อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ไม่อนุญาตให้ละหมาดรวมก่อนการเดินทาง




กรณีผู้ที่ตั้งใจจะเดินทาง(คือยังอยู่ในบ้านแต่ยังไม่ออกเดินทาง) ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงเวลาซุฮริ ซึ่งถ้าหากถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ก็จะเข้าเวลามัฆริบและจะไม่ทันละหมาดอัศริ กรณีดังกล่าว อิสลามไม่อนุญาตให้ผู้ที่ตั้งเจตนาจะเดินทางละหมาดรวมไม่ว่าจะเป็นอัศริกับซุฮริ หรืออิชาอฺกับมัฆริบ ตราบใดที่เขายังอยู่ในบ้าน และยังมิได้ออกเดินทาง เพราะการทำละหมาด ขณะอยู่บ้านโดยมิได้ออกเดินทางอไม่ได้อยู่ในข่ายที่ผ่อนผันให้ละหมาดรวมได้ ก็ต่อเมื่อเขาห่างไกลจากที่พำนักตามระยะทางที่อิสลามได้กำหนดไว้แล้วเท่านั้น

ตามหลักฐานหะดิษต่อไปนี้ ท่านรสูลได้รวมละหมาดขณะพำนักในระหว่างเดินทาง
รายงานจากท่านมุอาซเล่าว่า “ปรากฏว่าท่านรสูลุลลอฮฺออกสงครามตะบูก ครั้นเมื่อดวงอาทิตย์คล้อย ก่อนที่ท่านรสูลจะออกเดินทาง ท่านจะละหมาดซุฮฺริและอัศริรวมกัน และเมื่อท่านรสูลออกเดินทาง(ออกจากที่พักในระหว่างเดินทาง)ก่อนดวงอาทิตย์คล้อย ท่านรสูลจะละหมาดซุฮริล่าออกไปจนกระทั้งเข้าเวลาละหมาดอัศริ”
(หะดิษเศาะเฮียะฮ์ บันทึกโดยอบูดาวูด หะดิษเลขที่ 1022)
والله أعلم

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น