รายงานจากท่านอบูซุบัยร์ จากท่านญาบิรฺเล่าว่า "ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "บุคคลใดที่มีอิมาม(นำละหมาด)เช่นนั้น การอ่านของอิมาม คือการอ่านของมะมูมด้วย"
(หะดิษหะสัน บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ หะดิษเลขที่ 840)
ท่านอุบาดะฮฺ บุตรของศอมิต เล่าว่า แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "ไม่ถือว่าเป็นการละหมาด(ที่สมบูรณ์) สำหรับบุคคลที่ไม่อ่านฟาติหะฮ์
(บันทึกโดยบุคอรี หะดิษเลขที่ 717 , มุสลิม หะดิษเลขที่ 595)
รายงานจากท่านญาบิรฺ บุตรของอับดุลลอฮฺ กล่าวว่า "บุคคลใดที่ละหมาดหนึ่งร็อกอะฮ์โโยไม่อ่านฟาติหะฮ์ในร็อกอะฮฺนั้น เช่นนั้นถือว่าเขายังไม่ได้ละหมาด เว้นแต่เขาจะยืน(เป็นมะมูม)หลังอิมาม"
(บันทึกโดยมาลิก หะดิษเลขที่ 173)
>>>จากหะดิษบุคคลใดยืนละหมาดเพียงคนเดียว หรือยืนละหมาดหลังอิมามในเวลาที่อ่านเสียงค่อย (เช่นละหมาดอัศริ หรือในร็อกที่สาม ที่สี่) หรือบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นอิมาม บุคคลดังกล่าวถือว่าเป็นวาญิบ(จำเป็น) จะต้องอ่านฟาติหะฮฺ
สำหรับบุคคลยืนละหมาดหลังอิมามในเวลาที่อ่านเสียงดัง เมื่ออิมามอ่านฟาติหะฮฺมาถึงประโยคที่ว่า "ฆ็อยริลมัฆฎูบิ อะลัยฮิม วะลัฎฏ็อลลีน" ท่านรสูลสั่งใช้ให้มะมูมกล่าวอามีน โดยมะมูมไม่ต้องอ่านฟาติหะฮฺอีก และจงนิ่งฟังอิมามการอ่านอัลกุรอานของอิมาม
พระองค์อัลลอฮ์กล่าวว่า
“และเมื่ออัล-กุรอานถูกอ่านขึ้น ก็จงสดับฟังอัล-กุรอานนั้นเถิด และจงนิ่งเงียบ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับการเอ็นดูเมตตา”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ 7:204)
والسلام
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น