (รองก้น คือนั่งอิฟติรอช)  และท่านจะวางฝ่ามือซ้ายลงบนขาและเข่าข้างซ้ายของท่าน และวางข้อศอกขวาลงบนขาข้างขวาของท่าน  แล้วท่านก็กำนิ้วของท่านสองนิ้ว (คือนิ้วนางกับนิ้วก้อย)  และทำให้นิ้ว (หัวแม่มือกับนิ้วกลาง)จรดกันเป็นวง  ต่อมาท่านก็ยกนิ้ว(ชี้)ของท่านขึ้น แล้วฉันเห็นท่านกระดิกมันพร้อมกล่าววิงวอน (คือ อ่านตะชะฮ์ฮุด)"

{สำนวนในที่นี้เป็นสำนวนจากการบันทึกของท่านอัน-นะซาอีย์}

สายรายงานของหะดีษบทนี้ มีดังต่อไปนี้ 
1.  ท่านมุอาวิยะฮ์ บินอัมรฺ  รายงานจากท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์,  จากท่านอาศิม บินกุลัยบ์,  จากบิดาของท่านคือท่านกุลัยบ์ บินชิฮาบ,  จากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ.
(บันทึกโดย ท่านอัด-ดาริมีย์  หะดีษที่ 1357,  ท่านอัล-บัยฮะกีย์ เล่มที่ 2 หน้า 132,  ท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ หะดีษที่ 714  และท่านอิบนุหิบบาน  หะดีษที่ 1860) 

2.  ท่านอับดุลลอฮ์ บินมุบาร็อก  รายงานจากท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์,  จากท่านอาศิม บินกุลัยบ์,  จากบิดาของท่าน,  จากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ.
(บันทึกโดย ท่านอัน-นะซาอีย์  หะดีษที่ 888 และ 1267) 

3.  ท่านอับดุศเศาะมัด บินอับดุลวาริษ ได้รายงานจากท่านซาอิดะฮ์บินกุดามะฮ์, จากท่านอาศิม บินกุลัยบ์,  จากบิดาของท่าน,  จากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. 
(บันทึกโดย ท่านอิหม่ามอะห์มัดในหนังสือ “อัล-มุสนัด”  เล่มที่ 4 หน้า 318) 


...เมื่อพิจารณาดูแล้วจะเห็นได้ว่า ท่านมุอาวิยะฮ์ บินอัมรฺ,  ท่านอับดุลลอฮ์ บินมุบาร็อก และท่านอับดุศเศาะมัด บินอับดุลวาริษ ต่างก็รายงานหะดีษนี้มาจากแหล่งเดียวกันคือ จากท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์  แล้วสืบสายรายงานต่อไปจนถึงท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ.

---สายรายงานทั้งหมด เป็นสายรายงานที่ถูกต้องโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ  และไม่ปรากฏมีนักวิชาการท่านใดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่ว่าท่านอิหม่ามนะวะวีย์,  ท่านอัล-บัยฮะกีย์,  ท่านอิบนุ้ลก็อยยิม เป็นต้น จะปฏิเสธความถูกต้องของ “สายรายงาน” หะดีษบทนี้แม้แต่ท่านเดียว ไม่ว่าเขาจะยอมปฏิบัติตาม “เนื้อหา” ของหะดีษนี้ คือการกระดิกนิ้วชี้ขณะอ่านตะชะฮ์ฮุดหรือไม่ก็ตาม

,,,  แต่ประเด็นที่จะต้องพิจารณาก็คือ ข้อความที่ว่า  เห็นท่านนบีย์กระดิกนิ้วชี้ขณะอ่านตะชะฮ์ฮุด เป็นรายงานของท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ (สิ้นชีวิตในปีฮ.ศ. 160)   เพียงผู้เดียว โดยอ้างรายงานมาจากท่านอาศิม บินกุลัยบ์ แล้วสืบสายรายงานต่อไปจนถึงท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ.

เพราะฉะนั้น ข้อความที่ว่า " ฉันเห็นท่านนบีย์กระดิกนิ้วชี้ " จึงเป็นข้อความที่ท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์เพียงผู้เดียว ได้รายงานมาจากท่านอาศิม บินกุลัยบ์ ให้เพิ่มเติมหรือเป็น “ส่วนเกิน” มาจากการรายงานของผู้รายงานอื่นทั้ง 7 ท่านเหล่านั้น 
กรณีนี้จึงคล้ายๆกับข้อความที่ว่า “ท่านนบีย์ไม่ได้กระดิกนิ้วชี้”อันเป็นส่วนเกินจากการรายงานของท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน แทบจะไม่ผิดเพี้ยนกันเลย 
แต่ จุดแตกต่างระหว่าง “ส่วนเกิน” ของท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ กับ “ส่วนเกิน” ของท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน อยู่ที่ความ “น่าเชื่อถือ” ที่แตกต่างกันของทั้งสองท่านนี้ในทัศนะของนักวิชาการหะดีษ 

...ซึ่งท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ ผู้รายงานหะดิษข้างต้น ไม่มีนักวิชาการท่านใดกล่าวตำหนิหรือระบุความบกพร่องของท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์แม้แต่คนเดียว 
 ท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ เป็นผู้รายงานหะดีษจำนวนน้อย ที่นักวิชาการมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ความเชื่อถือท่าน ทั้งเป็นความเชื่อถือในระดับสูงมาก 

A ท่านอิบนุหะญัรฺ อัล-อัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวในหนังสือ “ตักรีบุตตะฮ์ซีบ”  เล่มที่ 1 หน้า 256 ว่า 
        زَائِدَةُ بْنُ قَدَامَةَ الثَّقَفِىُّ، أَبُوالصَّلْتِ،  الْكُوْفِىُّ،  ثِقَةٌ ثَبْتٌ، صَاحِبُ سُنَّةٍ
“ซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ อัษ-ษะกอฟีย์,  อบุศศ้อลต์,  เป็นชาวเมืองกูฟะฮ์,  เชื่อถือได้, มีความมั่นคงแน่นอนมาก(ในการรายงานหะดีษ)  เป็นชาวซุนนะฮ์” 

B  ท่านอัษ-ษะฮะบีย์ ได้กล่าวในหนังสือ “อัล-กาชิฟ”  เล่มที่ 1 หน้า 246 ว่า 
         زَائِدَةُ بْنُ قُدَامَةَ، أَبُوالصَّلْتِ، اَلثَّقَفِىُّ، اَلْكُوْفِىُّ، اَلْحَافِظُ، ... ثِقَةٌ حُجَّةٌ
“ซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์,  อบุศศ็อลต์,  อัษ-ษะกอฟีย์,  เป็นชาวเมืองกูฟะฮ์,  เป็นผู้ที่มีความจำดีเยี่ยม,  เชื่อถือได้,  เป็นหลักประกันได้เรื่องหะดีษ” 

C  ท่านอิบนุหิบบาน ได้กล่าวในหนังสือ “อัษ-ษิกอต”  เล่มที่ 6 หน้า 340 ว่า 
   كَانَ مِنَ الْحُفَّاظِ الْمُتْقِنِيْنَ،  وَكَانَ لاَ يَعُدُّ السَّمَاعَ حَتىَّ يَسْمَعَهُ ثَلاَثَ مَرَّاتٍ،  وَكَانَ لاَ يُحَدِّثُ أَحَدًا حَتىَّ يَشْهَدَ عَنْهُ عَدْلٌ أَنَّهُ مِنْ أَهْلِ السُّنَّةِ 
“ท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ เป็นหนึ่งจากผู้ที่มีความจำดีเยี่ยมและละเอียดประณีต (ในเรื่องหะดีษ) มาก,  ท่านจะไม่ถือว่าได้ยิน(หะดีษจากผู้ใด) จนกว่าท่านจะได้ฟังมันถึงสามครั้ง,  และท่านจะไม่ยอมพูดเรื่องหะดีษกับผู้ใดจนกว่าจะมีผู้มีคุณธรรมมายืนยันกับท่านว่า บุคคลผู้นั้นเป็นชาวซุนนะฮ์” 

D ท่านอัด-ดารุกุฏนีย์ได้กล่าว ดังบันทึกในหนังสือ “ตะฮ์ซีบ อัต-ตะฮ์ซีบ” .. เล่มที่ 3 หน้า 265 ว่า 
                                       مِنَ اْلأَثْبَاتِ اْلأَئِمَّةِ
“เขาเป็นหนึ่งจากผู้ที่แน่นมากในเรื่องหะดีษ, เป็นผู้นำ(ในเรื่องหะดีษ)”
    -ฯลฯ-

...สำหรับรายงานของท่านซาอิดะฮฺ บินกุดามะฮ์ที่ว่า “ท่านนบีย์กระดิกนิ้วชี้” นั้น  ไม่ “ขัดแย้ง” กับรายงานของผู้รายงานท่านอื่น  แต่ถือเป็นการรายงาน “เพิ่มเติม” (زِيَادَةٌ) บางข้อความที่ผู้รายงานท่านอื่นมิได้รายงานไว้ด้วย 

ซึงในกรณีของการรายงานเพิ่มเติมนี้ ตามหลักวิชาการหะดีษจะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 

ก. ถ้าผู้ที่ขาดความเชื่อถือ(ضَعِيْفٌ)อย่างมาก ได้รายงานข้อความใดให้เกินเลยจากรายงานของผู้อื่นที่เชื่อถือได้ รายงานส่วนเกินดังกล่าวถูกเรียกว่า زِيَادَةٌ مُنْكَرَةٌ  (ส่วนเกินที่ถูกปฏิเสธ)  ซึ่งจะนำมาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ 

ข. ถ้าผู้ที่ขาดความเชื่อถือเพียงเล็กน้อยหรือพอจะเชื่อถือได้(صَدُوْقٌ, .. อย่างเช่นท่านมุหัมมัด บินอัจญลาน เป็นต้น) ได้รายงานข้อความใดให้เกินเลยจากการรายงานของผู้ที่เชื่อถือได้มากกว่า ( ثِقَةٌหรือ ثَبْتٌ หรือ  حُجَّةٌ) รายงานส่วนเกินดังกล่าวจะถูกเรียกว่า زِيَادَةٌ شَاذَّةٌ  (ส่วนเกินที่ผิดเพี้ยน) ซึ่งจะนำมาอ้างเป็นหลักฐานไม่ได้เช่นเดียวกัน 

ค. ถ้าผู้ที่ได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างสูง (ثِقَةٌ) คนใดได้รายงานข้อความใดให้เกินเลยจากการรายงานของผู้ที่เชื่อถือได้ในระดับเดียวกันท่านอื่น, ไม่ว่าผู้รายงานท่านอื่นนั้นจะมีท่านเดียวหรือหลายท่าน  การรายงานเพิ่มเติมของเขาก็จะถูกเรียกว่า زِيَادَةٌ مَقْبُوْلَةٌ  (การเพิ่มเติมที่ต้องยอมรับ) 

ดังนั้น รายงานเพิ่มเติมของท่านซาอิดะฮ์บินกุดามะฮ์ที่ว่า  "แล้วฉันก็เห็นท่านกระดิกนิ้วชี้้"  จึงจัดอยู่ในลักษณะที่ 3 นี้  คือเป็น “รายงานเพิ่มเติมที่ต้องยอมรับ” ตามหลักวิชาการ  มิใช่รายงานเพิ่มเติมที่ชาสหรือผิดเพี้ยน 

สรุปว่า หะดีษเรื่องการกระดิกนิ้วชี้ในขณะอ่านตะชะฮ์ฮุดของท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ท่านซาอิดะฮ์ บินกุดามะฮ์ ได้รายงานต่อมาจากท่านวาอิล บินหุจญริน ร.ฎ. จึงเป็นหะดีษที่ถูกต้อง(صَحِيْحٌ) ทั้งสายรายงานและตัวบท 

الله أعلم بالنوايا

หรือจะดาวน์โหลด Pdf ไว้อ่าน หรือถ่ายเก็บไว้อ่าน
>>>>   http://www.upload-thai.com/download.php?id=32686fe78a460b453c914466e84d0b68






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น